เอเจนซี - อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (เอไอจี) แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (21)ว่า เอดเวิร์ด ลิดดี ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท มีแผนจะลาออกจากตำแหน่ง ภายหลังเข้ารับงานบริหารในช่วงยากลำบากของบริษัทประกันภัยที่เคยเป็นอันดับหนึ่งของโลกแห่งนี้เมื่อไม่ถึง 1 ปีที่ผ่านมา
ลิดดีวัย 63 ปีได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานและซีอีโอของเอไอจี ในมาเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากรัฐบาลอัดฉีดเงินเข้าช่วยชีวิตบริษัทเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว และเขาก็ประกาศความตั้งใจมาตลอดที่จะอยู่ในเอไอจีเพียงชั่วคราวเท่านั้น
การกุมบังเหียนเอไอจีของอดีตผู้บริหารแห่งบริษัทประกันภัยออลสเตทรายนี้ อาจจะเป็นที่จดจำของวงการ ในแง่ของการเกิดเรื่องอื้อฉาวกรณีที่เขาอนุมัติให้โบนัสแก่ผู้บริหารของหน่วยงานด้านผลิตภัณฑ์การเงินของเอไอจี ทั้งที่เห็นกันว่าหน่วยงานนี้เองเป็นต้นเหตุให้บริษัทต้องขาดทุนจนต้องขอความช่วยเหลือกู้ชีวิตจากรัฐบาลสหรัฐฯ และการให้โบนัสนี้เองที่ทำให้บรรดาสมาชิกรัฐสภาไม่พอใจอย่างรุนแรง รวมไปถึงตัวประธานาธิบดีบารัค โอบามาด้วย
ลิดดีเองกล่าวว่าถึงแม้การตกเป็นเป้าความโกรธเกรี้ยวของสาธารณชน เป็นสถานการณ์ที่ไม่ใช่รับมือได้ง่ายๆ แต่เขาก็รู้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งแล้วว่างานนี้จะต้องหินอย่างที่สุด
“ผมจะตัดสินใจแบบเดิมอีกอย่างแน่นอนหากว่าย้อนเวลากลับไป และผมก็คิดว่าทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว” เขากล่าว “ผมคิดว่าตอนนี้เอไอจีมีฐานะดีกว่าที่เคยเป็นมา ดังนั้น ผมจึงมีความสบายใจที่จะส่งบังเหียนไปให้คนต่อไป”
ลิดดีนั้นรับค่าเหนื่อยในการบริหารเอไอจียามลำบากนี้เพียง 1ดอลลาร์ และก็จะไม่รับเงินชดเชยในรูปแบบอื่นใดด้วย “สาเหตุหนึ่งที่ผมรับเงินเดือนแค่ 1ดอลลาร์ก็เพราะมันไม่ใช่งานระยะยาว”
เขาคาดหมายว่าคนที่มารับตำแหน่งต่อจากเขาจะได้รับค่าตอบแทนสูงกว่าที่เขาได้รับมาก กระนั้น หลายๆ คนก็ยังมองว่า คงจะหาคนมาแทนที่เขาได้ลำบากอยู่นั่นเอง
“มันขึ้นอยู่กับว่าคุณมีความสุขกับการไปให้ปากคำต่อหน้าเจ้าหน้าที่ของรัฐที่โกรธเกรี้ยวแค่ไหน” โดนัลด์ ไลต์ นักวิเคราะห์จากซีเลนท์ในซานฟรานซิสโกกล่าว
“ตำแหน่งนี้น่าจะเป็นงานที่ท้าทายที่สุดในอุตสาหกรรมประกันภัยของโลกได้อย่างง่ายดาย และยิ่งมีสายตาของประชาชนจับจ้องอยู่ ก็ทำให้มันยากมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า” ไลต์พูดต่อ
รัฐบาลสหรัฐฯนำเอาเงินภาษีของประชาชนเข้ามาช่วยเอไอจี หลังจากที่การลงทุนในตราสารอนุพันธ์ของบริษัทประสบการขาดทุนอย่างมหาศาล จนฉุดให้บริษัทไปยืนอยู่บนปากเหวแห่งการล้มละลาย
ลิดดีกล่าวว่าเอไอจีซึ่งติดหนี้เงินผู้เสียภาษีมากกว่า 85,000 ล้านดอลลาร์ อาจจะต้องใช้เวลาหลายปีที่จะใช้เงินคืนตามพันธะผูกพัน
ในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลได้เทเงินภาษีประชาชนเข้ามาหนุนเอไอจีถึง 180,000 ล้านดอลลาร์ด้วยซ้ำ ส่วนหนึ่งนั้นใช้ซื้อสินทรัพย์เน่าเสียที่ทำให้บริษัทขาดทุนอย่างมหาศาล และอีก 30,000 ล้านในรูปเงินกู้สำรองที่ยังไม่ได้ใช้
ลิดดีแนะนำให้คณะกรรมการบริหารของเอไอจีหาคนมาทำงานแทนเขา โดยให้แยกตำแหน่งประธานบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารออกจากกัน
เขาบอกว่าประธานคนต่อไปของเอไอจีควรจะ “มีความคุ้นเคยกับวิธีการต่างๆ ในวอชิงตัน” ขณะที่ซีอีโอคนใหม่ควรจะอยู่ในตำแหน่งราว 3 ถึง 5 ปีเพื่อที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลิดดีก็คาดไว้ว่า การสรรหาตัวผู้บริหารทั้งสองตำแหน่งน่าใช้เวลาไม่กี่เดือนข้างหน้า
ในช่วงเวลา 8 เดือนที่ลิดดีเข้ามาบริหาร เขาได้ดูแลการขายสินทรัพย์ออกไปแล้ว 5,000 ล้าน ซึ่งน้อยกว่าที่หวังเอาไว้มาก เนื่องจากตลาดสินเชื่อที่ไม่เคลื่อนไหวเลย ทำให้ผู้ซื้อยังไม่กล้าเข้ามา และก่อนหน้านี้ไม่นานลิดดีก็ได้วางแนวทางสำหรับการแยกหน่วยงานขนาดใหญ่ของเอไอจีออกไปตั้งเป็นบริษัทอิสระโดยใช้วิธีขายหุ้นให้สาธารณชนในต้นปี 2010
ลิดดีวัย 63 ปีได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานและซีอีโอของเอไอจี ในมาเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากรัฐบาลอัดฉีดเงินเข้าช่วยชีวิตบริษัทเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว และเขาก็ประกาศความตั้งใจมาตลอดที่จะอยู่ในเอไอจีเพียงชั่วคราวเท่านั้น
การกุมบังเหียนเอไอจีของอดีตผู้บริหารแห่งบริษัทประกันภัยออลสเตทรายนี้ อาจจะเป็นที่จดจำของวงการ ในแง่ของการเกิดเรื่องอื้อฉาวกรณีที่เขาอนุมัติให้โบนัสแก่ผู้บริหารของหน่วยงานด้านผลิตภัณฑ์การเงินของเอไอจี ทั้งที่เห็นกันว่าหน่วยงานนี้เองเป็นต้นเหตุให้บริษัทต้องขาดทุนจนต้องขอความช่วยเหลือกู้ชีวิตจากรัฐบาลสหรัฐฯ และการให้โบนัสนี้เองที่ทำให้บรรดาสมาชิกรัฐสภาไม่พอใจอย่างรุนแรง รวมไปถึงตัวประธานาธิบดีบารัค โอบามาด้วย
ลิดดีเองกล่าวว่าถึงแม้การตกเป็นเป้าความโกรธเกรี้ยวของสาธารณชน เป็นสถานการณ์ที่ไม่ใช่รับมือได้ง่ายๆ แต่เขาก็รู้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งแล้วว่างานนี้จะต้องหินอย่างที่สุด
“ผมจะตัดสินใจแบบเดิมอีกอย่างแน่นอนหากว่าย้อนเวลากลับไป และผมก็คิดว่าทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว” เขากล่าว “ผมคิดว่าตอนนี้เอไอจีมีฐานะดีกว่าที่เคยเป็นมา ดังนั้น ผมจึงมีความสบายใจที่จะส่งบังเหียนไปให้คนต่อไป”
ลิดดีนั้นรับค่าเหนื่อยในการบริหารเอไอจียามลำบากนี้เพียง 1ดอลลาร์ และก็จะไม่รับเงินชดเชยในรูปแบบอื่นใดด้วย “สาเหตุหนึ่งที่ผมรับเงินเดือนแค่ 1ดอลลาร์ก็เพราะมันไม่ใช่งานระยะยาว”
เขาคาดหมายว่าคนที่มารับตำแหน่งต่อจากเขาจะได้รับค่าตอบแทนสูงกว่าที่เขาได้รับมาก กระนั้น หลายๆ คนก็ยังมองว่า คงจะหาคนมาแทนที่เขาได้ลำบากอยู่นั่นเอง
“มันขึ้นอยู่กับว่าคุณมีความสุขกับการไปให้ปากคำต่อหน้าเจ้าหน้าที่ของรัฐที่โกรธเกรี้ยวแค่ไหน” โดนัลด์ ไลต์ นักวิเคราะห์จากซีเลนท์ในซานฟรานซิสโกกล่าว
“ตำแหน่งนี้น่าจะเป็นงานที่ท้าทายที่สุดในอุตสาหกรรมประกันภัยของโลกได้อย่างง่ายดาย และยิ่งมีสายตาของประชาชนจับจ้องอยู่ ก็ทำให้มันยากมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า” ไลต์พูดต่อ
รัฐบาลสหรัฐฯนำเอาเงินภาษีของประชาชนเข้ามาช่วยเอไอจี หลังจากที่การลงทุนในตราสารอนุพันธ์ของบริษัทประสบการขาดทุนอย่างมหาศาล จนฉุดให้บริษัทไปยืนอยู่บนปากเหวแห่งการล้มละลาย
ลิดดีกล่าวว่าเอไอจีซึ่งติดหนี้เงินผู้เสียภาษีมากกว่า 85,000 ล้านดอลลาร์ อาจจะต้องใช้เวลาหลายปีที่จะใช้เงินคืนตามพันธะผูกพัน
ในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลได้เทเงินภาษีประชาชนเข้ามาหนุนเอไอจีถึง 180,000 ล้านดอลลาร์ด้วยซ้ำ ส่วนหนึ่งนั้นใช้ซื้อสินทรัพย์เน่าเสียที่ทำให้บริษัทขาดทุนอย่างมหาศาล และอีก 30,000 ล้านในรูปเงินกู้สำรองที่ยังไม่ได้ใช้
ลิดดีแนะนำให้คณะกรรมการบริหารของเอไอจีหาคนมาทำงานแทนเขา โดยให้แยกตำแหน่งประธานบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารออกจากกัน
เขาบอกว่าประธานคนต่อไปของเอไอจีควรจะ “มีความคุ้นเคยกับวิธีการต่างๆ ในวอชิงตัน” ขณะที่ซีอีโอคนใหม่ควรจะอยู่ในตำแหน่งราว 3 ถึง 5 ปีเพื่อที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลิดดีก็คาดไว้ว่า การสรรหาตัวผู้บริหารทั้งสองตำแหน่งน่าใช้เวลาไม่กี่เดือนข้างหน้า
ในช่วงเวลา 8 เดือนที่ลิดดีเข้ามาบริหาร เขาได้ดูแลการขายสินทรัพย์ออกไปแล้ว 5,000 ล้าน ซึ่งน้อยกว่าที่หวังเอาไว้มาก เนื่องจากตลาดสินเชื่อที่ไม่เคลื่อนไหวเลย ทำให้ผู้ซื้อยังไม่กล้าเข้ามา และก่อนหน้านี้ไม่นานลิดดีก็ได้วางแนวทางสำหรับการแยกหน่วยงานขนาดใหญ่ของเอไอจีออกไปตั้งเป็นบริษัทอิสระโดยใช้วิธีขายหุ้นให้สาธารณชนในต้นปี 2010