ททท.จับมือกทม. ตั้ง 3 คณะกรรมการร่วม วางแผนดึงตลาดนักท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติ บูมเที่ยวกรุงเทพฯ ประเดิม 4 เทศกาลใหญ่ ตรุษจีน สงกรานต์ ลอยกระทงและเคาท์ดาว ดันขึ้นระดับเวิลด์อีเว้นต์ ชี้เป็นโครงการนำร่องก่อนขยายสู่จังหวัดแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ เชื่อจะทำให้การจัดงานยิ่งใหญ่แต่ประหยัดงบประมาณ
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการการ(บอร์ด)ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ( ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้จับมือกับกรุงเทพมหานคร(กทม)เพื่อทำแผนงานการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตกรุงเทพฯร่วมกัน โดยมีการตั้งคณะกรรมการร่วม 3 คณะ ได้แก่ 1.คณะกรรมการอำนวยการ 2.คณะกรรมการปฎิบัติการส่งเสริมคนไทยเที่ยวในประเทศ และ3.คณะกรรมการปฎิบัติการส่งเสริมนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวในกทม. ซึ่งกรรมการของทั้ง 3 คณะดังกล่าวจะประกอบด้วยตัวแทนจาก ททท.และกทม.เพื่อทำงานด้านการตลาดและการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน
ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมสินค้าทางการท่องเที่ยวที่พร้อมขาย เพื่อเตรียมนำเสนอให้แก่นักท่องเที่ยว โดยจะแยกสินค้าที่เหมาะกับตลาดคนไทย สินค้าที่เหมาะกับชาวต่างชาติและสินค้าที่เหมาะกับทั้งสองตลาด ล่าสุดกทม.และททท.ตกลงใช้สื่อร่วมกันในส่วนของป้ายบิลบอร์ท บริเวณใต้ทางด่วน และใต้รถไฟฟ้าบีทีเอส โดยงานใหญ่ที่จะจัดร่วมกันเป็นงานแรกน่าจะเป็นเทศกาลลอยกระทง
**ดัน 4 เทศกาลใหญ่ขึ้นเวิลด์อีเว้นต์*****
ทั้งนี้เบื้องต้นจะมี 4 กิจกรรมใหญ่ๆประจำปี ได้แก่ เทศกาลตรุษจีน เทศกาลสงกรานต์ เทศกาลลอยกระทง และ เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่(เคาท์ดาว) ที่ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมมือกันจัดกิจกรรม เพื่อให้งานมีความยิ่งใหญ่อลังการในระดับเวิลด์อีเว้นต์มากขึ้น จะได้เกิดกระแสความแรงดึงดูดนักท่องเที่ยว
รูปแบบการทำงาน ททท.จะใช้ความเชี่ยวชาญด้านส่งเสริมการตลาดดูแลในเรื่องของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสำนักงานททท.ในต่างประเทศและสำนักงานททท.ในต่างจังหวัด รวมถึงสื่อโฆษณาทุกรูปแบบที่ททท.มีอยู่แบบครบวงจร ส่วนงบประมาณการจัดงานและรูปแบบงานจะใช้งบของทั้งสองหน่วยงานร่วมกันเพื่อให้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่
“ที่ผ่านมาทั้งสองหน่วยงานจะแยกกันจัดงานในแต่ละจุดที่เป็นพื้นที่ของตัวเอง ดังนั้นการหันมาทำงานร่วมกันนี้ทำให้เรามีข้อมูลเชิงลึกและยังประหยัดงบประมาณ เช่น กทม.ในฐานะเจ้าของพื้นที่ก็มีสถิติแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบแยกเป็นตลาดคนไทยและต่างชาติ ตรงนี้ทำให้ททท.สามารถนำไปใช้ในการจัดทำสื่อให้เข้าถึงนักท่องเที่ยวได้ตรงเป้าหมาย รวมถึงการนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวใหม่ๆให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย”
อย่างไรก็ตามกว่า 70% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยโดยเฉพาะที่ด่านสนามบินสุวรรณภูมิ จะแวะพักและเที่ยวในกรุงเทพฯก่อนที่จะไปยังแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดอื่นๆ โดยมีวันพักเฉลี่ย1-2 วัน ซึ่งการร่วมการทำงานครั้งนี้จะทำให้วันพักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดคนไทยในเขตปริมณฑลและต่างจังหวัดก็จะเดินทางเข้ามาเที่ยวในกรุงเทพฯเพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากนั้นยังได้หารือให้กรุงเทพมหานครเตรียมรับนักท่องเที่ยวในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการด้วย เพราะถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง แต่คนกลุ่มนี้จะต้องการในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกที่มากกว่านักท่องเที่ยวปกติ เช่น ทางเดินเท้า(ฟุตบาท) ระบบสาธารณะสุข และสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง
***เล็งต่อยอดขยายสู่จังหวัดท่องเที่ยว***
อย่างไรก็ตาม โครงการร่วมมือด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกันระหว่าง ททท.กับกทม.นี้ถือเป็นโครงการนำร่อง เพื่อที่จะใช้เป็นต้นแบบในการที่ททท.จะไปร่วมกับจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต เมืองพัทยา และหัวเมืองขนาดใหญ่ ในการจัดทำแผนกลยุทธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกันเป็นลำดับต่อไป
นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า แผนครึ่งปีหลัง ททท.จะหารือกับภาคเอกชน ปรับแผนการกระตุ้นตลาดและส่งเสริมท่องเที่ยว ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยตั้งแต่ 4 เดือนนับจากนี้(มิ.ย.-กย.52) ททท.จะทยอยเปิดตัวกิจกรรมกระตุ้นท่องเที่ยวภายใต้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท ที่ได้รับจัดสรรมาจากงบประมาณกระตุ้นท่องเที่ยวฉุกเฉิน ซึ่งจะเป็นส่วนของตลาดต่างประเทศ 60% และในประเทศอีก 40% นอกจากนั้นส่วนของตลาดในประเทศ ททท.ยังมีวงเงินงบประมาณอีก 450 ล้านบาท จากงบกรุต้นท่องเที่ยวพิเศษอีกด้วย ซึ่งตลาดในประเทศเน้นจัดกิจกรรมเพื่อให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย ขณะที่ตลาดต่างประเทศเน้นเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่น
ททท.จัดเทศกาลเที่ยวเมืองไทย
ทางด้านนายชุมพล ศิลปะอาชา รมว.ว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าททท.เตรียมจัดงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” ปี 2552 ระหว่างวันที่ 3-7 มิ.ย.52 ณ อาคารชาแลนเจอร์ เมืองทองธานี โดยจะมีการออกบูทของภาคเอกชนนำเสนอสินค้าและบริการท่องเที่ยวในราคาพิเศษ พร้อมชมการแสดงจากทุกภาคของประเทศไทย และร่วมจับจ่ายสินค้าโอท็อป ภายใต้แนวคิดเที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก นอกจากนั้นยังมี กิจกรรมสัมมนาทางวิชาการด้านการท่องเที่ยวในหัวข้อ “เปิดมุมมองท่องเที่ยวไทย” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 มิ.ย.52 สนใจข้อมูลเพิ่มเติม หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tourismthai.org และสายด่วน โทร.1672
//////////////////////////
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการการ(บอร์ด)ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ( ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้จับมือกับกรุงเทพมหานคร(กทม)เพื่อทำแผนงานการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตกรุงเทพฯร่วมกัน โดยมีการตั้งคณะกรรมการร่วม 3 คณะ ได้แก่ 1.คณะกรรมการอำนวยการ 2.คณะกรรมการปฎิบัติการส่งเสริมคนไทยเที่ยวในประเทศ และ3.คณะกรรมการปฎิบัติการส่งเสริมนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวในกทม. ซึ่งกรรมการของทั้ง 3 คณะดังกล่าวจะประกอบด้วยตัวแทนจาก ททท.และกทม.เพื่อทำงานด้านการตลาดและการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน
ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมสินค้าทางการท่องเที่ยวที่พร้อมขาย เพื่อเตรียมนำเสนอให้แก่นักท่องเที่ยว โดยจะแยกสินค้าที่เหมาะกับตลาดคนไทย สินค้าที่เหมาะกับชาวต่างชาติและสินค้าที่เหมาะกับทั้งสองตลาด ล่าสุดกทม.และททท.ตกลงใช้สื่อร่วมกันในส่วนของป้ายบิลบอร์ท บริเวณใต้ทางด่วน และใต้รถไฟฟ้าบีทีเอส โดยงานใหญ่ที่จะจัดร่วมกันเป็นงานแรกน่าจะเป็นเทศกาลลอยกระทง
**ดัน 4 เทศกาลใหญ่ขึ้นเวิลด์อีเว้นต์*****
ทั้งนี้เบื้องต้นจะมี 4 กิจกรรมใหญ่ๆประจำปี ได้แก่ เทศกาลตรุษจีน เทศกาลสงกรานต์ เทศกาลลอยกระทง และ เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่(เคาท์ดาว) ที่ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมมือกันจัดกิจกรรม เพื่อให้งานมีความยิ่งใหญ่อลังการในระดับเวิลด์อีเว้นต์มากขึ้น จะได้เกิดกระแสความแรงดึงดูดนักท่องเที่ยว
รูปแบบการทำงาน ททท.จะใช้ความเชี่ยวชาญด้านส่งเสริมการตลาดดูแลในเรื่องของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสำนักงานททท.ในต่างประเทศและสำนักงานททท.ในต่างจังหวัด รวมถึงสื่อโฆษณาทุกรูปแบบที่ททท.มีอยู่แบบครบวงจร ส่วนงบประมาณการจัดงานและรูปแบบงานจะใช้งบของทั้งสองหน่วยงานร่วมกันเพื่อให้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่
“ที่ผ่านมาทั้งสองหน่วยงานจะแยกกันจัดงานในแต่ละจุดที่เป็นพื้นที่ของตัวเอง ดังนั้นการหันมาทำงานร่วมกันนี้ทำให้เรามีข้อมูลเชิงลึกและยังประหยัดงบประมาณ เช่น กทม.ในฐานะเจ้าของพื้นที่ก็มีสถิติแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบแยกเป็นตลาดคนไทยและต่างชาติ ตรงนี้ทำให้ททท.สามารถนำไปใช้ในการจัดทำสื่อให้เข้าถึงนักท่องเที่ยวได้ตรงเป้าหมาย รวมถึงการนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวใหม่ๆให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย”
อย่างไรก็ตามกว่า 70% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยโดยเฉพาะที่ด่านสนามบินสุวรรณภูมิ จะแวะพักและเที่ยวในกรุงเทพฯก่อนที่จะไปยังแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดอื่นๆ โดยมีวันพักเฉลี่ย1-2 วัน ซึ่งการร่วมการทำงานครั้งนี้จะทำให้วันพักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดคนไทยในเขตปริมณฑลและต่างจังหวัดก็จะเดินทางเข้ามาเที่ยวในกรุงเทพฯเพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากนั้นยังได้หารือให้กรุงเทพมหานครเตรียมรับนักท่องเที่ยวในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการด้วย เพราะถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง แต่คนกลุ่มนี้จะต้องการในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกที่มากกว่านักท่องเที่ยวปกติ เช่น ทางเดินเท้า(ฟุตบาท) ระบบสาธารณะสุข และสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง
***เล็งต่อยอดขยายสู่จังหวัดท่องเที่ยว***
อย่างไรก็ตาม โครงการร่วมมือด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกันระหว่าง ททท.กับกทม.นี้ถือเป็นโครงการนำร่อง เพื่อที่จะใช้เป็นต้นแบบในการที่ททท.จะไปร่วมกับจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต เมืองพัทยา และหัวเมืองขนาดใหญ่ ในการจัดทำแผนกลยุทธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกันเป็นลำดับต่อไป
นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า แผนครึ่งปีหลัง ททท.จะหารือกับภาคเอกชน ปรับแผนการกระตุ้นตลาดและส่งเสริมท่องเที่ยว ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยตั้งแต่ 4 เดือนนับจากนี้(มิ.ย.-กย.52) ททท.จะทยอยเปิดตัวกิจกรรมกระตุ้นท่องเที่ยวภายใต้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท ที่ได้รับจัดสรรมาจากงบประมาณกระตุ้นท่องเที่ยวฉุกเฉิน ซึ่งจะเป็นส่วนของตลาดต่างประเทศ 60% และในประเทศอีก 40% นอกจากนั้นส่วนของตลาดในประเทศ ททท.ยังมีวงเงินงบประมาณอีก 450 ล้านบาท จากงบกรุต้นท่องเที่ยวพิเศษอีกด้วย ซึ่งตลาดในประเทศเน้นจัดกิจกรรมเพื่อให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย ขณะที่ตลาดต่างประเทศเน้นเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่น
ททท.จัดเทศกาลเที่ยวเมืองไทย
ทางด้านนายชุมพล ศิลปะอาชา รมว.ว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าททท.เตรียมจัดงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” ปี 2552 ระหว่างวันที่ 3-7 มิ.ย.52 ณ อาคารชาแลนเจอร์ เมืองทองธานี โดยจะมีการออกบูทของภาคเอกชนนำเสนอสินค้าและบริการท่องเที่ยวในราคาพิเศษ พร้อมชมการแสดงจากทุกภาคของประเทศไทย และร่วมจับจ่ายสินค้าโอท็อป ภายใต้แนวคิดเที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก นอกจากนั้นยังมี กิจกรรมสัมมนาทางวิชาการด้านการท่องเที่ยวในหัวข้อ “เปิดมุมมองท่องเที่ยวไทย” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 มิ.ย.52 สนใจข้อมูลเพิ่มเติม หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tourismthai.org และสายด่วน โทร.1672
//////////////////////////