รอยเตอร์ – เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐดูไบต้องออกมาย้ำให้นักลงทุนมั่นใจว่า รัฐอาหรับแห่งนี้จะปฏิบัติตามข้อตกลงด้านการเงินทั้งหมด แม้ว่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการเงินโลกก็ตาม ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันอังคาร (19) เจ้าครองรัฐดูไบได้สั่งปลดนัสเซอร์ อัล-ชาอิค ผู้อำนวยการด้านการคลังของรัฐอย่างกะทันหัน
การปลดขุนคลังของรัฐดูไบได้สร้างความประหลาดใจและก่อให้เกิดคำถามในหมู่นักลงทุน ในเวลาที่ดูไบและบรรดาบริษัทที่อยู่ในความควบคุมของรัฐ ต่างพยายามปรับโครงสร้างและสางหนี้ก้อนโตอยู่
“รัฐบาลขอย้ำว่าจะปฏิบัติตามนโยบายการคลังที่ยั่งยืน และดำเนินการอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยพิจารณาถึงขอบข่ายของวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงทางการเงินของดูไบ รวมทั้งข้อกำหนดที่จะจัดทำเพิ่มเติมในอนาคต” โมฮัมเหม็ด อัล-ไชบานี ระบุในคำแถลง
ทั้งนี้ อัล-ไชบานี เป็นผู้อำนวยการสำนักงานของชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มัคทูม เจ้าครองรัฐดูไบ ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ด้วย
นอกจากนั้น อัล-ไชบานียังกล่าวสนับสนุนผู้อำนวยการด้านการเงินคนใหม่คือ อับดุล-เราะห์มาน อัล-ซาเลห์ ว่า “เหมาะจะเป็นผู้นำในการบริหารจัดการในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจขั้นตอนต่อไป”
ซาเลห์เคยมีตำแหน่งอยู่ในสำนักงานศุลกากรของดูไบ ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญของรัฐที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการค้าและการท่องเที่ยว อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของอาคารที่สูงที่สุดในโลก และเกาะที่สร้างขึ้นมาโดยมนุษย์ให้มีรูปร่างเหมือนต้นปาล์ม
การเปลี่ยนตัวขุนคลังอย่างกะทันหันนี้ ยังย้ำให้เห็นถึงสถานการณ์ทางการเงินอันเปราะบางของดูไบ ภายหลังจากที่ธนาคารกลางของยูเออีต้องเข้ามาช่วยกอบกู้วิกฤตโดยจัดทำโครงการออกพันธบัตรมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่หนี้สินรวมทั้งหมดสูงถึงราว 80,000 ล้านดอลลาร์
ดูไบนั้นเป็นรัฐที่มีข้อแตกต่างจากรัฐอื่นๆ ในยูเออี ในแง่ที่มีทรัพยากรน้ำมันน้อยมาก อีกทั้งการลงทุนจากต่างชาติที่จะเข้ามาสร้างรายได้ให้กับประเทศในช่วงวิกฤตการเงินก็มีน้อยเช่นกัน ดังนั้น เศรษฐกิจของดูไบจึงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการที่ต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมที่มีการหมุนเวียนเป็นวัฏจักร ได้แก่ การค้า การเงิน และการท่องเที่ยว โดยก่อนหน้านี้ดูไบก็เพิ่งประสบภาวะฟองสบู่แตกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปเมื่อปีที่แล้วด้วย
รัฐแห่งนี้กำลังใช้ความช่วยเหลือจากโครงการของธนาคารกลางยูเอดี ในการอัดฉีดเงินให้แก่บริษัทจำนวนมากมายของตนที่อยู่ในสภาพขาดเงินสดหมุนเวียน บางบริษัทก็ค้างชำระเงินให้แก่ผู้รับเหมา อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือดังกล่าวไม่ได้มีการเปิดเผยต่อสาธารชนอย่างครบถ้วน ทำให้มีการตั้งข้อสงสัยว่าบริษัทใดบ้างที่จะได้รับเงินช่วยเหลือ และพวกเขาจะต้องชำระคืนให้กับใคร
ทางการดูไบระบุด้วยว่ากำลังเตรียมเพิ่มเติมเงินช่วยเหลืออีก 10,000 ล้านดอลลาร์ โดยการออกพันธบัตรรอบที่สอง อีกทั้งจะปรับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ระดับสูง และจัดทำแผนการชำระเงินเพื่อดึงดูดความสนใจของพวกนักลงทุนด้วย
ส่วนอัล-ชาอิคที่เพิ่งถูกปลดออกไปนั้นเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับจากพวกนักลงทุนว่ามีความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นในรัฐที่เคยมีเศรษฐกิจบูมอย่างมาก แต่กำลังประสบวิกฤตสภาพคล่องอย่างหนักหลังจากที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ล้มไป
อัล-ชาอิคจะเข้ารับตำแหน่งใหม่โดยเป็นผู้ช่วยของผู้อำนวยการศาลกิจการต่างประเทศ นอกจากนี้เขายังเป็นผู้นำหรือมีตำแหน่งระดับสูงอยู่ในบริษัทสำคัญๆ อีกหลายแห่งในดูไบด้วย
การปลดขุนคลังของรัฐดูไบได้สร้างความประหลาดใจและก่อให้เกิดคำถามในหมู่นักลงทุน ในเวลาที่ดูไบและบรรดาบริษัทที่อยู่ในความควบคุมของรัฐ ต่างพยายามปรับโครงสร้างและสางหนี้ก้อนโตอยู่
“รัฐบาลขอย้ำว่าจะปฏิบัติตามนโยบายการคลังที่ยั่งยืน และดำเนินการอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยพิจารณาถึงขอบข่ายของวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงทางการเงินของดูไบ รวมทั้งข้อกำหนดที่จะจัดทำเพิ่มเติมในอนาคต” โมฮัมเหม็ด อัล-ไชบานี ระบุในคำแถลง
ทั้งนี้ อัล-ไชบานี เป็นผู้อำนวยการสำนักงานของชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มัคทูม เจ้าครองรัฐดูไบ ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ด้วย
นอกจากนั้น อัล-ไชบานียังกล่าวสนับสนุนผู้อำนวยการด้านการเงินคนใหม่คือ อับดุล-เราะห์มาน อัล-ซาเลห์ ว่า “เหมาะจะเป็นผู้นำในการบริหารจัดการในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจขั้นตอนต่อไป”
ซาเลห์เคยมีตำแหน่งอยู่ในสำนักงานศุลกากรของดูไบ ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญของรัฐที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการค้าและการท่องเที่ยว อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของอาคารที่สูงที่สุดในโลก และเกาะที่สร้างขึ้นมาโดยมนุษย์ให้มีรูปร่างเหมือนต้นปาล์ม
การเปลี่ยนตัวขุนคลังอย่างกะทันหันนี้ ยังย้ำให้เห็นถึงสถานการณ์ทางการเงินอันเปราะบางของดูไบ ภายหลังจากที่ธนาคารกลางของยูเออีต้องเข้ามาช่วยกอบกู้วิกฤตโดยจัดทำโครงการออกพันธบัตรมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่หนี้สินรวมทั้งหมดสูงถึงราว 80,000 ล้านดอลลาร์
ดูไบนั้นเป็นรัฐที่มีข้อแตกต่างจากรัฐอื่นๆ ในยูเออี ในแง่ที่มีทรัพยากรน้ำมันน้อยมาก อีกทั้งการลงทุนจากต่างชาติที่จะเข้ามาสร้างรายได้ให้กับประเทศในช่วงวิกฤตการเงินก็มีน้อยเช่นกัน ดังนั้น เศรษฐกิจของดูไบจึงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการที่ต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมที่มีการหมุนเวียนเป็นวัฏจักร ได้แก่ การค้า การเงิน และการท่องเที่ยว โดยก่อนหน้านี้ดูไบก็เพิ่งประสบภาวะฟองสบู่แตกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปเมื่อปีที่แล้วด้วย
รัฐแห่งนี้กำลังใช้ความช่วยเหลือจากโครงการของธนาคารกลางยูเอดี ในการอัดฉีดเงินให้แก่บริษัทจำนวนมากมายของตนที่อยู่ในสภาพขาดเงินสดหมุนเวียน บางบริษัทก็ค้างชำระเงินให้แก่ผู้รับเหมา อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือดังกล่าวไม่ได้มีการเปิดเผยต่อสาธารชนอย่างครบถ้วน ทำให้มีการตั้งข้อสงสัยว่าบริษัทใดบ้างที่จะได้รับเงินช่วยเหลือ และพวกเขาจะต้องชำระคืนให้กับใคร
ทางการดูไบระบุด้วยว่ากำลังเตรียมเพิ่มเติมเงินช่วยเหลืออีก 10,000 ล้านดอลลาร์ โดยการออกพันธบัตรรอบที่สอง อีกทั้งจะปรับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ระดับสูง และจัดทำแผนการชำระเงินเพื่อดึงดูดความสนใจของพวกนักลงทุนด้วย
ส่วนอัล-ชาอิคที่เพิ่งถูกปลดออกไปนั้นเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับจากพวกนักลงทุนว่ามีความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นในรัฐที่เคยมีเศรษฐกิจบูมอย่างมาก แต่กำลังประสบวิกฤตสภาพคล่องอย่างหนักหลังจากที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ล้มไป
อัล-ชาอิคจะเข้ารับตำแหน่งใหม่โดยเป็นผู้ช่วยของผู้อำนวยการศาลกิจการต่างประเทศ นอกจากนี้เขายังเป็นผู้นำหรือมีตำแหน่งระดับสูงอยู่ในบริษัทสำคัญๆ อีกหลายแห่งในดูไบด้วย
