เอเอฟพี - "รัฐมนตรีคลังเงา" ของญี่ปุ่น ซึ่งวาดหวังจะได้นั่งเก้าอี้ขุนคลังคนต่อไปปลายปีนี้ เผยวิสัยทัศน์ คิดสร้างสกุลเงินสำหรับตลาดร่วมเอเชีย เพราะในอนาคตเงินดอลลาร์จะไม่ใช่เงินสกุลหลักอีกต่อไป
มาซาฮารุ นากางาวะ "รัฐมนตรีคลังเงา" จากพรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น กล่าวว่าถ้าหากพรรคเดโมแครติก ปาร์ตี้ ออฟ แจแปน (ดีพีเจ) ของเขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปในปีนี้ เขาก็จะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของญี่ปุ่นให้มีเมตตาและนุ่มนวลยิ่งกว่าเดิม
"คุณไม่มีทางกระตุ้นสังคมขึ้นมาได้โดยใช้กฎป่าที่ว่าคนเข้มแข็งจะยิ่งเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ" เขาบอก "ในสนามกอล์ฟ ผู้เล่นคนเดิมจะชนะเสมอ ถ้าหากไม่มีการให้แต้มต่อแก่คนอื่นๆ "
ทั้งนี้ ทาโร อาโซะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นจะต้องจัดการเลือกตั้งทั่วไปภายในเดือนกันยายนปีนี้ ซึ่งพรรคฝ่ายค้านดีเจพีหวังที่จะโค่นพรรคลิเบอรัล เดโมแครติก ปาร์ตี้ (แอลดีพี) ของอาโซะลงให้ได้ หลังจากที่แอลดีพีครองอำนาจเป็นรัฐบาลอย่างแทบจะต่อเนื่องโดยตลอดในช่วงกว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา
นอกจากนั้น นากางาวะยังระบุถึงเค้าโครงการเปลี่ยนแปลงบางประการที่เขาเตรียมการไว้หากได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีคลังของญี่ปุ่น
เมื่อมองภาพกว้างในระดับภูมิภาค เขากล่าวว่าเอเชียควรร่วมมือกันแก้ปัญหาด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจในฐานะที่เป็น "ประชาคมที่มีเอกภาพ"
เขาเสนอด้วยว่า "สกุลเงินของเอเชียควรรวมกันเป็นสกุลเดียว ในเส้นทางของการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจที่เป็นหนึ่งเดียวขึ้นในภูมิภาค" ทว่าเขาไม่ได้ระบุกรอบเวลาที่แน่นอนของเรื่องนี้ โดยชี้ว่าจะต้องขึ้นอยู่กับพัฒนาการทางเศรษฐกิจและการเมืองของจีนอย่างมากด้วย
นากางาวะกล่าวว่าทุกคนต้อง "ขบคิดพิจารณาในเรื่องที่เงินดอลลาร์มีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถเป็นเงินสกุลหลักของโลกได้อีกต่อไปในระยะกลางและระยะยาว" เพราะโลกกำลังจัดระเบียบใหม่หลังยุคสงครามเย็น
เขายังเห็นว่าก่อนที่จะมีเงินสกุลร่วมของเอเชีย "รัฐบาลญี่ปุ่นควรพยายามทำให้ 'เขตเอเชีย' หันมาใช้เงินสกุลเยนในการซื้อขายแลกเปลี่ยนแทนที่จะใช้ดอลลาร์สหรัฐฯ และตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ญี่ปุ่นจะดำเนินการเรื่องนี้แล้ว"
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นอาจเพิ่มเงินกู้ยืมให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) โดยมีเงื่อนไขว่าเป็นเงินกู้ยืมในสกุลเยน และญี่ปุ่นยังควรค้ำประกันพันธบัตรรัฐบาลประเทศในเอเชีย ซึ่งออกเป็นสกุลเงินของญี่ปุ่นด้วย
ในเดือนมิถุนายนนี้ นากางาวะจะมีอายุ 59 ปี เขาจบการศึกษาด้านการต่างประเทศจากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ในสหรัฐฯ และมีลูกๆ สี่คน เขาเป็น ส.ส. ในเขตมิเอะตอนกลาง และพูดถึงตัวเองว่าเป็นพวกที่รู้อะไรกว้างๆ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ
นากางาวะยังมีมุมมองต่อญี่ปุ่นในภาพรวมอีกว่า ที่ผ่านมานั้นญี่ปุ่นเดินตามรอยของสหรัฐฯ และลัทธิเสรีนิยมมาตลอด แต่ตอนนี้เป็นเวลาที่ญี่ปุ่นจะต้องเป็นประเทศที่ "มีความเป็นเอเชียมากขึ้น"
เขาบอกว่า "ขณะนี้เป็นเวลาที่ญี่ปุ่นจะพูดแล้วว่าต้องการจะสร้างสรรค์โลกแบบไหน ไม่ใช่แค่ปรับตัวเองให้เข้ากับสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนที่เคยเป็นมา" ตั้งแต่แพ้สงครามโลกครั้งที่สอง
ส่วนภายในประเทศนั้น เขามีแนวทางสอดคล้องกับยูกิโอะ ฮาโตยามะ หัวหน้าพรรคดีพีเจคนใหม่ ในเรื่องการสร้าง "สังคมที่มีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน"
พรรคดีพีเจประกาศว่าจะลดภาษีธุรกิจให้กับบริษัทขนาดเล็กเพื่อจะได้มีโอกาสในการแข่งขันสูงขึ้น นอกจากนั้น ยังจะใช้เงิน 21 ล้านล้านเยน (220,000 ล้านดอลลาร์) เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจในช่วงสองปีข้างหน้า โดยมีทั้งมาตรการการลดภาษี การให้เงินช่วยหลือแก่ครอบครัวที่มีบุตร และเลิกเก็บค่าทางด่วน
ส่วนนายกรัฐมนตรีทาโร อาโซะมีแผนใช้เงินงบประมาณ 15.4 ล้านล้านเยนในปีงบประมาณปัจจุบันซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2010
มาซาฮารุ นากางาวะ "รัฐมนตรีคลังเงา" จากพรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น กล่าวว่าถ้าหากพรรคเดโมแครติก ปาร์ตี้ ออฟ แจแปน (ดีพีเจ) ของเขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปในปีนี้ เขาก็จะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของญี่ปุ่นให้มีเมตตาและนุ่มนวลยิ่งกว่าเดิม
"คุณไม่มีทางกระตุ้นสังคมขึ้นมาได้โดยใช้กฎป่าที่ว่าคนเข้มแข็งจะยิ่งเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ" เขาบอก "ในสนามกอล์ฟ ผู้เล่นคนเดิมจะชนะเสมอ ถ้าหากไม่มีการให้แต้มต่อแก่คนอื่นๆ "
ทั้งนี้ ทาโร อาโซะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นจะต้องจัดการเลือกตั้งทั่วไปภายในเดือนกันยายนปีนี้ ซึ่งพรรคฝ่ายค้านดีเจพีหวังที่จะโค่นพรรคลิเบอรัล เดโมแครติก ปาร์ตี้ (แอลดีพี) ของอาโซะลงให้ได้ หลังจากที่แอลดีพีครองอำนาจเป็นรัฐบาลอย่างแทบจะต่อเนื่องโดยตลอดในช่วงกว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา
นอกจากนั้น นากางาวะยังระบุถึงเค้าโครงการเปลี่ยนแปลงบางประการที่เขาเตรียมการไว้หากได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีคลังของญี่ปุ่น
เมื่อมองภาพกว้างในระดับภูมิภาค เขากล่าวว่าเอเชียควรร่วมมือกันแก้ปัญหาด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจในฐานะที่เป็น "ประชาคมที่มีเอกภาพ"
เขาเสนอด้วยว่า "สกุลเงินของเอเชียควรรวมกันเป็นสกุลเดียว ในเส้นทางของการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจที่เป็นหนึ่งเดียวขึ้นในภูมิภาค" ทว่าเขาไม่ได้ระบุกรอบเวลาที่แน่นอนของเรื่องนี้ โดยชี้ว่าจะต้องขึ้นอยู่กับพัฒนาการทางเศรษฐกิจและการเมืองของจีนอย่างมากด้วย
นากางาวะกล่าวว่าทุกคนต้อง "ขบคิดพิจารณาในเรื่องที่เงินดอลลาร์มีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถเป็นเงินสกุลหลักของโลกได้อีกต่อไปในระยะกลางและระยะยาว" เพราะโลกกำลังจัดระเบียบใหม่หลังยุคสงครามเย็น
เขายังเห็นว่าก่อนที่จะมีเงินสกุลร่วมของเอเชีย "รัฐบาลญี่ปุ่นควรพยายามทำให้ 'เขตเอเชีย' หันมาใช้เงินสกุลเยนในการซื้อขายแลกเปลี่ยนแทนที่จะใช้ดอลลาร์สหรัฐฯ และตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ญี่ปุ่นจะดำเนินการเรื่องนี้แล้ว"
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นอาจเพิ่มเงินกู้ยืมให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) โดยมีเงื่อนไขว่าเป็นเงินกู้ยืมในสกุลเยน และญี่ปุ่นยังควรค้ำประกันพันธบัตรรัฐบาลประเทศในเอเชีย ซึ่งออกเป็นสกุลเงินของญี่ปุ่นด้วย
ในเดือนมิถุนายนนี้ นากางาวะจะมีอายุ 59 ปี เขาจบการศึกษาด้านการต่างประเทศจากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ในสหรัฐฯ และมีลูกๆ สี่คน เขาเป็น ส.ส. ในเขตมิเอะตอนกลาง และพูดถึงตัวเองว่าเป็นพวกที่รู้อะไรกว้างๆ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ
นากางาวะยังมีมุมมองต่อญี่ปุ่นในภาพรวมอีกว่า ที่ผ่านมานั้นญี่ปุ่นเดินตามรอยของสหรัฐฯ และลัทธิเสรีนิยมมาตลอด แต่ตอนนี้เป็นเวลาที่ญี่ปุ่นจะต้องเป็นประเทศที่ "มีความเป็นเอเชียมากขึ้น"
เขาบอกว่า "ขณะนี้เป็นเวลาที่ญี่ปุ่นจะพูดแล้วว่าต้องการจะสร้างสรรค์โลกแบบไหน ไม่ใช่แค่ปรับตัวเองให้เข้ากับสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนที่เคยเป็นมา" ตั้งแต่แพ้สงครามโลกครั้งที่สอง
ส่วนภายในประเทศนั้น เขามีแนวทางสอดคล้องกับยูกิโอะ ฮาโตยามะ หัวหน้าพรรคดีพีเจคนใหม่ ในเรื่องการสร้าง "สังคมที่มีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน"
พรรคดีพีเจประกาศว่าจะลดภาษีธุรกิจให้กับบริษัทขนาดเล็กเพื่อจะได้มีโอกาสในการแข่งขันสูงขึ้น นอกจากนั้น ยังจะใช้เงิน 21 ล้านล้านเยน (220,000 ล้านดอลลาร์) เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจในช่วงสองปีข้างหน้า โดยมีทั้งมาตรการการลดภาษี การให้เงินช่วยหลือแก่ครอบครัวที่มีบุตร และเลิกเก็บค่าทางด่วน
ส่วนนายกรัฐมนตรีทาโร อาโซะมีแผนใช้เงินงบประมาณ 15.4 ล้านล้านเยนในปีงบประมาณปัจจุบันซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2010