ASTVผู้จัดการายวัน – “ปูนใหญ่” เฮ พ.ร.ก.กู้เงินไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เร่งรัฐอนุมัติโครงการเมกะโปรเจกต์-ใช้เงินเร็ว หวังยอดใช้ปูนซิเมนต์เพิ่มในไตรมาส 4 หลังจากยอดขายติดลบ 10% มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ล่าสุดทุ่ม 20 ล้านบาท ออกแคมเปญ “รวยเป็นล้าน...กับปูนเสือ” แจกทอง มอร์เตอร์ไซด์ ปูน จนถึงสิงหาคมนี้ พร้อมเตรียมงบอีก 50 ล้านบาทจัดแคมเปญเพิ่ม
นายสยามรัฐ สุทธานุกูล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ จำกัด ในเครือ บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ปูนใหญ่ กล่าวว่า นับจากปี 2551 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ปริมาณการใช้ปูนซิเมนต์ลดลงประมาณ 10% ส่งผลให้ยอดขายปูนซิเมนต์ภายในประเทศของบริษัทลดลง 10% เช่นเดียวกัน ดังนั้น บริษัทได้หาทางแก้ไข ด้วยการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศผ่านแคมเปญต่างๆ รวมไปถึงการขยายปริมาณการส่งออกไปยังประเทศคู้ค้าใหม่ๆมากขึ้น
นอกจากนี้ ความหวังของผู้ค้าปูนซิเมนต์ของไทยยังอยู่ที่การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเมกะโปรเจกต์ หากรัฐบาลอนุมัติงบประมาณออกมาเร็ว ก็คาดว่าจะเริ่มมีคำสังซื้อเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ และจะมีความต้องการใช้ปูนซิเมนต์เพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2553 ดังนั้น มติให้พระราชกำหนด(พ.ร.ก.)กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญ จึงถือเป็นข่าวที่ดีมาก อีกทั้ง ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ที่เคยเก็บเงินไว้ใน กล้าที่จะลงทุนมากขึ้น และจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีข่าวดีว่าพ.ร.ก.กู้เงินจะไม่ขัดรัฐธรรมนูญแล้วก็ตาม แต่เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากความไม่สงบทางการเมืองอยู่ หากเกิดความไม่สงบขึ้นอีก ก็จะให้ไม่มีใครกล้าลงทุน ภาวะเศรษฐกิจก็จะชะลอตัวเช่นนี้ต่อไปอีก
ทุ่ม20ล้านอัดแคมเปญกระตุ้นยอดขาย
นายสยามรัฐกล่าวต่อว่า สำหรับแคมเปญที่บริษัทได้จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายนั้น คือ “ รวยเป็นล้าน...กับปูนเสือ ” โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 20 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ “ตราเสือซีเมนต์ ก่อฉาบ เท หรือตราเสือซีเมนต์ ฉาบสูตรพิเศษ ครบทุก 10 ถุก หรือร้านค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวครบทุก 5 ตัน มีสิทธิ์รับคูปอง ลุ้นชิงโชครางวัล
สำหรับรางวัล ได้แก่ รางวัลสำหรับลูกค้าทั่วไปที่ซื้อปูนซิเมนต์จากร้านค้า จะได้รับทองคำแท่งมูลค่า 1 ล้านบาท จำนวน 1 รางวัล, ทองคำแท่ง 1 แสนบาท จำนวน 5 รางวัล,รถมอร์เตอร์ไซด์ ฟรีโน รุ่นปูนเสือ Limited Edition 40,000 บาท จำนวน 10 รางวัล และสร้อยคอทองคำ มูลค่า 8,000 บาท 100 รางวัล ส่วนร้านค้าที่ขายสินค้าให้แก่ลูกค้ารายดังกล่าว ก็จะได้รับรางวัลปูนซิเมนต์ตราเสือ ก่อ ฉาบ เท 30 ตัน 1 รางวัล, 20 ตัน 5 รางวัล, 10 ตัน 10 รางวัล และ 1 ตัน 100 รางวัล ซึ่งได้เปิดรับคูปอง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาจนถึงเดือนสิงหาคมนี้ โดยจะมีการมอบรางวัลเดือนละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 4 เดือน
ส่วนร้านค้าที่ส่งคูปอง จะได้รับรางวัล ที่ 1 ทองคำ มูลค่า 75,000 บาท จำนวน 10 รางวัล รางวัลที่ 2 ทองคำ มูลค่า 15,000 บาท จำนวน 50 รางวัล นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมงบประมาณ สำหรับจัดกิจกรรมทางการตลาดสำหรับปีนี้อีกจำนวน 50 ล้านบาทอีกด้วย
“ปูนตราเสือไม่เคยจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสำหรับลูกค้าทั่วไปมานานกว่า 5 ปี แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความต้องการใช้ปูนลดลงไปมากจริงๆ ดังนั้น จึงต้องจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายดังกล่าว โดย 1 เดือนที่ผ่านมาสามารถกระตุ้นยอดขายปูนตราเสือได้ถึง 10% รวมถึงร้านค้าเองยังสต๊อกปูนเพิ่มขึ้น เพื่อจะได้นำคูปองมาชิงรางวัล” นายสยามรัฐกล่าว
สำหรับปริมาณการใช้ปูนซิเมนต์ในประเทศของปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 22 ล้านตัน ลดลงจากปีที่แล้วที่มีจำนวน 25 ล้านตัน โดยเอสซีจี มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดที่ 40% หรือประมาณ 9 ล้านตัน ส่วนกำลังการผลิตในประเทศมีประมาณ 40 ล้านตัน ซึ่งในปีที่ผ่านมา เอสซีจีส่งออกปูน 8 ล้านตัน และปีนี้จะพยายามรักษาระดับไว้คงเดิม โดยตลาดหลักยังคงเป็นประเทศบังกลาเทศและเวียดนาม นอกจากนี้ ยังหาตลาดใหม่ๆ เช่น ประเทศมาดากัสการ์ ประเทศตูนิเซีย เป็นต้น ส่วนตลาดสหรัฐอเมริกาที่เคยเป็นตลาดสำคัญ ปัจจุบันแทบไม่มียอดสั่งซื้อเลย
นายสยามรัฐ สุทธานุกูล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ จำกัด ในเครือ บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ปูนใหญ่ กล่าวว่า นับจากปี 2551 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ปริมาณการใช้ปูนซิเมนต์ลดลงประมาณ 10% ส่งผลให้ยอดขายปูนซิเมนต์ภายในประเทศของบริษัทลดลง 10% เช่นเดียวกัน ดังนั้น บริษัทได้หาทางแก้ไข ด้วยการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศผ่านแคมเปญต่างๆ รวมไปถึงการขยายปริมาณการส่งออกไปยังประเทศคู้ค้าใหม่ๆมากขึ้น
นอกจากนี้ ความหวังของผู้ค้าปูนซิเมนต์ของไทยยังอยู่ที่การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเมกะโปรเจกต์ หากรัฐบาลอนุมัติงบประมาณออกมาเร็ว ก็คาดว่าจะเริ่มมีคำสังซื้อเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ และจะมีความต้องการใช้ปูนซิเมนต์เพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2553 ดังนั้น มติให้พระราชกำหนด(พ.ร.ก.)กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญ จึงถือเป็นข่าวที่ดีมาก อีกทั้ง ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ที่เคยเก็บเงินไว้ใน กล้าที่จะลงทุนมากขึ้น และจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีข่าวดีว่าพ.ร.ก.กู้เงินจะไม่ขัดรัฐธรรมนูญแล้วก็ตาม แต่เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากความไม่สงบทางการเมืองอยู่ หากเกิดความไม่สงบขึ้นอีก ก็จะให้ไม่มีใครกล้าลงทุน ภาวะเศรษฐกิจก็จะชะลอตัวเช่นนี้ต่อไปอีก
ทุ่ม20ล้านอัดแคมเปญกระตุ้นยอดขาย
นายสยามรัฐกล่าวต่อว่า สำหรับแคมเปญที่บริษัทได้จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายนั้น คือ “ รวยเป็นล้าน...กับปูนเสือ ” โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 20 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ “ตราเสือซีเมนต์ ก่อฉาบ เท หรือตราเสือซีเมนต์ ฉาบสูตรพิเศษ ครบทุก 10 ถุก หรือร้านค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวครบทุก 5 ตัน มีสิทธิ์รับคูปอง ลุ้นชิงโชครางวัล
สำหรับรางวัล ได้แก่ รางวัลสำหรับลูกค้าทั่วไปที่ซื้อปูนซิเมนต์จากร้านค้า จะได้รับทองคำแท่งมูลค่า 1 ล้านบาท จำนวน 1 รางวัล, ทองคำแท่ง 1 แสนบาท จำนวน 5 รางวัล,รถมอร์เตอร์ไซด์ ฟรีโน รุ่นปูนเสือ Limited Edition 40,000 บาท จำนวน 10 รางวัล และสร้อยคอทองคำ มูลค่า 8,000 บาท 100 รางวัล ส่วนร้านค้าที่ขายสินค้าให้แก่ลูกค้ารายดังกล่าว ก็จะได้รับรางวัลปูนซิเมนต์ตราเสือ ก่อ ฉาบ เท 30 ตัน 1 รางวัล, 20 ตัน 5 รางวัล, 10 ตัน 10 รางวัล และ 1 ตัน 100 รางวัล ซึ่งได้เปิดรับคูปอง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาจนถึงเดือนสิงหาคมนี้ โดยจะมีการมอบรางวัลเดือนละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 4 เดือน
ส่วนร้านค้าที่ส่งคูปอง จะได้รับรางวัล ที่ 1 ทองคำ มูลค่า 75,000 บาท จำนวน 10 รางวัล รางวัลที่ 2 ทองคำ มูลค่า 15,000 บาท จำนวน 50 รางวัล นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมงบประมาณ สำหรับจัดกิจกรรมทางการตลาดสำหรับปีนี้อีกจำนวน 50 ล้านบาทอีกด้วย
“ปูนตราเสือไม่เคยจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสำหรับลูกค้าทั่วไปมานานกว่า 5 ปี แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความต้องการใช้ปูนลดลงไปมากจริงๆ ดังนั้น จึงต้องจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายดังกล่าว โดย 1 เดือนที่ผ่านมาสามารถกระตุ้นยอดขายปูนตราเสือได้ถึง 10% รวมถึงร้านค้าเองยังสต๊อกปูนเพิ่มขึ้น เพื่อจะได้นำคูปองมาชิงรางวัล” นายสยามรัฐกล่าว
สำหรับปริมาณการใช้ปูนซิเมนต์ในประเทศของปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 22 ล้านตัน ลดลงจากปีที่แล้วที่มีจำนวน 25 ล้านตัน โดยเอสซีจี มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดที่ 40% หรือประมาณ 9 ล้านตัน ส่วนกำลังการผลิตในประเทศมีประมาณ 40 ล้านตัน ซึ่งในปีที่ผ่านมา เอสซีจีส่งออกปูน 8 ล้านตัน และปีนี้จะพยายามรักษาระดับไว้คงเดิม โดยตลาดหลักยังคงเป็นประเทศบังกลาเทศและเวียดนาม นอกจากนี้ ยังหาตลาดใหม่ๆ เช่น ประเทศมาดากัสการ์ ประเทศตูนิเซีย เป็นต้น ส่วนตลาดสหรัฐอเมริกาที่เคยเป็นตลาดสำคัญ ปัจจุบันแทบไม่มียอดสั่งซื้อเลย