พล. อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการจัดสรรงบประมาณ ในการจัดซื้อเครื่องบินกริพเพน ล็อตใหม่ ของกองทัพอากาศ (ทอ.) จำนวน 15,400 ล้านบาทว่า เป็นเพียงเตรียมการขออนุมัติจาก ครม.ตามโครงการของกองทัพอากาศ แต่ในส่วนงบประมาณ คงไม่สามารถดำเนินการได้ ในปี 2553 ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รมว.กลาโหมได้ให้นโยบายไว้ หลังถูกปรับลดงบประมาณ 200,000 ล้านบาท หากไม่สามารถดำเนินโครงการใหม่ ก็ให้ปรับปรุงยุทโธปกรณ์ให้ใช้ได้
การตัดงบประมาณไม่เป็นปัญหา แต่ขณะนี้ ประเทศเพื่อนบ้านมีการสะสมอาวุธ โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ที่ซื้อเรือดำน้ำ 6 ลำ จากประเทศรัสเซีย ขณะนี้ กองทัพเรือเราก็ต้องการมีเรือดำน้ำ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ซึ่งมีผลประโยชน์ค่อนข้างมาก แต่เรากลายเป็นประเทศเดียว ที่ยังไม่มีเรือดำน้ำ ในภูมิภาคนี้
พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า กองทัพมีความเป็นห่วง เนื่องจากขณะนี้ ทุกชาติพยายาม สะสมอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อให้เกิดอำนาจต่อรอง และให้ประเทศคู่เจรจาเกิดความ เกรงใจ รวมทั้งยังเสี่ยงต่อภัยคุกคาม แต่ภาระหน้าที่ความมั่นคง ต้องทำให้ดีที่สุด ทั้งนี้ ผู้บังคับบัญชาแต่ละเหล่าทัพ มีความรับผิดชอบดูแลบุคลากรให้พร้อมรบ เท่าที่จะทำได้ แต่การจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดอำนาจเจรจา และอำนาจต่อรอง มีความจำเป็นต้องสะสมอาวุธ ซึ่งพม่ามีอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัสเซีย ค่อนข้างมาก จึงเป็นไปได้ว่าอาจมีศักยภาพด้านการทหารสูงกว่าไทย แต่เรามีความเชื่อมั่นในกำลังพล ที่ฝึกอย่างเข้มข้น
พล.อ.อภิชาต กล่าวด้วยว่า ในการประชุมความมั่นคงครั้งที่ 8 ภายใต้ แชงการีล่าไดอะล็อก ที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อวันที่ 29-31 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมี รมว.กลาโหม 20 ประเทศเข้าร่วมประชุม ปกติหลังการประชุม รมว.กลาโหม ของสหรัฐฯ จะเดินทางมาประเทศไทย เพื่อหารืออย่างไม่เป็นทางการและพบผู้นำของประเทศไทย แต่ครั้งนี้ นายโรเบิร์ต เกท รมว.กลาโหม สหรัฐอเมริกา ได้แจ้งว่าติดภารกิจ และไปแวะที่กรุงมานิลา ประเทศฟิลิปปินส์ จึงเป็นข้อสังเกตว่า แม้แต่สหรัฐอเมริกา อาจมองว่า ขณะนี้ความสำคัญของไทยอาจลดน้อยลงไปได้ เพราะปกติทุกครั้งจะเดินทางแวะเข้ามา
การตัดงบประมาณไม่เป็นปัญหา แต่ขณะนี้ ประเทศเพื่อนบ้านมีการสะสมอาวุธ โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ที่ซื้อเรือดำน้ำ 6 ลำ จากประเทศรัสเซีย ขณะนี้ กองทัพเรือเราก็ต้องการมีเรือดำน้ำ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ซึ่งมีผลประโยชน์ค่อนข้างมาก แต่เรากลายเป็นประเทศเดียว ที่ยังไม่มีเรือดำน้ำ ในภูมิภาคนี้
พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า กองทัพมีความเป็นห่วง เนื่องจากขณะนี้ ทุกชาติพยายาม สะสมอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อให้เกิดอำนาจต่อรอง และให้ประเทศคู่เจรจาเกิดความ เกรงใจ รวมทั้งยังเสี่ยงต่อภัยคุกคาม แต่ภาระหน้าที่ความมั่นคง ต้องทำให้ดีที่สุด ทั้งนี้ ผู้บังคับบัญชาแต่ละเหล่าทัพ มีความรับผิดชอบดูแลบุคลากรให้พร้อมรบ เท่าที่จะทำได้ แต่การจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดอำนาจเจรจา และอำนาจต่อรอง มีความจำเป็นต้องสะสมอาวุธ ซึ่งพม่ามีอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัสเซีย ค่อนข้างมาก จึงเป็นไปได้ว่าอาจมีศักยภาพด้านการทหารสูงกว่าไทย แต่เรามีความเชื่อมั่นในกำลังพล ที่ฝึกอย่างเข้มข้น
พล.อ.อภิชาต กล่าวด้วยว่า ในการประชุมความมั่นคงครั้งที่ 8 ภายใต้ แชงการีล่าไดอะล็อก ที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อวันที่ 29-31 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมี รมว.กลาโหม 20 ประเทศเข้าร่วมประชุม ปกติหลังการประชุม รมว.กลาโหม ของสหรัฐฯ จะเดินทางมาประเทศไทย เพื่อหารืออย่างไม่เป็นทางการและพบผู้นำของประเทศไทย แต่ครั้งนี้ นายโรเบิร์ต เกท รมว.กลาโหม สหรัฐอเมริกา ได้แจ้งว่าติดภารกิจ และไปแวะที่กรุงมานิลา ประเทศฟิลิปปินส์ จึงเป็นข้อสังเกตว่า แม้แต่สหรัฐอเมริกา อาจมองว่า ขณะนี้ความสำคัญของไทยอาจลดน้อยลงไปได้ เพราะปกติทุกครั้งจะเดินทางแวะเข้ามา
