ASTVผู้จัดการรายวัน- นี่แหละการเมืองเก่า! ภูมิใจไทย สั่งตาย "ชาติชาย" พ้นเก้าอี้ รมช.เกษตรฯ ตามความต้องการของเจ้าของพรรค ส่วนคนที่จะมาแทนที่ให้ "ชวรัตน์" เป็นคนพิจารณา คาดหนีไม่พ้น "ศุภชัย โพธิ์สุ" นอมินี "เนวิน" ด้าน"ชาติชาย" เมินถูกไล่ออกขอปรึกษาผู้ใหญ่ทำงานต่อ งง ส.ส.ปชป.โผล่ที่ประชุมพรรคภูมิใจไทย อ้างไปขอความช่วยเหลือ "มาร์ค" ยันปรับครม.ไม่ลาม เตรียมเคลียร์ใจกับ ส.ส.ในพรรคช่วงสุดสัปดาห์นี้ แบะท่าพร้อมรับ "กลุ่มประชา" เข้าร่วม แต่ยังไม่พูดถึงโควต้า รมต.
เมื่อวานนี้ (21พ.ค.) ที่พรรคภูมิใจไทย มีการประชุมร่วมกันของส.ส.และกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย กรณีจะมีการปรับตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ ที่นายชาติชาย พุคยาภรณ์ ดำรงตำแหน่งอยู่
หลังการประชุม นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รองโฆษกพรรคภูมิใจไทยและนายมานะศักดิ์ จันทรประสงค์ ส.ส.นนทบุรี ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายมานะศักดิ์ กล่าวว่า ตนและนายสันทัด จีนาภักดิ์ ส.ส.กาญจนบุรี ได้เสนอต่อที่ประชุมพรรคภูมิใจไทย เพื่อขอมติจากทางพรรคให้มีการปรับ นายชาติชาย พุคยาภรณ์ ออกจากตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ เพื่อคืนโควต้ารัฐมนตรีแก่พรรคภูมิใจไทย เหตุผลเพราะต้องดูแลกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งถือว่ากระทรวงที่ใหญ่และเกี่ยวข้องกับประชาชนจำนวนมาก แต่ว่านายชาติชาย ไม่เคยเข้าประชุมพรรค หรือคำนึงถึงนโยบายของพรรค อีกทั้งไม่สนใจข้อเสนอแนะของส.ส.ในการแก้ไขปัญหา ไม่เคยร่วมทำกิจกรรมกับพรรค ทำให้สมาชิกพรรคไม่มีใครสามารถมีโอกาสเข้าถึงนายชาติชายได้ ตนในฐานะสมาชิกพรรค และเป็นส.ส.จังหวัดนนทบุรี เห็นว่าการทำงานของนายชาติชาย ที่ผ่านมานั้น ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะพี่น้องชาวเกษตรกร ได้รับความเดือดร้อน จึงเสนอให้นายชาติชาย พิจารณาตัวเอง ด้วยการลาออก ทั้งนี้ ถือว่าเป็นมติของที่ประชุมใหญ่ พรรคภูมิใจไทยด้วย
นายมานะศักดิ์ กล่าวด้วยว่าเบื้องแรกของการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย โควตาในส่วนของรมช.เกษตรฯนั้น เป็นสัดส่วนของนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ซึ่งทุกคนทราบดี แต่ในวันนี้กลุ่มและโควตาได้หมดลง หลังจากที่พวกเราได้มารวมอยู่ในพรรคภูมิใจไทย ฉะนั้นประเด็นที่ว่า นายสรอรรถ กับนายเนวิน ชิดชอบ จะเกิดความขัดแย้งกันนั้น ตนขอตอบเลยว่าไม่มี
ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ในพรรค ที่มีการหารือกันก่อนหน้านี้แล้ว และในวันนี้มติของพรรคคือ ให้นายชาติชาย ลาออก ซึ่งมติพรรคถือว่ามีผลทันที
นายศุภชัย กล่าวว่า นอกจากที่นายมานะศักดิ์ ได้มีความเห็นต่อที่ประชุมในเรื่องเสนอให้นายชาติชาย ลาออกนั้น ความคิดเห็นส่วนใหญ่ในที่ประชุม ก็มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันกับนายมานะศักดิ์ ฉะนั้นที่ประชุมจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้พรรคปรับ นายชาติชาย พ้นจากตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ และพรรคได้มอบหมายให้ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เป็นผู้พิจารณาบุคคลที่เหมาะสมเพื่อดำรงตำแหน่งแทน และนำรายชื่อไปเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล
นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า มติพรรคในครั้งนี้ ให้ถือว่ามีผลทันที แต่เป็นกระบวนการในการดำเนินการ ซึ่งนายชวรัตน์ ในฐานะหัวหน้าพรรค จะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ถึงมติพรรคดังกล่าว หลังจากนั้นนายกฯ จะดำเนินการต่อตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
เมื่อถามว่ามติพรรคถือเป็นการขับ นายชาติชาย ออกจากพรรคหรือไม่ โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า นายชาติชาย ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี โดยผ่านทางนายมานะศักดิ์ เป็นผู้เสนอ
ส่วนใครจะมาแทนนั้น มติพรรคได้มอบอำนาจสิทธิ์ขาดให้หัวหน้าพรรคพิจารณาดำเนินการ แต่ส.ส.ส่วนใหญ่ ต้องการให้พิจารณาส.ส.ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี ไม่ต้องการให้คนนอก หรือนายทุนพรรคเข้ามา เนื่องจากที่ผ่านมาสมาชิกพรรคอยู่ร่วมกันมานาน มีความเหนียวแน่น และส.ส.ก็มีความรู้ความสามารถ ไม่ใช่เป็นเพราะเห็นตัวอย่างจากนายชาติชาย
ทั้งนี้มีรายงานว่า ผู้ที่จะมาแทนนายชาติชาย ในตำแหน่งรมช.เกษตรฯนั้นได้มีการเจรจากันระหว่างนายเนวิน ชิดชอบ กับนายสรอรรถ กลิ่นประทุมแล้ว คาดว่าจะให้นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.สกลนคร มาดำรงตำแหน่งแทน
** "ชาติชาย"เมินถูกไล่-ขอทำงานต่อ
นายชาติชาย พุคยาภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกะทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังที่ประชุมพรรคภูมิใจไทยมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ว่าตนยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ขอไปปรึกษาผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือก่อน และยังไม่อยากให้สัมภาษณ์เรื่องการเมืองในขณะนี้ ส่วนตอนนี้กำลังเร่งแก้ปัญหาเรื่องการกระจายผลไม้สู่ตลาดเพื่อแก้ปัญหาราคาตกต่ำก่อน จะขอทำงานอย่างเร่งด่วน และวันนี้(21พ.ค.)ตนได้เดินทางไปตรวจดูผลผลิตมังคุด และเป็นประธานในงานประชาสัมพันธ์ผลไม้คุณภาพสหกรณ์สู่ตลาดต่างประเทศ ณ สหกรณ์การเกษตรมะขาม จำกัด จ.จันทบุรี จึงไม่ได้เข้าร่วมประชุมพรรคภูมิใจไทยแต่อย่างใด
**ส.ส.ปชป.โผล่ที่ประชุมพรรคภท.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมพรรคภูมิใจไทยครั้งนี้ นายสุรสิทธิ์ ตรีทอง ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ไปปรากฏตัวที่พรรคในช่วงที่มีการประชุมด้วย เมื่อผู้สื่อข่าวนำเรื่องนี้ไปถาม นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เพิ่งทราบจากสื่อมวลชนซึ่งนายสุรสิทธิ์ อาจจะไปเข้าร่วมสังเกตการณ์หรือไม่ ก็ยังไม่ทราบ ต้องไปสอบถามนายสุรสิทธิ์ ก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่าจะถือเป็นปรากฎการณ์ หรือเป็นสัญญาณทางการเมืองอะไรหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีอะไรระแคะระคายมาก่อน และยังไม่รู้ว่าเขาลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้วหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มีแต่คนอื่น หรือสมาชิกพรรคอื่นๆ ที่อึดอัดใจในพรรคตัวเอง อยากจะมาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ทราบว่าจะมาอยู่ด้วยเมื่อไร
**อ้างไปยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือ
ด้านนายสุรสิทธิ์ ตรีทอง ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข่าวที่ว่าตนไปเข้าร่วมประชุมกับส.ส.พรรคภูมิใจไทยว่า ตนไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย แต่ได้ไปที่พรรคภูมิใจไทยจริง เพื่อยื่นหนังสือเชิญ นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม และนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ลงพื้นที่ เนื่องจากพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน กำลังมีปัญหาเรื่องถนนหนทาง และหอม กระเทียม
ส่วนที่ไม่ได้ไปยื่นที่กระทรวง เพราะมี ส.ส.พรรคภูมิใจไทย แนะนำให้ไปยื่นที่พรรคเขาได้เลย เนื่องจากจะมีการประชุมพรรควันเดียวกันนี้ จึงคาดว่าบุคคลทั้งสองจะมาที่ประชุมพรรคด้วย
"ผมไปยื่นหนังสือเรื่องงานในพื้นที่ ไม่ได้เข้าไปร่วม หรือไปเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยตามที่เป็นข่าว และไม่ได้ถูกหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยขานชื่อในที่ประชุมพรรค ว่าได้เป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยแล้ว เพราะผมรู้ดีว่าหากเป็นเช่นนั้นจะมีปัญหาในข้อกฎหมาย เพราะผมเป็นส.ส.อยู่พรรคประชาธิปัตย์อยู่ และขอยืนยัน 2 ล้านเปอร์เซ็นว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ผมก็ยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน ไม่อย่างนั้นลูกพี่ผมคือ นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย เอาผมตาย" นายสุรสิทธิ์กล่าว
**"มาร์ค" สัมมนา ส.ส. สุดสัปดาห์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของส.ส.ในพรรคหลังมีกระแสข่าวปรับครม.ว่า ศุกร์-เสาร์ –อาทิตย์นี้ พรรคได้จัดกิจกรรม ส.ส. คงมีการพูดคุยกัน แต่บรรยากาศการประชุม ส.ส. ครั้งสุดท้ายก็เรียบร้อยดี เป็นไปตามปกติ เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวว่าหากไม่ปรับครม.ในส่วนของพรรค อาจจะมีส.ส.ย้ายพรรค จริงเท็จอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่ายังไม่เคยได้ยิน
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าหากไม่มีการปรับครม.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า คนในพรรคประชาธิปัตย์จะย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เลือกตั้งทุกครั้งก็มีย้ายพรรค
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าจะมีการปรับครม. เป็นสัญญาใจจะมีการปรับครม.ในพรรคประชาธิปัตย์ กับนายกฯ และทางสมาชิกบางคน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรามีการประเมินและจะให้โอกาสคน แต่ว่าขณะนี้การทำงานเดินไปข้างหน้า ยังไม่ใช้ประเด็นที่เป็นเรื่องที่จะมาหยิบยกเป็นปัญหาในทางการเมืองหรือทางใด
เมื่อถามว่า มองปรากฎการณ์ของ 40 ส.ส.ในพรรคและพูดถึงการย้ายพรรค ส่อให้เห็นถึงความแตกแยกชัดเจนอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้คิดอย่างนั้น กับผู้บริหารพรรคและในภาพรวมกับสมาชิกพรรคหลายๆท่านก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนสัญญาณชัดหรือไม่นั้นเวลาเลือกตั้งก็มีการย้ายพรรคเป็นปกติ โดยปกติประชาธิปัตย์จะไม่เยอะทั้งเข้า-ออก
**พร้อมร่วมงานกับกลุ่ม "ประชา"
เมื่อถามว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรในการดึงตัว 12 ส.ส. พรรคเพื่อแผ่นดิน เข้ามาร่วมรัฐบาลเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับรัฐบาล ความเป็นไปได้มีมากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีส.ส.เพื่อแผ่นดินตอนแรก ที่ลงคะแนนสนับสนุน แต่ไม่ได้สนับสนุนตนเอง แต่ในบางวาระก็มาลงคะแนนสนับสนุนตนก็มีอยู่จำนวนหนึ่ง เมื่อถามว่า ทางกลุ่ม 12 เพื่อแผ่นดิน ขอให้พิจารณาโควต้าให้กับกลุ่มไม่เช่นนั้นจะมีผลต่อการโหวตพิจารณาเรื่องงบประมาณประจำปี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เวลานี้ไม่ได้มีโควตาอะไร ถ้าตามโควตาพรรคประชาธิปัตย์เยอะกว่านี้เยอะ
ส่วนใน อนาคตเป็นไปได้หรือไม่ที่จะร่วมงานกับ พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก ที่เคยแข่งชิงตำแหน่งนายกฯกันมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่มีปัญหา ความจริงท่านเองก็พูดคุยกับตนมาเป็นระยะก่อนหน้านี้ในเรื่องความร่วมมือการทำงานต่างๆ เมื่อถามอีกว่า หาก พล.ต.อ.ประชา เข้ามาจะได้ตำแหน่งอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่เคยมีการพูดเรื่องตำแหน่งเลย
**ยันปรับ ครม.ไม่ลาม
เมื่อถามว่า ปัญหาเรื่องการปรับครม. ควรจะจบหรือไม่ เพราะมีเพียงพรรคภูมิใจไทยเพียงตำแหน่งเดียวก่อนจะลุกลามไปพรรคอื่นๆ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่มีเรื่องไหนลุกลาม แต่ละพรรคมีประเด็นที่เขาต้องไปพิจารณาของเขาเอง ถ้าพรรคภูมิใจไทยมีปัญหา พรรคภูมิใจไทย ก็ต้องไปหาข้อยุติในส่วนของเขา ไม่ไปเกี่ยวข้องกับพรรคอื่น
อย่างไรก็ตาม การที่ออกมาพูดกันในตอนนี้เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ แต่เราต้องยึดประโยชน์ของงานเป็นหลักให้เดินไปได้ด้วยความราบรื่น เมื่อถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาต่อรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากให้นักการเมืองตระหนักตรงนี้ทุกครั้งที่มีข่าวนี้มาก็ไม่ได้เป็นผลบวกกับการเมืองโดยตรง
ส่วนกรณีที่นายสุรสิทธิ์ ตรีทอง ส.ส. สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมประชุมกับพรรคภูมิใจไทยในวันนี้นั้น ตนไม่ทราบ แต่เชื่อว่าคงเป็นแค่การไปสังเกตการณ์
**"เฉลิมชัย" ยันไม่ย้ายพรรค
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าตนไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของนายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.กทม. ที่ร้านอาหารนางกวัก พร้อมกับ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ น้องชายนายเนวิน ชิดชอบ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยงานดังกล่าวมีกลุ่ม 40 ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่กำลังเคลื่อนไหวให้มีการปรับครม.ไปร่วมงานจำนวนมากว่า การไปร่วมงานของตนในวันนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่ม 40 ส.ส. แต่อย่างใด ที่ไปร่วมงานก็เพื่อร่วมฉลองวันเกิดให้กับนายจุมพล และนายณัฏฐพลเท่านั้น ซึ่งก็มีคนอื่นๆที่ไป เช่นนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ตนเป็นส่วนหนึ่งที่ไปงานแค่นั้นเอง
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ในวันดังกล่าวตนนั่งแท็กซี่ไปเพียงคนเดียว ไม่ได้ไปพร้อมกับ ส.ส.ในกลุ่ม และไม่ได้ไปพร้อมกับนายศักดิ์สยาม ตามที่เป็นข่าวและไปเจอกันโดยบังเอิญ ก็มีการพูดคุยกันตามปกติ เนื่องจากรู้จักกันในฐานะเป็นส.ส.รุ่นเดียวกัน กระแสข่าวว่า ตนจะย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทยนั้นจึงเป็นข่าวที่คลาดเคลื่อน เพราะเรื่องย้ายพรรคไม่เคยอยู่ในความคิดเลย
นายเฉลิมชัย ยังกล่าวจุดยืนเรื่องการปรับครม.ว่า โดยส่วนตัวไม่อยากให้มีการปรับครม.ในช่วงนี้ อยากให้รัฐมนตรีแต่ละคนทำงานไปก่อน เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ การไปร่วมงานในวันนั้น ขอรับประกันว่าไม่ได้พูดเรื่องตำแหน่งแม้แต่น้อย การพูดคุยกันในงาน ก็เป็นการคุยกันปกติเหมือนในงานเลี้ยงทั่วไป เรื่องการปรับ ครม.นั้นตนไม่ได้คิดเลย
"ผมเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อกล้าทำก็กล้ารับ แต่กรณีนี้ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และจะไม่ใช้วิธีการปล่อยข่าวเป็นอีแอบที่คอยหวังผลทางการเมืองอย่างนี้ เพราะไม่ใช่นิสัยของผม ที่สร้างความเสียหายให้ผู้อื่น และพรรคประชาธิปัตย์ การที่ออกมาให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ก็เพราะต้องการความชัดเจนที่ออกจากปากของผม เพื่อที่จะได้ยุติข่าวลือข่าวปล่อยทั้งหมด" นายเฉลิมชัย กล่าว
**เชื่อไม่ซ้ำรอย 10 มกราฯ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสระบุว่ามีกลุ่มส.ส.หน้าใหม่ เคลื่อนไหวกดดันให้มีการปรับครม.ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เรื่องนี้ไม่มีมูล การที่มีกระแสข่าวเช่นนี้น่าจะเกิดขึ้นจากการพูดเล่นระหว่างหมู่สมาชิกพรรคด้วยกันเอง ทำให้ผู้สื่อข่าวเข้าใจผิด และหยิบยกมาเป็นประเด็น ซึ่งเมื่อได้สอบถามและพุดคุยกับส.ส.ส่วนใหญ่ของพรรค ทุกคนต่างตอบปฏิเสธว่าไม่เป็นเรื่องจริง แต่อาจเป็นเพราะห้วงเวลานี้ มีเรื่องการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีในส่วนของพรรคภูมิใจไทย จึงอาจทำให้มีการโยงมาถึงพรรคประชาธิปัตย์ด้วย โดยข้อเท็จจริงแล้วรัฐมนตรีของพรรคเพิ่งจะได้ทำงานเพียงไม่กี่เดือน ต้องให้เวลาในการปรับตัว ประกอบกับตัวเลขานุการ และที่ปรึกษารัฐมนตรี ส่วนใหญ่เป็นคนใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง อาจจะทำให้ขาดการประสานงานที่ดีระหว่างส.ส.กับฝ่ายบริหารได้
ส่วนที่มีข่าวออกมาว่ามีการโต้เถียง และวิจารณ์ตัวรัฐมนตรีอย่างรุนแรงในที่ประชุมส.ส.นั้น ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องปกติภายในพรรค เพราะธรรมเนียมปฏิบัติของพรรคในการประชุมส.ส.ทุกครั้ง จะมีวาระให้รัฐมนตรีชี้แจง และตอบปัญหาของ ส.ส.พรรคเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งการประชุมครั้งที่ผ่านมาก็เป็นการตั้งคำถามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการบริหารจัดการงบประมาณของรัฐบาล ซึ่งจะนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ที่รัฐบาลจะเปิดสมัยประชุมวิสามัญในระหว่างวันที่ 15-19 พ.ค.นี้ จึงจำเป็นต้องซักซ้อมและตั้งข้อสังเกตเรื่องงบประมาณให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆไปปรับปรุงและแก้ไขตามความเห็นของส.ส.ที่ได้ลงพื้นที่ และรับทราบปัญหามา ถ้าจะมองว่า การประชุม ส.ส.พรรคครั้งที่ผ่านมา เกิดข้อโต้เถียงอย่างรุนแรง ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความแตกแยก คำว่า “ ยามศึกเรารบ ยามสงบเราฟัดกันเอง” จะไม่เกิดขึ้นในพรรคนี้อย่างแน่นอน เพราะพรรคเคยได้รับบทเรียนที่เจ็บปวดในกรณีเรื่องกลุ่ม 10 มกราฯ เมื่อหลายปีก่อนมาแล้ว และได้นำบทเรียนนี้มาปรับปรุงแก้ไข ยึดเป็นแนวปฏิบัติเพื่อแก้ไข ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก.
**“ชวน”ยันไม่ได้ยินส.ส.ใหม่จี้ปรับครม.
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าว 40 ส.ส.ใหม่ในพรรคประชาธิปัตย์ไม่พอใจรัฐมนตรีในพรรคและอยากให้มีการปรับรัฐมนตรีบางคนว่า ในพรรคถือว่าตนใกล้ชิด ส.ส.พอสมควรแต่ยังไม่เคยได้ยินใครพูดเรื่องขอให้ปรับ ครม.ในพรรคแต่อาจจะมีวิพากษ์วิจารณ์รัฐมนตรีบางคนบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ได้มีอะไรรุนแรง โดยอาจจะมีความรู้สึกห่างเหิน ไปติดต่อแล้วไม่พบ ขณะเดียวกันมีการชื่นชมรัฐมนตรีบางคนที่เข้าพบได้ง่าย ส่วนจะถึงขั้นว่าคนนั้นคนนี้ทำงานไม่ได้เรื่อง ขอให้ปรับออกนั้นยังไม่ได้ยิน ดังนั้น จึงถือเป็นเรื่องธรรมดาหากมองว่าในหมู่ส.ส.เกือบ 200คน ที่จะมีการปรารภเรื่องนี้บ้าง
สำหรับการทำงานของรัฐบาล 4 เดือนที่ผ่านมาถือว่ามีผลงานน่าพอใจหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ต้องให้คนนอกประเมิน หากคนในประเมินจะถูกมองว่าเข้าข้างกัน แต่ถ้ามองกันอย่างยุติธรรม ตนคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลทำงานหนักเพื่อแก้วิกฤติที่เกิดขึ้นก่อนรัฐบาลนี้เข้ามา ดังนั้น ส.ส.ส่วนใหญ่มักจะให้กำลังใจ และยังช่วยกันตรวจสอบองค์ประชุมสภาด้วย ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงรัฐบาลนั้น บ้านเมืองมีวิกฤติทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ แล้วพรรคมักจะเข้ามาเป็นแกนนำบริหารในช่วงอย่างนี้ ดังนั้นจึงมีความรู้สึกเข้าใจกัน และมีทางไหนที่จะให้กำลังใจกันก็ต้องช่วยกัน ซึ่งตนได้แนะนำรัฐมนตรีให้ฟังทุกฝ่าย โดยพยายามใช้ความรู้ ประสบการณ์จากคนที่มีประสบการณ์มาแล้ว เช่น ไปปรึกษาหารือกับอดีตรัฐมนตรีในบางเรื่องเพื่อให้การทำงานจะได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น การรอบรู้ การเข้าใจการประเมินเหตุการณ์จะได้สมบูรณ์ขึ้น
ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการนำปัญหาความไม่พอใจของส.ส.ไปพูดคุยกันในการสัมมนาพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่22-24 พ.ค.นี้ นายชวน กล่าวว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเพียงแต่ตอนประชุมพรรคเมื่อวันอังคารที่ 19 พ.ค.มีวาระของสภามากจึงเกรงว่าหากพูดคุยกันเรื่องที่เป็นข่าวจะยืดเยื้อจึงตัดบทกันไปว่าเอาไว้พูดกันวันสัมมนา เพราะต้องเข้าระเบียบวาระแต่ไม่ได้มีเรื่องคอขาดบาดตายขนาดต้องให้ปรับครม. ซึ่งนายไตรรงค์จึงบอกว่าเอาไว้คุยกันที่อำเภอสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายชวน กล่าวย้ำว่า ปัญหาการสื่อสารระหว่างรัฐมนตรีกับ ส.ส.ไม่ได้มีมาก เพราะรัฐมนตรีส่วนใหญ่เป็น ส.ส. จึงพอจะเข้าใจว่าปัญหาคืออะไร เพียงแต่บางคนอาจจะงานยุ่ง ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาแต่ถ้าสังเกตเวลาประชุมพรรค จะเห็นว่ารัฐมนตรีส่วนใหญ่ยังมาประชุมแสดงให้เห็นว่า แม้งานจะยุ่งอย่างไร ยังให้ความสำคัญกับการประชุมพรรคและจำเป็นต้องมาฟังความเห็น ส.ส. และยืนยันว่าไม่มีว่าถึงขั้นชี้หน้าชี้ตากัน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่มี ส.ส.พรรครัฐบาลบางคนเคลื่อนไหวและขู่จะล้มร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 นั้น นายชวนปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น เพราะเป็นเรื่องของรัฐบาลแต่เฉพาะภายในพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มีปัญหามากขนาดนั้น และการที่ส.ส.หนุ่มปรารภ ถือเป็นเรื่องธรรมดาหากไม่มีคงเป็นเรื่องแปลก
**“ถาวร”เชื่อ“สุรสิทธิ์”ไม่ย้ายรัง
นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสุรสิทธิ์ระบุว่านายถาวรเป็นลูกพี่ และถ้าย้ายพรรคก็จะถูกลูกพี่เอาตายว่า ตนควรจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะสุรสิทธิ์เป็นหลานนายบุญชู ตรีทอง อดีตส.ส.ลำปาง พรรคไทยรักไทย ซึ่งนายบุญชูสนิทกับตนดังนั้นจึงไม่เห็นมีการส่งสัญญาณว่าจะไปหรือไม่ และตนก็เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นไปได้.
เมื่อวานนี้ (21พ.ค.) ที่พรรคภูมิใจไทย มีการประชุมร่วมกันของส.ส.และกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย กรณีจะมีการปรับตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ ที่นายชาติชาย พุคยาภรณ์ ดำรงตำแหน่งอยู่
หลังการประชุม นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รองโฆษกพรรคภูมิใจไทยและนายมานะศักดิ์ จันทรประสงค์ ส.ส.นนทบุรี ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายมานะศักดิ์ กล่าวว่า ตนและนายสันทัด จีนาภักดิ์ ส.ส.กาญจนบุรี ได้เสนอต่อที่ประชุมพรรคภูมิใจไทย เพื่อขอมติจากทางพรรคให้มีการปรับ นายชาติชาย พุคยาภรณ์ ออกจากตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ เพื่อคืนโควต้ารัฐมนตรีแก่พรรคภูมิใจไทย เหตุผลเพราะต้องดูแลกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งถือว่ากระทรวงที่ใหญ่และเกี่ยวข้องกับประชาชนจำนวนมาก แต่ว่านายชาติชาย ไม่เคยเข้าประชุมพรรค หรือคำนึงถึงนโยบายของพรรค อีกทั้งไม่สนใจข้อเสนอแนะของส.ส.ในการแก้ไขปัญหา ไม่เคยร่วมทำกิจกรรมกับพรรค ทำให้สมาชิกพรรคไม่มีใครสามารถมีโอกาสเข้าถึงนายชาติชายได้ ตนในฐานะสมาชิกพรรค และเป็นส.ส.จังหวัดนนทบุรี เห็นว่าการทำงานของนายชาติชาย ที่ผ่านมานั้น ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะพี่น้องชาวเกษตรกร ได้รับความเดือดร้อน จึงเสนอให้นายชาติชาย พิจารณาตัวเอง ด้วยการลาออก ทั้งนี้ ถือว่าเป็นมติของที่ประชุมใหญ่ พรรคภูมิใจไทยด้วย
นายมานะศักดิ์ กล่าวด้วยว่าเบื้องแรกของการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย โควตาในส่วนของรมช.เกษตรฯนั้น เป็นสัดส่วนของนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ซึ่งทุกคนทราบดี แต่ในวันนี้กลุ่มและโควตาได้หมดลง หลังจากที่พวกเราได้มารวมอยู่ในพรรคภูมิใจไทย ฉะนั้นประเด็นที่ว่า นายสรอรรถ กับนายเนวิน ชิดชอบ จะเกิดความขัดแย้งกันนั้น ตนขอตอบเลยว่าไม่มี
ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ในพรรค ที่มีการหารือกันก่อนหน้านี้แล้ว และในวันนี้มติของพรรคคือ ให้นายชาติชาย ลาออก ซึ่งมติพรรคถือว่ามีผลทันที
นายศุภชัย กล่าวว่า นอกจากที่นายมานะศักดิ์ ได้มีความเห็นต่อที่ประชุมในเรื่องเสนอให้นายชาติชาย ลาออกนั้น ความคิดเห็นส่วนใหญ่ในที่ประชุม ก็มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันกับนายมานะศักดิ์ ฉะนั้นที่ประชุมจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้พรรคปรับ นายชาติชาย พ้นจากตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ และพรรคได้มอบหมายให้ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เป็นผู้พิจารณาบุคคลที่เหมาะสมเพื่อดำรงตำแหน่งแทน และนำรายชื่อไปเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล
นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า มติพรรคในครั้งนี้ ให้ถือว่ามีผลทันที แต่เป็นกระบวนการในการดำเนินการ ซึ่งนายชวรัตน์ ในฐานะหัวหน้าพรรค จะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ถึงมติพรรคดังกล่าว หลังจากนั้นนายกฯ จะดำเนินการต่อตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
เมื่อถามว่ามติพรรคถือเป็นการขับ นายชาติชาย ออกจากพรรคหรือไม่ โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า นายชาติชาย ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี โดยผ่านทางนายมานะศักดิ์ เป็นผู้เสนอ
ส่วนใครจะมาแทนนั้น มติพรรคได้มอบอำนาจสิทธิ์ขาดให้หัวหน้าพรรคพิจารณาดำเนินการ แต่ส.ส.ส่วนใหญ่ ต้องการให้พิจารณาส.ส.ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี ไม่ต้องการให้คนนอก หรือนายทุนพรรคเข้ามา เนื่องจากที่ผ่านมาสมาชิกพรรคอยู่ร่วมกันมานาน มีความเหนียวแน่น และส.ส.ก็มีความรู้ความสามารถ ไม่ใช่เป็นเพราะเห็นตัวอย่างจากนายชาติชาย
ทั้งนี้มีรายงานว่า ผู้ที่จะมาแทนนายชาติชาย ในตำแหน่งรมช.เกษตรฯนั้นได้มีการเจรจากันระหว่างนายเนวิน ชิดชอบ กับนายสรอรรถ กลิ่นประทุมแล้ว คาดว่าจะให้นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.สกลนคร มาดำรงตำแหน่งแทน
** "ชาติชาย"เมินถูกไล่-ขอทำงานต่อ
นายชาติชาย พุคยาภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกะทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังที่ประชุมพรรคภูมิใจไทยมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ว่าตนยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ขอไปปรึกษาผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือก่อน และยังไม่อยากให้สัมภาษณ์เรื่องการเมืองในขณะนี้ ส่วนตอนนี้กำลังเร่งแก้ปัญหาเรื่องการกระจายผลไม้สู่ตลาดเพื่อแก้ปัญหาราคาตกต่ำก่อน จะขอทำงานอย่างเร่งด่วน และวันนี้(21พ.ค.)ตนได้เดินทางไปตรวจดูผลผลิตมังคุด และเป็นประธานในงานประชาสัมพันธ์ผลไม้คุณภาพสหกรณ์สู่ตลาดต่างประเทศ ณ สหกรณ์การเกษตรมะขาม จำกัด จ.จันทบุรี จึงไม่ได้เข้าร่วมประชุมพรรคภูมิใจไทยแต่อย่างใด
**ส.ส.ปชป.โผล่ที่ประชุมพรรคภท.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมพรรคภูมิใจไทยครั้งนี้ นายสุรสิทธิ์ ตรีทอง ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ไปปรากฏตัวที่พรรคในช่วงที่มีการประชุมด้วย เมื่อผู้สื่อข่าวนำเรื่องนี้ไปถาม นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เพิ่งทราบจากสื่อมวลชนซึ่งนายสุรสิทธิ์ อาจจะไปเข้าร่วมสังเกตการณ์หรือไม่ ก็ยังไม่ทราบ ต้องไปสอบถามนายสุรสิทธิ์ ก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่าจะถือเป็นปรากฎการณ์ หรือเป็นสัญญาณทางการเมืองอะไรหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีอะไรระแคะระคายมาก่อน และยังไม่รู้ว่าเขาลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้วหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มีแต่คนอื่น หรือสมาชิกพรรคอื่นๆ ที่อึดอัดใจในพรรคตัวเอง อยากจะมาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ทราบว่าจะมาอยู่ด้วยเมื่อไร
**อ้างไปยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือ
ด้านนายสุรสิทธิ์ ตรีทอง ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข่าวที่ว่าตนไปเข้าร่วมประชุมกับส.ส.พรรคภูมิใจไทยว่า ตนไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย แต่ได้ไปที่พรรคภูมิใจไทยจริง เพื่อยื่นหนังสือเชิญ นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม และนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ลงพื้นที่ เนื่องจากพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน กำลังมีปัญหาเรื่องถนนหนทาง และหอม กระเทียม
ส่วนที่ไม่ได้ไปยื่นที่กระทรวง เพราะมี ส.ส.พรรคภูมิใจไทย แนะนำให้ไปยื่นที่พรรคเขาได้เลย เนื่องจากจะมีการประชุมพรรควันเดียวกันนี้ จึงคาดว่าบุคคลทั้งสองจะมาที่ประชุมพรรคด้วย
"ผมไปยื่นหนังสือเรื่องงานในพื้นที่ ไม่ได้เข้าไปร่วม หรือไปเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยตามที่เป็นข่าว และไม่ได้ถูกหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยขานชื่อในที่ประชุมพรรค ว่าได้เป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยแล้ว เพราะผมรู้ดีว่าหากเป็นเช่นนั้นจะมีปัญหาในข้อกฎหมาย เพราะผมเป็นส.ส.อยู่พรรคประชาธิปัตย์อยู่ และขอยืนยัน 2 ล้านเปอร์เซ็นว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ผมก็ยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน ไม่อย่างนั้นลูกพี่ผมคือ นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย เอาผมตาย" นายสุรสิทธิ์กล่าว
**"มาร์ค" สัมมนา ส.ส. สุดสัปดาห์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของส.ส.ในพรรคหลังมีกระแสข่าวปรับครม.ว่า ศุกร์-เสาร์ –อาทิตย์นี้ พรรคได้จัดกิจกรรม ส.ส. คงมีการพูดคุยกัน แต่บรรยากาศการประชุม ส.ส. ครั้งสุดท้ายก็เรียบร้อยดี เป็นไปตามปกติ เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวว่าหากไม่ปรับครม.ในส่วนของพรรค อาจจะมีส.ส.ย้ายพรรค จริงเท็จอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่ายังไม่เคยได้ยิน
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าหากไม่มีการปรับครม.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า คนในพรรคประชาธิปัตย์จะย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เลือกตั้งทุกครั้งก็มีย้ายพรรค
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าจะมีการปรับครม. เป็นสัญญาใจจะมีการปรับครม.ในพรรคประชาธิปัตย์ กับนายกฯ และทางสมาชิกบางคน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรามีการประเมินและจะให้โอกาสคน แต่ว่าขณะนี้การทำงานเดินไปข้างหน้า ยังไม่ใช้ประเด็นที่เป็นเรื่องที่จะมาหยิบยกเป็นปัญหาในทางการเมืองหรือทางใด
เมื่อถามว่า มองปรากฎการณ์ของ 40 ส.ส.ในพรรคและพูดถึงการย้ายพรรค ส่อให้เห็นถึงความแตกแยกชัดเจนอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้คิดอย่างนั้น กับผู้บริหารพรรคและในภาพรวมกับสมาชิกพรรคหลายๆท่านก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนสัญญาณชัดหรือไม่นั้นเวลาเลือกตั้งก็มีการย้ายพรรคเป็นปกติ โดยปกติประชาธิปัตย์จะไม่เยอะทั้งเข้า-ออก
**พร้อมร่วมงานกับกลุ่ม "ประชา"
เมื่อถามว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรในการดึงตัว 12 ส.ส. พรรคเพื่อแผ่นดิน เข้ามาร่วมรัฐบาลเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับรัฐบาล ความเป็นไปได้มีมากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีส.ส.เพื่อแผ่นดินตอนแรก ที่ลงคะแนนสนับสนุน แต่ไม่ได้สนับสนุนตนเอง แต่ในบางวาระก็มาลงคะแนนสนับสนุนตนก็มีอยู่จำนวนหนึ่ง เมื่อถามว่า ทางกลุ่ม 12 เพื่อแผ่นดิน ขอให้พิจารณาโควต้าให้กับกลุ่มไม่เช่นนั้นจะมีผลต่อการโหวตพิจารณาเรื่องงบประมาณประจำปี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เวลานี้ไม่ได้มีโควตาอะไร ถ้าตามโควตาพรรคประชาธิปัตย์เยอะกว่านี้เยอะ
ส่วนใน อนาคตเป็นไปได้หรือไม่ที่จะร่วมงานกับ พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก ที่เคยแข่งชิงตำแหน่งนายกฯกันมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่มีปัญหา ความจริงท่านเองก็พูดคุยกับตนมาเป็นระยะก่อนหน้านี้ในเรื่องความร่วมมือการทำงานต่างๆ เมื่อถามอีกว่า หาก พล.ต.อ.ประชา เข้ามาจะได้ตำแหน่งอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่เคยมีการพูดเรื่องตำแหน่งเลย
**ยันปรับ ครม.ไม่ลาม
เมื่อถามว่า ปัญหาเรื่องการปรับครม. ควรจะจบหรือไม่ เพราะมีเพียงพรรคภูมิใจไทยเพียงตำแหน่งเดียวก่อนจะลุกลามไปพรรคอื่นๆ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่มีเรื่องไหนลุกลาม แต่ละพรรคมีประเด็นที่เขาต้องไปพิจารณาของเขาเอง ถ้าพรรคภูมิใจไทยมีปัญหา พรรคภูมิใจไทย ก็ต้องไปหาข้อยุติในส่วนของเขา ไม่ไปเกี่ยวข้องกับพรรคอื่น
อย่างไรก็ตาม การที่ออกมาพูดกันในตอนนี้เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ แต่เราต้องยึดประโยชน์ของงานเป็นหลักให้เดินไปได้ด้วยความราบรื่น เมื่อถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาต่อรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากให้นักการเมืองตระหนักตรงนี้ทุกครั้งที่มีข่าวนี้มาก็ไม่ได้เป็นผลบวกกับการเมืองโดยตรง
ส่วนกรณีที่นายสุรสิทธิ์ ตรีทอง ส.ส. สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมประชุมกับพรรคภูมิใจไทยในวันนี้นั้น ตนไม่ทราบ แต่เชื่อว่าคงเป็นแค่การไปสังเกตการณ์
**"เฉลิมชัย" ยันไม่ย้ายพรรค
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าตนไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของนายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.กทม. ที่ร้านอาหารนางกวัก พร้อมกับ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ น้องชายนายเนวิน ชิดชอบ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยงานดังกล่าวมีกลุ่ม 40 ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่กำลังเคลื่อนไหวให้มีการปรับครม.ไปร่วมงานจำนวนมากว่า การไปร่วมงานของตนในวันนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่ม 40 ส.ส. แต่อย่างใด ที่ไปร่วมงานก็เพื่อร่วมฉลองวันเกิดให้กับนายจุมพล และนายณัฏฐพลเท่านั้น ซึ่งก็มีคนอื่นๆที่ไป เช่นนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ตนเป็นส่วนหนึ่งที่ไปงานแค่นั้นเอง
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ในวันดังกล่าวตนนั่งแท็กซี่ไปเพียงคนเดียว ไม่ได้ไปพร้อมกับ ส.ส.ในกลุ่ม และไม่ได้ไปพร้อมกับนายศักดิ์สยาม ตามที่เป็นข่าวและไปเจอกันโดยบังเอิญ ก็มีการพูดคุยกันตามปกติ เนื่องจากรู้จักกันในฐานะเป็นส.ส.รุ่นเดียวกัน กระแสข่าวว่า ตนจะย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทยนั้นจึงเป็นข่าวที่คลาดเคลื่อน เพราะเรื่องย้ายพรรคไม่เคยอยู่ในความคิดเลย
นายเฉลิมชัย ยังกล่าวจุดยืนเรื่องการปรับครม.ว่า โดยส่วนตัวไม่อยากให้มีการปรับครม.ในช่วงนี้ อยากให้รัฐมนตรีแต่ละคนทำงานไปก่อน เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ การไปร่วมงานในวันนั้น ขอรับประกันว่าไม่ได้พูดเรื่องตำแหน่งแม้แต่น้อย การพูดคุยกันในงาน ก็เป็นการคุยกันปกติเหมือนในงานเลี้ยงทั่วไป เรื่องการปรับ ครม.นั้นตนไม่ได้คิดเลย
"ผมเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อกล้าทำก็กล้ารับ แต่กรณีนี้ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และจะไม่ใช้วิธีการปล่อยข่าวเป็นอีแอบที่คอยหวังผลทางการเมืองอย่างนี้ เพราะไม่ใช่นิสัยของผม ที่สร้างความเสียหายให้ผู้อื่น และพรรคประชาธิปัตย์ การที่ออกมาให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ก็เพราะต้องการความชัดเจนที่ออกจากปากของผม เพื่อที่จะได้ยุติข่าวลือข่าวปล่อยทั้งหมด" นายเฉลิมชัย กล่าว
**เชื่อไม่ซ้ำรอย 10 มกราฯ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสระบุว่ามีกลุ่มส.ส.หน้าใหม่ เคลื่อนไหวกดดันให้มีการปรับครม.ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เรื่องนี้ไม่มีมูล การที่มีกระแสข่าวเช่นนี้น่าจะเกิดขึ้นจากการพูดเล่นระหว่างหมู่สมาชิกพรรคด้วยกันเอง ทำให้ผู้สื่อข่าวเข้าใจผิด และหยิบยกมาเป็นประเด็น ซึ่งเมื่อได้สอบถามและพุดคุยกับส.ส.ส่วนใหญ่ของพรรค ทุกคนต่างตอบปฏิเสธว่าไม่เป็นเรื่องจริง แต่อาจเป็นเพราะห้วงเวลานี้ มีเรื่องการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีในส่วนของพรรคภูมิใจไทย จึงอาจทำให้มีการโยงมาถึงพรรคประชาธิปัตย์ด้วย โดยข้อเท็จจริงแล้วรัฐมนตรีของพรรคเพิ่งจะได้ทำงานเพียงไม่กี่เดือน ต้องให้เวลาในการปรับตัว ประกอบกับตัวเลขานุการ และที่ปรึกษารัฐมนตรี ส่วนใหญ่เป็นคนใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง อาจจะทำให้ขาดการประสานงานที่ดีระหว่างส.ส.กับฝ่ายบริหารได้
ส่วนที่มีข่าวออกมาว่ามีการโต้เถียง และวิจารณ์ตัวรัฐมนตรีอย่างรุนแรงในที่ประชุมส.ส.นั้น ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องปกติภายในพรรค เพราะธรรมเนียมปฏิบัติของพรรคในการประชุมส.ส.ทุกครั้ง จะมีวาระให้รัฐมนตรีชี้แจง และตอบปัญหาของ ส.ส.พรรคเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งการประชุมครั้งที่ผ่านมาก็เป็นการตั้งคำถามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการบริหารจัดการงบประมาณของรัฐบาล ซึ่งจะนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ที่รัฐบาลจะเปิดสมัยประชุมวิสามัญในระหว่างวันที่ 15-19 พ.ค.นี้ จึงจำเป็นต้องซักซ้อมและตั้งข้อสังเกตเรื่องงบประมาณให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆไปปรับปรุงและแก้ไขตามความเห็นของส.ส.ที่ได้ลงพื้นที่ และรับทราบปัญหามา ถ้าจะมองว่า การประชุม ส.ส.พรรคครั้งที่ผ่านมา เกิดข้อโต้เถียงอย่างรุนแรง ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความแตกแยก คำว่า “ ยามศึกเรารบ ยามสงบเราฟัดกันเอง” จะไม่เกิดขึ้นในพรรคนี้อย่างแน่นอน เพราะพรรคเคยได้รับบทเรียนที่เจ็บปวดในกรณีเรื่องกลุ่ม 10 มกราฯ เมื่อหลายปีก่อนมาแล้ว และได้นำบทเรียนนี้มาปรับปรุงแก้ไข ยึดเป็นแนวปฏิบัติเพื่อแก้ไข ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก.
**“ชวน”ยันไม่ได้ยินส.ส.ใหม่จี้ปรับครม.
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าว 40 ส.ส.ใหม่ในพรรคประชาธิปัตย์ไม่พอใจรัฐมนตรีในพรรคและอยากให้มีการปรับรัฐมนตรีบางคนว่า ในพรรคถือว่าตนใกล้ชิด ส.ส.พอสมควรแต่ยังไม่เคยได้ยินใครพูดเรื่องขอให้ปรับ ครม.ในพรรคแต่อาจจะมีวิพากษ์วิจารณ์รัฐมนตรีบางคนบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ได้มีอะไรรุนแรง โดยอาจจะมีความรู้สึกห่างเหิน ไปติดต่อแล้วไม่พบ ขณะเดียวกันมีการชื่นชมรัฐมนตรีบางคนที่เข้าพบได้ง่าย ส่วนจะถึงขั้นว่าคนนั้นคนนี้ทำงานไม่ได้เรื่อง ขอให้ปรับออกนั้นยังไม่ได้ยิน ดังนั้น จึงถือเป็นเรื่องธรรมดาหากมองว่าในหมู่ส.ส.เกือบ 200คน ที่จะมีการปรารภเรื่องนี้บ้าง
สำหรับการทำงานของรัฐบาล 4 เดือนที่ผ่านมาถือว่ามีผลงานน่าพอใจหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ต้องให้คนนอกประเมิน หากคนในประเมินจะถูกมองว่าเข้าข้างกัน แต่ถ้ามองกันอย่างยุติธรรม ตนคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลทำงานหนักเพื่อแก้วิกฤติที่เกิดขึ้นก่อนรัฐบาลนี้เข้ามา ดังนั้น ส.ส.ส่วนใหญ่มักจะให้กำลังใจ และยังช่วยกันตรวจสอบองค์ประชุมสภาด้วย ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงรัฐบาลนั้น บ้านเมืองมีวิกฤติทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ แล้วพรรคมักจะเข้ามาเป็นแกนนำบริหารในช่วงอย่างนี้ ดังนั้นจึงมีความรู้สึกเข้าใจกัน และมีทางไหนที่จะให้กำลังใจกันก็ต้องช่วยกัน ซึ่งตนได้แนะนำรัฐมนตรีให้ฟังทุกฝ่าย โดยพยายามใช้ความรู้ ประสบการณ์จากคนที่มีประสบการณ์มาแล้ว เช่น ไปปรึกษาหารือกับอดีตรัฐมนตรีในบางเรื่องเพื่อให้การทำงานจะได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น การรอบรู้ การเข้าใจการประเมินเหตุการณ์จะได้สมบูรณ์ขึ้น
ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการนำปัญหาความไม่พอใจของส.ส.ไปพูดคุยกันในการสัมมนาพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่22-24 พ.ค.นี้ นายชวน กล่าวว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเพียงแต่ตอนประชุมพรรคเมื่อวันอังคารที่ 19 พ.ค.มีวาระของสภามากจึงเกรงว่าหากพูดคุยกันเรื่องที่เป็นข่าวจะยืดเยื้อจึงตัดบทกันไปว่าเอาไว้พูดกันวันสัมมนา เพราะต้องเข้าระเบียบวาระแต่ไม่ได้มีเรื่องคอขาดบาดตายขนาดต้องให้ปรับครม. ซึ่งนายไตรรงค์จึงบอกว่าเอาไว้คุยกันที่อำเภอสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายชวน กล่าวย้ำว่า ปัญหาการสื่อสารระหว่างรัฐมนตรีกับ ส.ส.ไม่ได้มีมาก เพราะรัฐมนตรีส่วนใหญ่เป็น ส.ส. จึงพอจะเข้าใจว่าปัญหาคืออะไร เพียงแต่บางคนอาจจะงานยุ่ง ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาแต่ถ้าสังเกตเวลาประชุมพรรค จะเห็นว่ารัฐมนตรีส่วนใหญ่ยังมาประชุมแสดงให้เห็นว่า แม้งานจะยุ่งอย่างไร ยังให้ความสำคัญกับการประชุมพรรคและจำเป็นต้องมาฟังความเห็น ส.ส. และยืนยันว่าไม่มีว่าถึงขั้นชี้หน้าชี้ตากัน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่มี ส.ส.พรรครัฐบาลบางคนเคลื่อนไหวและขู่จะล้มร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 นั้น นายชวนปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น เพราะเป็นเรื่องของรัฐบาลแต่เฉพาะภายในพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มีปัญหามากขนาดนั้น และการที่ส.ส.หนุ่มปรารภ ถือเป็นเรื่องธรรมดาหากไม่มีคงเป็นเรื่องแปลก
**“ถาวร”เชื่อ“สุรสิทธิ์”ไม่ย้ายรัง
นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสุรสิทธิ์ระบุว่านายถาวรเป็นลูกพี่ และถ้าย้ายพรรคก็จะถูกลูกพี่เอาตายว่า ตนควรจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะสุรสิทธิ์เป็นหลานนายบุญชู ตรีทอง อดีตส.ส.ลำปาง พรรคไทยรักไทย ซึ่งนายบุญชูสนิทกับตนดังนั้นจึงไม่เห็นมีการส่งสัญญาณว่าจะไปหรือไม่ และตนก็เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นไปได้.