นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่เยอรมนียกเลิกวีซ่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเข้าประเทศว่า ยังไม่ทราบ และตนไม่ค่อยแน่ใจ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีหนังสือเดินทางของไทยแล้ว ดังนั้น ในส่วนของไทยจึงไม่มีประเด็น และในกรณีที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้หนังสือเดินทางของประเทศอื่นเข้าประเทศนั้น ก็ยังไม่มีข้อมูลว่าเดินทางเข้าประเทศเยอรมนีได้ แต่ทราบว่าเดินทางอยู่หลายประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้ใช้วิธีขอความร่วมมือประเทศที่คาดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาศัยอยู่ ว่าอย่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เป็นฐานในการเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งเป็นประเพณีปฏิบัติระหว่างมิตรประเทศอยู่แล้ว และประเทศอื่นๆ ก็คงไม่ยอมให้ใครใช้ประเทศไทยเป็นฐานการเมืองโจมตีรัฐบาลประเทศนั้นเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็ยืนยันความร่วมมือตรงนี้ แต่อาจมีช่องว่างในการติดตามความเคลื่อนไหว ทั้งนี้ ยอมรับว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ชื่ออื่นจะยิ่งทำให้การติดตามตัวมาดำเนินคดียากขึ้น ซึ่งเข้าใจว่าเริ่มมีการใช้ชื่ออื่นในการเดินทางไปประเทศอื่นแล้ว
ส่วนความคืบหน้าในการทำสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปพำนักบ่อยครั้งนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนใหญ่มีความคืบหน้า โดยมีการเจรจาในการยกร่างตัวสัญญาต่างๆ เพราะการจะนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีได้ จะต้องเป็นไปตามกฎหมายและสนธิสัญญา ซึ่งต้องไม่ลืมว่ามีหลายคนที่เราพยายามตามตัวกลับมาดำเนินคดีในไทยก่อนหน้านี้ แต่ทำได้ด้วยความยากลำบาก บางครั้งต้องไปขึ้นศาล และแพ้คดี บางครั้งยังตามตัวไม่ได้ ซึ่งมีตัวอย่างคนที่เป็นที่รู้จัก 2-3 คนที่ทราบกันดี ว่า กระบวนการนี้ไม่ง่าย แต่อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่ต้องทำคือ อย่าให้มีการใช้ต่างประเทศเป็นฐานในการโจมตีเรา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้ใช้วิธีขอความร่วมมือประเทศที่คาดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาศัยอยู่ ว่าอย่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เป็นฐานในการเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งเป็นประเพณีปฏิบัติระหว่างมิตรประเทศอยู่แล้ว และประเทศอื่นๆ ก็คงไม่ยอมให้ใครใช้ประเทศไทยเป็นฐานการเมืองโจมตีรัฐบาลประเทศนั้นเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็ยืนยันความร่วมมือตรงนี้ แต่อาจมีช่องว่างในการติดตามความเคลื่อนไหว ทั้งนี้ ยอมรับว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ชื่ออื่นจะยิ่งทำให้การติดตามตัวมาดำเนินคดียากขึ้น ซึ่งเข้าใจว่าเริ่มมีการใช้ชื่ออื่นในการเดินทางไปประเทศอื่นแล้ว
ส่วนความคืบหน้าในการทำสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปพำนักบ่อยครั้งนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนใหญ่มีความคืบหน้า โดยมีการเจรจาในการยกร่างตัวสัญญาต่างๆ เพราะการจะนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีได้ จะต้องเป็นไปตามกฎหมายและสนธิสัญญา ซึ่งต้องไม่ลืมว่ามีหลายคนที่เราพยายามตามตัวกลับมาดำเนินคดีในไทยก่อนหน้านี้ แต่ทำได้ด้วยความยากลำบาก บางครั้งต้องไปขึ้นศาล และแพ้คดี บางครั้งยังตามตัวไม่ได้ ซึ่งมีตัวอย่างคนที่เป็นที่รู้จัก 2-3 คนที่ทราบกันดี ว่า กระบวนการนี้ไม่ง่าย แต่อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่ต้องทำคือ อย่าให้มีการใช้ต่างประเทศเป็นฐานในการโจมตีเรา