xs
xsm
sm
md
lg

ถึงเวลา “คางคกตกวอ” คนดี-ได้ดีมีอำนาจ! (ตอน 1)

เผยแพร่:   โดย: ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย

พลเมืองพันธมิตรฯ เรือนแสน..ลงมติตั้งพรรคการเมือง!

ถือเป็นการ..ให้กำเนิดพรรคการเมืองของประชาชน จากประชาชนอันถือเป็นเสียงสวรรค์อย่างแท้จริง!!

นับเป็นการตั้งพรรคการเมืองของประชาชน ที่ใช้การลงประชามติทางตรงในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นครั้งแรกของประเทศไทยและของโลกครับ!!!


ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2552 ณ สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก

อดีตแห่งวันเวลาที่พันธมิตรฯ เคยต่อสู้กับ “คนหน้าเหลี่ยม” ซึ่งปกครองบ้านเมืองด้วยระบอบทุนนิยมสามานย์นั้น พลเมืองชาวพันธมิตรฯ ได้เคยเผชิญแล้ว ทั้งแดด-ร้อนเปรี้ยง พายุฝน-ที่พัดกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา ลมหนาว-ที่พัดกรรโชกจนร่างสั่นสะท้าน

รวมทั้งระเบิดและอาวุธสงครามที่ลอบเข่นฆ่า จนพลเมืองชาวพันธมิตรฯ ต้องบาดเจ็บ-พิการ-ล้มตายกันไปหลายร้อยคน เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551

แต่พลเมืองชาวพันธมิตรฯ ก็มิได้ระย่อหรือเกรงกลัว พวกเขากลับเผชิญหน้ากับธรรมชาติที่ผันแปร และเชิดหน้าสู้กับความเป็นตายทุกเสี้ยววินาทีอย่างกล้าหาญ จนเหล่าพันธมิตรฯ ได้กลายเป็นพลังอันทรงศักยภาพ ทำให้รัฐบาลระบอบทุนนิยมสามานย์ และนอมินีของ “คนหน้าเหลี่ยม” ต้องล้มครืนลงอย่างไม่เป็นท่าถึง 3 รัฐบาล!

พรรคพันธมิตรฯ จะชื่ออะไร? ใครเป็นหัวหน้าพรรค? ใครเป็นกรรมการบริหารพรรค? องค์กรพรรคจะมีโครงสร้างเช่นไร? ธรรมนูญและกฎระเบียบข้อบังคับพรรคจะเป็นแบบไหน? อีกไม่นานคงได้รู้กันครับ

แต่จากที่ผมรู้จักมักจี่กับบุคลากรของชาวพันธมิตรฯ นั้น ผมเชื่อมั่นว่า..แกนนำและชาวพันธมิตรฯ จะต้องทำให้พรรคพันธมิตรฯ ดี-มีคุณภาพเหนือกว่าพรรคของพวกเสือ-สิงห์-กระทิง-แรด-สุนัข-ตะกวด ฯลฯ ในการเมืองเก่าดังอย่างแน่นอน

ว่าไปแล้ว..พันธมิตรฯ ไม่จำเป็นต้องมาเหนื่อยเพื่อตั้งพรรคการเมืองเลย หากพรรคเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ที่เคยเป็นทั้งพรรคฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาล กระทั่งเป็นพรรคแกนนำตั้งรัฐบาลมาแล้วหลายยุคสมัย จริงจัง-จริงใจกับการปฏิรูปการเมือง ด้วยการทำให้เงินไร้ค่า-ไร้ความหมาย ไร้การซื้อเสียงทุกคราที่มีการเลือกตั้งบนผืนแผ่นดินไทย

เพื่อเปิด “ทางหลวง” ให้ “คนดี” ที่เก่ง-กล้า-เสียสละได้ขึ้นบริหารชาติบ้านเมืองให้มากที่สุด ในขณะเดียวกันก็กีดกันคนชั่วหรือ “โจรใส่สูท” มิให้ใช้ “ถนนหลวง” เที่ยวตั้งด่านเถื่อนปล้นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ดังเช่นทุกวันนี้ไงล่ะครับ

หลายสิบปีที่ผ่านมา..ประชาธิปัตย์มีโอกาสทองมากมายที่จะปฏิรูปการเมืองและสื่อมวลชนให้ดี-มีคุณภาพ เพื่อทำเรื่องดีๆ ให้แก่ชาติและประชาชนดังที่ผมกล่าวถึงเบื้องต้น แต่พรรค ปชป.ก็ทำน้อยเกินไป-น้อยมาก-น้อยอย่างเหลือเชื่อ

ทำให้นักการเมือง-ข้าราชการ และนักธุรกิจการเมืองชั่วสมคบกันใช้เงื่อนไขการเมืองเก่าที่เน่าเฟะ และอาศัยช่องโหว่ทางกลไกเกี่ยวกับการเลือกตั้งอันด้อยประสิทธิภาพ ใช้เงินซื้อผู้สมัคร ส.ส.และซื้อเสียงประชาชน ด้วยนโยบาย “น้ำผึ้งผสมยาพิษ” ประชานิยม เป็นเล่ห์กลยึดอำนาจรัฐไว้ในกำมือได้เบ็ดเสร็จ

เป็นที่รู้กันดีในหมู่ “คอการเมือง” ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โอกาสก้าวขึ้นนั่งเก้าอี้นายกฯ ดังในวันนี้นั้น..ไม่มีทางเป็นไปได้เลย หากไม่มี “สีเขียว” บางคน “เล่นกล” พลิกขั้ว ทำให้พรรค ปชป.จากฝ่ายค้านอยู่ดีๆ ผันแปรกลายเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลอย่างฉับพลันกะทันหัน

การพลิกขั้วที่พรรคร่วมรัฐบาลขี่คอพรรค ปชป.ผู้เป็นแกนนำ ด้วยเสียง ส.ส.ปชป.ที่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่งในสภาฯ นั้น ทำให้ความเป็นผู้นำของนายกฯ อภิสิทธิ์หดหายแทบไม่เหลือหลอให้เห็นเลย

วันนี้..ต้องยอมรับว่า พรรคร่วมรัฐบาล..โดยเฉพาะภูมิใจไทยนั้นใหญ่กว่านายกฯอภิสิทธิ์ ถึงขนาดผู้คนโจษขานกันว่า ใน ปชป.นั้น..นายกฯ ตัวจริงคือ “เทพเทือก” ส่วนนายกฯ ตัวจริงของชาติไทย..ก็อยู่ในกำมือของคนชื่อพม่าหน้าเขมรครับ

เมื่อนักการเมืองเก่ายังพอใจจะจมปลักอยู่ในหล่มการเมืองเก่าที่เน่าเฟะ คิดแค่เพียงจะแก้รัฐธรรมนูญบางมาตรา เพื่อสนองประโยชน์แก่ตนและพวกพ้อง อีกทั้งมุ่งมั่นแต่จะสมานฉันท์แบบไร้สติ-ไร้ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี มุ่งแต่จะยกเลิกความผิดให้นักการเมืองไม่กี่คน แทนที่จะเห็นแก่ผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ในชาติ

ที่สำคัญนักการเมืองเก่าทั้งหลายไม่รู้สึกรู้สาเลยว่า วันนี้ประชาชนคนไทยได้ตื่นตัวทางการเมือง และเบื่อหน่ายการเมืองเก่าที่เอาแต่แก่งแย่งตำแหน่งรัฐมนตรี รวมทั้งเต็มไปด้วยการคอร์รัปชันโกงกินกันอย่างมูมมาม ที่สำคัญนักการเมืองและการเมืองแบบเก่านั้น อยู่ในสถานะไม่สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาวิกฤตชาติในทุกด้านอีกต่อไปแล้ว

บทเรียนทางการเมืองที่ผ่านมาบ่งชัดแจ้งแล้วว่า การคอร์รัปชันโกงกินชาติบ้านเมืองนั้น ได้กัดกร่อนทำลายสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ให้สั่นคลอนไม่มั่นคง รวมทั้งความเดือดร้อนของประชาชนคนไทยได้ถูกละเลยมองข้าม จนสะสมหมักหมมจมปลักอยู่ในความทุกข์อันแสนเข็ญมาตลอด...

ยุคธนาธิปไตยที่เป็นเผด็จการรัฐสภาอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นยุคที่แสดงออกอย่างชัดแจ้งแล้วว่า การเมืองที่ใช้เงินซื้อเสียงเข้ามายึดอำนาจรัฐนั้น หนีไม่พ้นการทำกำไรด้วยการคอร์รัปชันโกงกินกันอย่างมโหฬาร ถึงขนาดบานปลายจนเกิดขบวนการจาบจ้วง ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์กันอย่างไม่เคยมีมาก่อน

นั่นคือ...บทเพลงแห่งความชั่วร้ายของนักการเมืองเก่า ที่ส่งผลต่อการทำร้ายชาติและประชาชนจนตกอยู่ในสภาพอันเลวร้าย ยังผลให้คนไทยต้องแตกแยกกันอย่างหนัก การเมือง-เศรษฐกิจ-สังคมต้องตกอยู่ในสภาวะใกล้ล่มจมนั่นเอง

ว่าไปแล้ว..ประเทศและประชาชนคนไทยใจดีเกินไป พวกเราเองนั่นแหละที่ต้องรับผิดโดยตรงกับการปล่อยให้พวกนักการเมืองชั่ว “ขึ้นวอทอง” มานานเกินนั่นเอง

คนดี-(มีข้อเสียตรง) ชอบหลีกลี้หนีห่างจากคนชั่ว ที่สำคัญรักสงบ ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง หรือสู้กับคนพาล คนดี-ชอบปล่อยให้คนชั่วกดหัวตลอดมา คนดี-จะเคร่งครัดกับการทำตามตัวบทกฎหมาย คนดี-มักไม่แสวงหาอำนาจ เงินทอง ผลประโยชน์แบบผิดๆ คนดี-จะอึดและอดทนสูง..สูงจนบางทีเหนื่อยแทนไปเลย

คนดี-อยากได้คนดีปกครองชาติบ้านเมือง..อยากได้ การเมืองใหม่
แต่คนดีรักสงบเกินไป จนไม่ยอมออกมาต่อสู้ หรือที่ออกมาต่อสู้..ก็เป็นคนดีที่เป็นคนดีส่วนน้อยเท่านั้น ทำให้พวกโจรใส่สูทกดหัวคนดีขึ้นครองบ้านครองเมือง..สบายแฮมานมนานแล้วครับ

ดังนั้น..นับแต่เมืองไทยใหญ่อุดม ดินดีสมเป็นนาสวน มีการเลือกตั้ง ส.ส.คนไทยก็ได้เห็นประดาพวก “คางคกชั่ว-เริ่มขึ้นวอ” มากขึ้น..มากขึ้น..และ..มากขึ้น..จนเต็มบ้านเต็มเมือง

ยิ่งในยุคมหาเศรษฐี “เหลี่ยม” ลงสนามการเมืองด้วยแล้ว หัวหน้าพรรค “คางคก”ทางการเมืองชั่วๆ นี้ ได้ใช้เงินซื้อเสียงและใช้ทุกวิธีการโกง เพื่อชัยชนะในการเลือกตั้งแล้วขนพลพรรค “คางคกชั่วขึ้นวอ” เป็นฝูง เข้ายึดตำแหน่ง ส.ส.อันทรงเกียรติ (บวกเกือก) ในรัฐสภา

“คางคกขึ้นวอในสภา” จะโหวตเอาหัวหน้า “คางคก” ขึ้น “นั่งวอทอง” ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก่อนที่นายกฯ “คางคก” จะลากเอา “คางคก” ฝูงน้อยๆ มาเป็นรัฐมนตรีอีก 35 ตัว คราวนี้แหละ “ครม.คางคก” ก็จะสวาปามงบประมาณชาติ ที่ได้มาจากภาษีของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ

ดังนั้น..บทเพลงการเมืองใหม่..บทแรกเริ่มบรรเลงในวันที่พันธมิตรฯ เกิดขึ้นในบรรณภพนี้ และทั้งแกนนำและพลเมืองพันธมิตรฯ ได้แสดงหัวใจ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ สู้กับพรรคของอภิมหาเศรษฐี “หน้าเหลี่ยม” อย่างไม่กลัวตาย นั่นคือ..การเมืองใหม่ของภาคประชาชนคนไทยครับ

บทเพลงบทที่สองแห่งการเมืองใหม่เริ่มตามมา เมื่อพลเมืองพันธมิตรฯ ที่กล้าสู้ กล้าเสียสละ กล้าตาย ได้ตัดสินใจลงมติให้ตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ หรือของประชาชนคนไทยนั่นแหละ

พรรคการเมืองของประชาชนนั้น..ควรเกิดในบรรณพิภพนี้นานแล้ว พรรคที่คนดีจะต้องเข้ามาผนึกกำลังร่วมไม้ร่วมมืออย่างแข็งขัน เพื่อจะช่วยกันผลักดัน-สนับสนุน-ส่งเสริมให้คนดีขึ้นบริหารชาติบ้านเมือง กีดกันคนชั่วอย่าให้แสล๋นเข้ามายึดครองบ้านเมืองอีก

นั่นคือ..พันธกิจสำคัญที่สุดและเร่งด่วนที่สุด ของพรรคพันธมิตรฯ และประชาชนคนไทยทุกคนครับ

ปัญหาของพรรคพันธมิตรฯ หลังจากนี้ คือ ลักษณะองค์กรโครงสร้างพรรคเป็นอย่างไร? พรรคและมวลชนพันธมิตรฯ จะต้องไปด้วยกันได้อย่างกลมกลืน ไม่ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.การเมือง กฎระเบียบหรือธรรมนูญพรรคจะต้องเอื้อการทำงาน มีบทให้คุณและให้โทษที่ยุติธรรม มีให้ภาคประชาชนหรือพลเมืองพันธมิตรฯตรวจสอบการทำกิจกรรมของพรรคได้ ฯลฯ

ที่สำคัญและโคตรสำคัญที่สุดคือ..คน..หรือบุคลากรในจุดต่างๆ ของพรรค โดยเฉพาะคนที่จะสมัคร ส.ส.ของพรรคพันธมิตรฯ นั้น..ต้องดีมีคุณภาพ

คนดีมีมาก..แต่คนดีดันรักสงบ แถมมองว่าการเมืองเป็นเรื่องไม่ดี-ไม่ควรยุ่ง-ไม่ควรเข้าใกล้เปลืองตัว คนชั่วเลยยั้วเยี้ยไปหมดในสนามการเมือง พรรคพันธมิตรฯ จะต้องเสาะแสวงหาคนดีมาลงสนามการเมืองให้มากที่สุด นี่เป็นเรื่องยาก..แต่ไม่ยากเกินกำลังผองชนคนพันธมิตรฯ หรอกครับ

พรรคการเมืองพันธมิตรฯ ประกาศตั้งพรรค นั่นคือการส่งสัญญาณว่า..ถึงเวลาที่ผองชนคนดี ต้องช่วยกันถีบ “คางคก” ให้ “ตกวอ” แล้วช่วยกันสนับสนุนส่งเสริม..คนดี-ให้มีอำนาจ..กันได้แล้วครับ..ขอบคุณ...!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น