นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศ ระบุว่าประเทศเยอรมนีได้ถอนวีซ่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า ยังไม่มี เมื่อถามว่า จะมีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่แน่ใจ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณไม่มีหนังสือเดินทางไทยแล้ว เราจึงไม่มีประเด็น
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงใช้หนังสือเดินทางของประเทศอื่นๆ เพื่อเดินทางไปประเทศต่างๆ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่เคยมีใครบอกตนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้าไปในประเทศเยอรมนีได้ และยังไม่เคยได้ยินข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณไปเยอรมนี ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ได้แค่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงอยู่หลายประเทศ
เมื่อถามว่าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช้หนังสือเดินทางของไทยแล้ว แสดงว่าการติดตามตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนจะจบลงไปด้วยอย่างนั้นหรือ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “เปล่าครับ”
ต่อข้อถามว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะมีขึ้น คิดว่าคาบเกี่ยวกันกับการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราได้ขอความร่วมมือไปยังประเทศที่คาดว่าพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ ว่าอย่าให้เขาใช้เป็นฐานในการเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งเป็นประเพณีปฏิบัติระหว่างมิตรประเทศอยู่แล้ว อีกทั้งผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ ที่เดินทางไปในหลายประเทศ บอกว่าประเทศที่เกี่ยวข้องได้ยืนยันความร่วมมือดังกล่าว แต่ว่าอาจจะมีช่องว่าง ในการติดตามความเคลื่อนไหว ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาอยู่บ้าง แต่ยืนยันว่ารัฐบาลทำอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งที่ ดูไบด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าในการติดตามตัวนั้น จำกัดเฉพาะการใช้พาสปอร์ตไทย และชื่อไทยในนาม พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อใช้ชื่ออื่น เราติดตามยากขึ้น ซึ่งเป็นช่องว่างหนึ่ง ทั้งนี้รัฐบาลยืนยันว่าจะใช้ชื่ออะไรก็ตาม แต่สำคัญที่ต้องเอาตัวคน ไม่ได้สำคัญที่ชื่อ
เมื่อถามว่าเคยได้รับข้อมูลหรือไม่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ชื่ออื่นในการเดินทางไปประเทศต่างๆ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ ติดตามอยู่ เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ชื่ออื่นในการเดินทางจริง ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราเข้าใจอย่างนั้น เพราะยังมีความคลาดเคลื่อนตรงนี้กัน ต่อข้อถามว่าจะมีการอุดช่องโหว่ตรงนี้อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำลังทำอยู่ สำหรับการประสานงานกับตำรวจสากลนั้น ก็มีการประสานไป แต่มักจะมีช่องว่างอยู่ในเรื่องชื่อ
"การนำตัวกลับมา ต้องเป็นไปตามกฎหมายและสนธิสัญญา เพราะอย่าลืมว่าเรามีหลายคนที่พยายามตามตัวกลับมาก่อนหน้านี้ ซึ่งทำได้ด้วยความยากลำบาก โดยมีตัวอย่างซึ่งเป็นที่รู้จักอยู่ 2-3 คน กระบวนการนี้มันไม่ง่าย แต่ อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่เราต้องทำคืออย่าให้มีการใช้ต่างประเทศเป็นฐานในการเข้ามาโจมตี" นายอภิสิทธิ์กล่าว
ต่อข้อถามว่า การที่ชื่อที่ พ.ต.ท.ทักษิณใช้ในการเดินทาง ไม่ตรงกับหมายจับที่ไทยนำไปประสานกับตำรวจสากลจะเป็นปัญหาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปทำความเข้าใจกัน เมื่อถามถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการ ยกร่าง ความตกลงการส่งผู้ร้ายข้ามแดน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนใหญ่มีความคืบหน้า และมีการเจรจายกร่าง ตัวสัญญาต่างๆ
**"เลี้ยบ"ไม่เชื่อ"แม้ว"ใช้ชื่อปลอม
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ชื่อปลอมในการเคลื่อนไหวในต่างประเทศว่า ยังไม่มีข้อมูล และไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงของเรื่องนี้เป็นอย่างไร แต่ตามปกติการเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใด เอกสารอย่างเป็นทางการทั้งหนังสือเดินทางหรือวีซ่า การใช้ชื่อปลอมเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก โดยเฉพาะบุคคลที่มีชื่อเสียง และเป็นถึงอดีตนายกฯ การใช้ชื่อปลอม จึงไม่น่าจะเป็นไปได้
นพ.สุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีควรระมัดระวังในการออกมาพูดเรื่องนี้ เพราะการให้ความเห็นหรือข้อมูล น่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัดก่อน หากไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน ก็ควรเลี่ยงการให้ข้อมูลจะเหมาะสมกว่า
ด้านนายนพดล ปัทมะ อดีตทนายความส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เท่าที่ทราบ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เปลี่ยนชื่อตามที่นายกรัฐมนตรีพูด และขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังพำนักอยู่ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และเชื่อว่าแม้ข้อตกลงสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ จะบรรลุก็ตาม แต่ไม่มีผลต่อพ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากต่างประเทศเข้าใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณ โดนคดีการเมืองหลังยึดอำนาจ และในทางตรงกันข้าม กลับมีความเห็นใจพ.ต.ท.ทักษิณด้วย
ดังนั้นการที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า ต่างประเทศพร้อมให้ความร่วมมือนั้น เป็นเพียงแค่คำพูดเพื่อปลอบใจตัวเอง และรัฐบาลเท่านั้น
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงใช้หนังสือเดินทางของประเทศอื่นๆ เพื่อเดินทางไปประเทศต่างๆ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่เคยมีใครบอกตนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้าไปในประเทศเยอรมนีได้ และยังไม่เคยได้ยินข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณไปเยอรมนี ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ได้แค่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงอยู่หลายประเทศ
เมื่อถามว่าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช้หนังสือเดินทางของไทยแล้ว แสดงว่าการติดตามตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนจะจบลงไปด้วยอย่างนั้นหรือ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “เปล่าครับ”
ต่อข้อถามว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะมีขึ้น คิดว่าคาบเกี่ยวกันกับการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราได้ขอความร่วมมือไปยังประเทศที่คาดว่าพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ ว่าอย่าให้เขาใช้เป็นฐานในการเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งเป็นประเพณีปฏิบัติระหว่างมิตรประเทศอยู่แล้ว อีกทั้งผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ ที่เดินทางไปในหลายประเทศ บอกว่าประเทศที่เกี่ยวข้องได้ยืนยันความร่วมมือดังกล่าว แต่ว่าอาจจะมีช่องว่าง ในการติดตามความเคลื่อนไหว ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาอยู่บ้าง แต่ยืนยันว่ารัฐบาลทำอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งที่ ดูไบด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าในการติดตามตัวนั้น จำกัดเฉพาะการใช้พาสปอร์ตไทย และชื่อไทยในนาม พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อใช้ชื่ออื่น เราติดตามยากขึ้น ซึ่งเป็นช่องว่างหนึ่ง ทั้งนี้รัฐบาลยืนยันว่าจะใช้ชื่ออะไรก็ตาม แต่สำคัญที่ต้องเอาตัวคน ไม่ได้สำคัญที่ชื่อ
เมื่อถามว่าเคยได้รับข้อมูลหรือไม่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ชื่ออื่นในการเดินทางไปประเทศต่างๆ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ ติดตามอยู่ เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ชื่ออื่นในการเดินทางจริง ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราเข้าใจอย่างนั้น เพราะยังมีความคลาดเคลื่อนตรงนี้กัน ต่อข้อถามว่าจะมีการอุดช่องโหว่ตรงนี้อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำลังทำอยู่ สำหรับการประสานงานกับตำรวจสากลนั้น ก็มีการประสานไป แต่มักจะมีช่องว่างอยู่ในเรื่องชื่อ
"การนำตัวกลับมา ต้องเป็นไปตามกฎหมายและสนธิสัญญา เพราะอย่าลืมว่าเรามีหลายคนที่พยายามตามตัวกลับมาก่อนหน้านี้ ซึ่งทำได้ด้วยความยากลำบาก โดยมีตัวอย่างซึ่งเป็นที่รู้จักอยู่ 2-3 คน กระบวนการนี้มันไม่ง่าย แต่ อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่เราต้องทำคืออย่าให้มีการใช้ต่างประเทศเป็นฐานในการเข้ามาโจมตี" นายอภิสิทธิ์กล่าว
ต่อข้อถามว่า การที่ชื่อที่ พ.ต.ท.ทักษิณใช้ในการเดินทาง ไม่ตรงกับหมายจับที่ไทยนำไปประสานกับตำรวจสากลจะเป็นปัญหาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปทำความเข้าใจกัน เมื่อถามถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการ ยกร่าง ความตกลงการส่งผู้ร้ายข้ามแดน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนใหญ่มีความคืบหน้า และมีการเจรจายกร่าง ตัวสัญญาต่างๆ
**"เลี้ยบ"ไม่เชื่อ"แม้ว"ใช้ชื่อปลอม
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ชื่อปลอมในการเคลื่อนไหวในต่างประเทศว่า ยังไม่มีข้อมูล และไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงของเรื่องนี้เป็นอย่างไร แต่ตามปกติการเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใด เอกสารอย่างเป็นทางการทั้งหนังสือเดินทางหรือวีซ่า การใช้ชื่อปลอมเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก โดยเฉพาะบุคคลที่มีชื่อเสียง และเป็นถึงอดีตนายกฯ การใช้ชื่อปลอม จึงไม่น่าจะเป็นไปได้
นพ.สุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีควรระมัดระวังในการออกมาพูดเรื่องนี้ เพราะการให้ความเห็นหรือข้อมูล น่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัดก่อน หากไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน ก็ควรเลี่ยงการให้ข้อมูลจะเหมาะสมกว่า
ด้านนายนพดล ปัทมะ อดีตทนายความส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เท่าที่ทราบ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เปลี่ยนชื่อตามที่นายกรัฐมนตรีพูด และขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังพำนักอยู่ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และเชื่อว่าแม้ข้อตกลงสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ จะบรรลุก็ตาม แต่ไม่มีผลต่อพ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากต่างประเทศเข้าใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณ โดนคดีการเมืองหลังยึดอำนาจ และในทางตรงกันข้าม กลับมีความเห็นใจพ.ต.ท.ทักษิณด้วย
ดังนั้นการที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า ต่างประเทศพร้อมให้ความร่วมมือนั้น เป็นเพียงแค่คำพูดเพื่อปลอบใจตัวเอง และรัฐบาลเท่านั้น