วานนี้ (8มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ โดยคณะของนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงสนามบินนานาชาติ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อเวลา 09.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง โดยมี ดาโต๊ะ อานิฟาห์ อามัน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย ให้การต้อนรับ
หลังเสร็จพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ นายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อเปิดอาคารที่ทำการใหม่ของฝ่ายกงสุล โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานกงสุลจะเป็นหน้าต่างของประเทศ ทำให้ต่างชาติมีความเข้าใจ และเกิดความเชื่อมั่นในประเทศไทยมากขึ้น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายแก่ทีมประเทศไทย เน้นการทำงานเป็นทีม มีระบบและเป็นเอกภาพโดยเฉพาะในช่วงที่เกิดวิกฤติ ควรใช้โอกาสนี้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และเมื่อประเทศผ่านพ้นวิกฤต มีงบประมาณเพียงพอ ในการสนับสนุนงานด้านต่างๆ ก็จะทำให้เกิดประสิทธิภาพ และพัฒนาได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ให้โอวาทแก่ชุมชนชาวไทยในมาเลเซีย พร้อมชี้แจงสถานการณ์ทางการเมือง ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ และผลกระทบที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งส่งผลต่อการปรับลดงบประมาณปี 53 ของภาครัฐ โดยเฉพาะในหลายๆ กระทรวง และขอให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะภาคประชาชน ช่วยชี้แจงสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดี และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ ตลอดจนสร้างความเข้าใจ และความประทับใจให้กับชาวมาเลเซียและต่างประเทศ
ต่อมา เวลา13.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรี และคณะได้เดินทางมายังสำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมืองปุตราจายา โดยดาโต๊ะ ซรี นาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ให้การต้อนรับ พร้อมนำตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ
จากนั้น ผู้นำทั้งสองได้หารือข้อราชการแบบทวิภาคี และต่อด้วยการหารือแบบเต็มคณะ ซึ่งคณะฝ่ายไทย ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. นายพระนาย สุวรรณรัฐ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย/ผอ.ศอ.บต. และพล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการหารือว่า มาเลเซียพอใจผลการกระชับความสัมพันธ์ และจะมีการหารือในหลายระดับ เพื่อเพิ่มความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านพลังงาน และอาหารฮาลาล ส่วนปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ของไทย มาเลเซียพอใจนโยบายการแก้ปัญหาของไทย และพร้อมให้ความร่วมมือด้านการศึกษา เพื่อเป็นอีกทางหนึ่งในการแก้ปัญหา
"เราได้ขอให้มาเลเซีย เพิ่มการอบรมด้านอาชีพในสถานศึกษาของมาเลเซีย ที่เปิดให้คนไทยมุสลิมเข้าไปศึกษา เพื่อให้คนเหล่านั้นสามารถกลับมาประกอบอาชีพได้ นอกจากนี้ ผู้นำ2 ประเทศ เห็นพ้องกันว่า จะหาโอกาสที่เหมาะสมเพื่อไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนในพื้นที่ภาคใต้ของไทย" นายกรัฐมนตรี กล่าว
สำหรับภารกิจของนายกรัฐมนตรี ในช่วงเย็น นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จะนำนายกรัฐมนตรี และคณะ เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย ที่พระราชวัง ISTANA NEGARA กรุงกัวลัมเปอร์ เวลา 16.30 น. จากนั้น นายกรัฐมนตรี และคณะจะร่วมในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และภริยา เป็นเจ้าภาพ เพื่อเป็นเกียรติกับนายกรัฐมนตรี ก่อนที่นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางกลับประเทศไทย โดยมีกำหนดเดินทางกลับถึงประเทศไทยเวลา 23.50 น.
หลังเสร็จพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ นายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อเปิดอาคารที่ทำการใหม่ของฝ่ายกงสุล โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานกงสุลจะเป็นหน้าต่างของประเทศ ทำให้ต่างชาติมีความเข้าใจ และเกิดความเชื่อมั่นในประเทศไทยมากขึ้น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายแก่ทีมประเทศไทย เน้นการทำงานเป็นทีม มีระบบและเป็นเอกภาพโดยเฉพาะในช่วงที่เกิดวิกฤติ ควรใช้โอกาสนี้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และเมื่อประเทศผ่านพ้นวิกฤต มีงบประมาณเพียงพอ ในการสนับสนุนงานด้านต่างๆ ก็จะทำให้เกิดประสิทธิภาพ และพัฒนาได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ให้โอวาทแก่ชุมชนชาวไทยในมาเลเซีย พร้อมชี้แจงสถานการณ์ทางการเมือง ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ และผลกระทบที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งส่งผลต่อการปรับลดงบประมาณปี 53 ของภาครัฐ โดยเฉพาะในหลายๆ กระทรวง และขอให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะภาคประชาชน ช่วยชี้แจงสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดี และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ ตลอดจนสร้างความเข้าใจ และความประทับใจให้กับชาวมาเลเซียและต่างประเทศ
ต่อมา เวลา13.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรี และคณะได้เดินทางมายังสำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมืองปุตราจายา โดยดาโต๊ะ ซรี นาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ให้การต้อนรับ พร้อมนำตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ
จากนั้น ผู้นำทั้งสองได้หารือข้อราชการแบบทวิภาคี และต่อด้วยการหารือแบบเต็มคณะ ซึ่งคณะฝ่ายไทย ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. นายพระนาย สุวรรณรัฐ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย/ผอ.ศอ.บต. และพล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการหารือว่า มาเลเซียพอใจผลการกระชับความสัมพันธ์ และจะมีการหารือในหลายระดับ เพื่อเพิ่มความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านพลังงาน และอาหารฮาลาล ส่วนปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ของไทย มาเลเซียพอใจนโยบายการแก้ปัญหาของไทย และพร้อมให้ความร่วมมือด้านการศึกษา เพื่อเป็นอีกทางหนึ่งในการแก้ปัญหา
"เราได้ขอให้มาเลเซีย เพิ่มการอบรมด้านอาชีพในสถานศึกษาของมาเลเซีย ที่เปิดให้คนไทยมุสลิมเข้าไปศึกษา เพื่อให้คนเหล่านั้นสามารถกลับมาประกอบอาชีพได้ นอกจากนี้ ผู้นำ2 ประเทศ เห็นพ้องกันว่า จะหาโอกาสที่เหมาะสมเพื่อไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนในพื้นที่ภาคใต้ของไทย" นายกรัฐมนตรี กล่าว
สำหรับภารกิจของนายกรัฐมนตรี ในช่วงเย็น นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จะนำนายกรัฐมนตรี และคณะ เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย ที่พระราชวัง ISTANA NEGARA กรุงกัวลัมเปอร์ เวลา 16.30 น. จากนั้น นายกรัฐมนตรี และคณะจะร่วมในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และภริยา เป็นเจ้าภาพ เพื่อเป็นเกียรติกับนายกรัฐมนตรี ก่อนที่นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางกลับประเทศไทย โดยมีกำหนดเดินทางกลับถึงประเทศไทยเวลา 23.50 น.