เมื่อเวลา14.00น. วานนี้(25 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) พร้อมด้วยพล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิไตย ประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้า และคลี่คลายคดี โดยใช้เวลาในการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง
พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ ได้ให้ชุดทำงาน รายงานผลการสืบสวนสอบสวนว่าดำเนินไปได้แค่ไหน เนื่องจากขณะนี้ยังรวบรวมพยานหลักฐานได้ไม่ครบ ซึ่งได้สั่งการให้ไปดำเนินการต่อ และรายงานผลในอีก 7 วัน ทั้งนี้ ขอยืนยันว่ายังไม่มีการออกหมายจับใคร ซึ่งต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนาก่อน ทั้งนี้ ส่วนที่ขาดอยู่คือหลักฐานในที่เกิดเหตุ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีข่าวชุดทำงานไม่สามารถทำคดีให้คืบหน้าได้ เนื่องจากเจอตอนั้น พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า อะไรคือตอ การประชุมได้เน้นย้ำชุดทำงานว่า อย่าไปฟังข่าวลือ เพราะมีทั้งจริง และไม่จริง ตำรวจต้องทำงานแม้มีอุปสรรคอะไรก็ตาม
เมื่อซักต่อว่าคดีนี้ เกี่ยวข้องกับคนมีสีหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า เวลาคนธรรมดาลงมือ ตำรวจทำงานไม่ยาก แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าแสดงว่าคดีเกี่ยวข้องกับคนมีสี พล.ต.อ.ธานี ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว
"เร็วๆนี้ คดีคงยังไม่เสร็จ แต่ตำรวจก็พยายามอย่างเต็มที่ในการทำงาน เนื่องจากเวลานับตั้งแต่เกิดคดีประมาณ 1 เดือน ก็ถือว่านานแล้ว ส่วนเบาะแสกลุ่มมือปืนต้องดูให้ชัดเจนก่อนว่าเป็นกลุ่มใด การขออนุมัติหมายจับต้องดำเนินการอย่างรัดกุม ถ้ามีพยานหลักฐานเพียงพอก็จะจับกุม ผมยังยืนยันเหมือนเดิมว่า จะทำคดีให้เสร็จภายใน 4 เดือน ก่อนเกษียณแน่นอน" พล.ต.อ.ธานีกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เกิดขึ้นเมื่อเช้าตรู่วันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยคดีผ่านพ้นมาเป็นเวลา 1 เดือนกว่าแล้ว ทว่ายังไม่มีความคืบหน้าในส่วนของเบาะแสคนร้าย ภายหลังจากที่พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. ได้รับมอบหมายให้เข้ามาควบคุม และดูแลคดีนี้โดยเฉพาะ ทั้งนี้ มีเพียงพยานหลักฐานที่ปรากฏชัดสิ่งหนึ่งคือ ปลอกกระสุนจากอาวุธปืน เอ็ม 16 ที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุนั้นระบุชัดเจนว่า มาจากกองทัพ แต่คดีก็มีความคืบหน้าเพียงแค่นั้น ไม่มีการควบคุมตัว หรือออกหมายจับบุคคลหนึ่งบุคคลใด ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า คดีนี้ ตำรวจคงเจอตอแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ และเกือบทุกครั้งที่ผ่านมาที่ พล.ต.อ.ธานี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของคดี พล.ต.อ.ธานี ได้แสดงความมั่นใจว่า คดีจะต้องเสร็จก่อนที่ตนเองจะเกษียณอายุราชการภายใน 4 เดือนข้างหน้า โดยบอกว่า แล้วแต่พยานหลักฐานจะสาวไปถึง ก็ต้องดำเนินตามขั้นตอนขบวนการ เพราะคดีมีความละเอียดอ่อนมาก มาครั้งนี้พล.ต.อ.ธานี ก็ยังคงยืนยันว่า จะสามารถปิดคดีนี้ได้ ภายในกำหนดก่อนเกษียณอายุราชการ
พล.ต.อ.ธานี ยังกล่าวถึงกรณีที่พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. มีคำสั่งให้เปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีวันที่ 7 ต.ค. 51 จาก พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็น พล.ต.อ.ธานี ว่าคดีนี้มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสืบสวน จนมาถึงตนเป็นคนที่4 แล้ว ซึ่งตอนนี้ตนก็มีคดีสำคัญๆ ที่รับผิดชอบอยู่หลายคดี แต่เมื่อมีคำสั่งมา ก็ต้องทำตาม ส่วนรายละเอียดของคดี ขณะนี้ยังไม่ทราบ เนื่องจากยังไม่ได้เรียกประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวน เพราะเพิ่งได้รับคำสั่งเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ก็เรียกประชุม เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีในวันพุธที่ 27 พ.ค.นี้ ต่อไป
พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ ได้ให้ชุดทำงาน รายงานผลการสืบสวนสอบสวนว่าดำเนินไปได้แค่ไหน เนื่องจากขณะนี้ยังรวบรวมพยานหลักฐานได้ไม่ครบ ซึ่งได้สั่งการให้ไปดำเนินการต่อ และรายงานผลในอีก 7 วัน ทั้งนี้ ขอยืนยันว่ายังไม่มีการออกหมายจับใคร ซึ่งต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนาก่อน ทั้งนี้ ส่วนที่ขาดอยู่คือหลักฐานในที่เกิดเหตุ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีข่าวชุดทำงานไม่สามารถทำคดีให้คืบหน้าได้ เนื่องจากเจอตอนั้น พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า อะไรคือตอ การประชุมได้เน้นย้ำชุดทำงานว่า อย่าไปฟังข่าวลือ เพราะมีทั้งจริง และไม่จริง ตำรวจต้องทำงานแม้มีอุปสรรคอะไรก็ตาม
เมื่อซักต่อว่าคดีนี้ เกี่ยวข้องกับคนมีสีหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า เวลาคนธรรมดาลงมือ ตำรวจทำงานไม่ยาก แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าแสดงว่าคดีเกี่ยวข้องกับคนมีสี พล.ต.อ.ธานี ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว
"เร็วๆนี้ คดีคงยังไม่เสร็จ แต่ตำรวจก็พยายามอย่างเต็มที่ในการทำงาน เนื่องจากเวลานับตั้งแต่เกิดคดีประมาณ 1 เดือน ก็ถือว่านานแล้ว ส่วนเบาะแสกลุ่มมือปืนต้องดูให้ชัดเจนก่อนว่าเป็นกลุ่มใด การขออนุมัติหมายจับต้องดำเนินการอย่างรัดกุม ถ้ามีพยานหลักฐานเพียงพอก็จะจับกุม ผมยังยืนยันเหมือนเดิมว่า จะทำคดีให้เสร็จภายใน 4 เดือน ก่อนเกษียณแน่นอน" พล.ต.อ.ธานีกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เกิดขึ้นเมื่อเช้าตรู่วันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยคดีผ่านพ้นมาเป็นเวลา 1 เดือนกว่าแล้ว ทว่ายังไม่มีความคืบหน้าในส่วนของเบาะแสคนร้าย ภายหลังจากที่พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. ได้รับมอบหมายให้เข้ามาควบคุม และดูแลคดีนี้โดยเฉพาะ ทั้งนี้ มีเพียงพยานหลักฐานที่ปรากฏชัดสิ่งหนึ่งคือ ปลอกกระสุนจากอาวุธปืน เอ็ม 16 ที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุนั้นระบุชัดเจนว่า มาจากกองทัพ แต่คดีก็มีความคืบหน้าเพียงแค่นั้น ไม่มีการควบคุมตัว หรือออกหมายจับบุคคลหนึ่งบุคคลใด ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า คดีนี้ ตำรวจคงเจอตอแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ และเกือบทุกครั้งที่ผ่านมาที่ พล.ต.อ.ธานี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของคดี พล.ต.อ.ธานี ได้แสดงความมั่นใจว่า คดีจะต้องเสร็จก่อนที่ตนเองจะเกษียณอายุราชการภายใน 4 เดือนข้างหน้า โดยบอกว่า แล้วแต่พยานหลักฐานจะสาวไปถึง ก็ต้องดำเนินตามขั้นตอนขบวนการ เพราะคดีมีความละเอียดอ่อนมาก มาครั้งนี้พล.ต.อ.ธานี ก็ยังคงยืนยันว่า จะสามารถปิดคดีนี้ได้ ภายในกำหนดก่อนเกษียณอายุราชการ
พล.ต.อ.ธานี ยังกล่าวถึงกรณีที่พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. มีคำสั่งให้เปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีวันที่ 7 ต.ค. 51 จาก พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็น พล.ต.อ.ธานี ว่าคดีนี้มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสืบสวน จนมาถึงตนเป็นคนที่4 แล้ว ซึ่งตอนนี้ตนก็มีคดีสำคัญๆ ที่รับผิดชอบอยู่หลายคดี แต่เมื่อมีคำสั่งมา ก็ต้องทำตาม ส่วนรายละเอียดของคดี ขณะนี้ยังไม่ทราบ เนื่องจากยังไม่ได้เรียกประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวน เพราะเพิ่งได้รับคำสั่งเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ก็เรียกประชุม เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีในวันพุธที่ 27 พ.ค.นี้ ต่อไป