xs
xsm
sm
md
lg

กล้าๆ หน่อยท่านนายกฯ

เผยแพร่:   โดย: พล.อ.อ.เทอดศักดิ์ สัจจะรักษ์

ผมเคยได้รับเชิญไปออกรายการที่สถานีโทรทัศน์ ASTV ภายหลังจากท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ประกาศตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับกลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ เมื่อ 17 ธ.ค. 51 ประมาณ 1 สัปดาห์ร่วมกับนายทหารอีกท่านหนึ่ง เป็นการสัมภาษณ์ความคิดเห็นของอดีตทหารแก่เกี่ยวกับรัฐบาลที่ตั้งขึ้นว่า เราทั้งสองคนมีความคิดเห็นอย่างไร และเราคิดว่า รัฐบาลจะไปรอดหรือไม่ ซึ่งผมได้ตอบพิธีกรในวันนั้นว่า โดยความรู้สึกส่วนตัวแล้ว ผมค่อนข้างจะชื่นชอบท่านนายกฯ คนนี้ ชอบในความรู้ความสามารถ ชอบผลงานในอดีตที่ผ่านมาที่ไม่ปรากฏความด่างพร้อยใดๆ แถมมีแนวคิดของนักการเมืองรุ่นใหม่อยู่มาก ผิดไปจากนักกินเมืองนักโกงเมืองเขี้ยวลากดินทั้งหลาย ผมขอเอาใจช่วยและขออวยพรให้ท่านประสบความสำเร็จในการนำพาประเทศฝ่าวิกฤตไปได้

แต่อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าท่านโชคไม่ดีที่ได้เป็นนายกฯ ในจังหวะเวลาและสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสมเอามากๆ ฉะนั้นผมจึงคิดว่ารัฐบาลไม่มีทางอยู่ครบเทอม อย่างดีก็แค่ 3 เดือน อย่างมากไม่เกิน 6 เดือน ท่านผู้อ่านคงอยากทราบผมวิเคราะห์จากพื้นฐานอะไร ไม่สุ่มเสี่ยงไปหน่อยหรือ ผมเรียนว่าผมคิดดังนั้นจริงๆ ไม่ได้เดาเอา เอาตามเหตุผลและข้อมูลที่เกิดขึ้นในเวลานั้น ประกอบกับมีข้อมูลบางอย่างที่เผอิญไปทราบมา เพราะมีน้องๆ ที่เป็นพวกทหารข่าวมาเล่าให้ฟัง เมื่อครอสเช็กแล้ว ถ้าเป็นภาษาการข่าวกรองเขาเรียกว่าเป็นข่าวประเภท ฉ 1. คือเป็นข่าวที่เชื่อถือได้ ซึ่งในเวลานั้นต้องถือว่ายังไม่สมควรเปิดเผย ที่ผมว่าท่านนายกฯ ท่านโชคไม่ดีนั้น ผมมิได้หมายถึงท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ เพียงท่านดียวผมหมายถึงทุกคนที่ขึ้นมาเป็นนายกฯ ในเวลานั้น เพราะการเมืองบ้านเรากำลังร้อนระอุยังไม่อาจคาดเดาว่าจะบานปลายเป็นสงครามกลางเมืองหรือไม่ ประชาชนมีการแตกแยกทางความคิดเป็น 2 ฝ่ายเป็นพวกเสื้อเหลืองและเสื้อแดง มีการจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันสูงสุดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประเทศไทย ทำกันเป็นขบวนการทั้งภายในและภายนอกประเทศสอดประสานกัน

ทีนี้เราลองมาวิเคราะห์ปัญหาจากภายนอกประเทศ ทั่วโลกกำลังประสบปัญหาด้านการเงินการธนาคาร สถาบันการเงินใหญ่ๆ ของโลกพากันล้มละลายหรือมีผลประกอบการขาดทุน บริษัทอุตสาหกรรมไม่ว่าใหญ่หรือเล็กพากันขาดทุนจนต้องลดกำลังการผลิต ต้องเลิกกิจการหรือควบรวมกิจการเป็นเหมือนกันหมดทั่วโลก มีการปลดหรือเลิกจ้างพนักงานและแรงงานตามมา ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบนี้ไปเต็มๆ เพราะรายได้หลักของประเทศ 70% มาจากภาคการส่งออกออก เมื่อการส่งออกลดลงก็มีการลดกำลังการผลิต การปลดพนักงาน และแรงงานเหมือนกับในต่างประเทศ นอกจากนั้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งทำรายได้รองให้กับประเทศ ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย นักท่องเที่ยวพากันระงับหรือยกเลิกการเดินทางเพราะหวั่นเกรงความปลอดภัยจากปัญหาการเมืองภายในของไทยในเวลานั้น ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาความยากจน ปัญหาปากท้อง นับเป็นปัญหาที่ท้าทายความสามารถของท่านนายกฯ อภิสิทธิ์และทีมงานด้านเศรษฐกิจของท่าน เพราะในสายตาของฝ่ายตรงข้ามและพรรคฝ่ายค้านเขาปรามาสว่าท่านเป็นมือใหม่หัดขับ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับกลุ่มพ่อค้าประชาชนที่เขาได้รับผลกระทบเต็มๆ ที่กำลังรอดูฝีมือในการแก้ปัญหา และรอความช่วยเหลือจากภาครัฐ

เราลองกลับมาดูปัญหาภายในประเทศซึ่งร้อนแรงยิ่งกว่า เพราะจะมีปัจจัยและเงื่อนไขที่จะทำให้รัฐบาลอยู่หรือไปได้ง่ายกว่า คือปัญหาการเมืองภายประเทศที่คนไทยมีแนวความคิดแตกแยกเป็นสองฝ่ายอย่างอย่างชัดเจน ฝ่ายเสื้อเหลืองเป็นฝ่ายไม่เอาทักษิณและไม่ยอมรับรัฐบาลที่เป็นตัวแทนหรือร่างทรง กับคนเสื้อแดงที่สนับสนุนให้ทักษิณกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง เป็นพวกไม่ยอมรับ คมช.และระบอบอำมาตยาธิปไตย ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ก่อให้เกิดวิกฤตในบ้านเมืองมาตลอด และเมื่อนายอภิสิทธิ์ได้รับเลือกเป็นนายกฯ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านกับอดีตนายกฯ ทักษิณก็สนับสนุนให้คนเสื้อแดงออกมาขับไล่ในทันที ซึ่งในเวลานั้นยังมองไม่ออกแต่เดาว่าต้องรุนแรงแน่

นอกจากนั้นยังมีปัญหาข้อกฎหมายให้พิจารณา คือ หลังจากมีการประกาศยุบพรรคการเมืองรวม 3 พรรคแล้ว ได้มี ส.ส.พรรคพลังประชาชนกลุ่มหนึ่งภายใต้การนำของนายเนวิน ชิดชอบได้ย้ายมาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์เพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม ได้มีส.ส.พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านได้ร้องเรียน กกต.เกี่ยวกับคุณสมบัติของ ส.ส.แบบแบ่งเขตที่ย้ายไปสังกัดพรรคที่เพิ่งจดทะเบียนใหม่และยังไม่เคยส่งสมาชิคพรรคลงเลือกตั้งเลย กกต.ก็ยังไม่มีประกาศรับรองพรรคจะมีคุณสมบัติถูกต้องหรือไม่ นอกจากนั้น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเมื่อพรรคถูกยุบแล้วจะมีสิทธิย้ายไปอยู่พรรคใหม่ได้หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องในแง่กฎหมาย หาก กกต.ชี้ว่าไม่ถูกต้องการออกเสียงตั้งรัฐบาลก็เป็นโมฆะนอกจากนี้ยังมีปัญหาการก่อการร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งยืดเยื้อยาวนานมาตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ และยังคงมีความรุนแรงมาตลอด

เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ว่ารัฐบาลผสมที่ประกอบจากพรรคเล็กหลายๆ พรรคมักจะไม่มีความมั่นคง ขนาดในยามบ้านเมืองสงบเรียบร้อยดียังอยู่ไม่ได้นาน เพราะการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีช่วยมักจะจัดสรรตามจำนวน ส.ส.ในพรรค อาวุโสในพรรคเป็นเรื่องมาก่อนความรู้ความสามารถ ความเหมาะสมจะอยู่กระทรวงไหนไม่ต้องพูดถึง ยิ่งมีเงินให้พรรคมากก็ซื้อตำแหน่งรัฐมนตรีได้เลยถือว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นอันดับหนึ่ง เป็นมาอย่างนี้จริงๆ ไม่ได้โกหกและไม่ได้โม้ นโบบายของพรรคจะไปทางเดียวกันหรือสวนทางกันไม่ใช่เรื่องสำคัญผลประโยชน์สำคัญกว่า

แล้วในยามที่บ้านเมืองมีวิกฤตแบบนี้ผมจึงไม่มั่นใจว่า ท่านนายกฯ จะเอาอยู่เพราะพอประกาศรายชื่อรัฐมนตรี แม้แต่คนในพรรคประชาธิปัตย์เองแท้ๆ ก็ออกอาการที่จะไม่ร่วมสังฆกรรมแล้ว ร้อนถึงผู้หลักผู้ใหญ่ต้องลงมาไกล่เกลี่ย แต่นั่นยังไม่น่ากลัวเท่ากลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ ที่แยกตัวมาจากพรรคเพื่อไทยเดิม ส.ส.กลุ่มนี้เคยมีความใกล้ชิดและจงรักภักดีต่ออดีตนายกฯ ทักษิณมาก่อนเป็นเวลานาน ถึงกับบางคนเคยกล่าวว่าสำหรับนายแล้วผมยอมตายแทนได้ และสำหรับนายเนวิน ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มนั้นเราต้องรับว่าเป็นคนฉลาด เป็นคนที่มองการณ์ไกล ปฏิภาณไหวพริบดี เป็นนักการเมืองรอบจัดและตีบทแตกทุกบท

การแยกตัวมาจากพรรคเดิมดูจะเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสม และกับเหตุผลที่ออกมาเปิดเผยทั้งน้ำตาว่าไม่สามารถทนเห็นสภาพ นายสมัคร สุนทรเวช ถูกหักหลังในการโหวตกลับไปเป็นนายกฯ ครั้งที่สองได้ แต่ดูเหมือนจะไม่มีคนเชื่อถือเท่าไหร่หลายคนวิจารณ์ว่าน่าจะทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพรรคพวกมากกว่า ซึ่งผมค่อนข้างเห็นด้วย เพราะนายเนวิน ทราบดีว่าหลังจากพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชนถูกยุบแล้ว คนมือดีของพรรคต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปเป็นจำนวนมาก แค่คัดเลือกตัวแทนไปแข่งกับนายอภิสิทธิ์ เพื่อให้สภาผู้แทนเลือกแป็นนายกฯ ยังหาไม่ได้ต้องไปเอาคนจากพรรคอื่นมาเชิด และถึงแม้จะจัดตั้งรัฐบาลได้ก็ต้องตกอยู่ภายใต้การบงการของอดีตนายกฯ ทักษิณให้รัฐบาลแก้รัฐธรรมนูญ ให้นิรโทษกรรมทางการเมืองแก่คนบ้านเลขที่ 111และ 109 ต้องยกเลิกองค์กรอิสระที่จัดตั้งโดย คมช.เพื่อให้ทักษิณ พ้นผิดและได้เงินคืน ซึ่งจะต้องถูกต่อต้านอย่างหนักโดยนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ประชาชน และคนเสื้อเหลืองชนิดไม่มีเวลาหายใจสบายๆ อย่าว่าแต่จะเป็นรัฐบาลบริหารประเทศเลยแค่จะรักษาพรรคให้คงอยู่ต่อไปก็ยังไม่ได้

ดังนั้นจึงเกิดปรากฏการณ์เคลื่อนไหวของนักการเมืองกลุ่มหนึ่งที่นำโดยนายเนวิน เจ๊หน่อยและ ส.ส.ในคณะกับบรรดานายทหารใหญ่บางคน อดีต ผบ.ทบ. อดีตรมว.กระทรวงการคลัง และนักวิชาการบางคน เป็นการรวมกลุ่มทางการเมืองแบบไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน คนกลุ่มนี้เคลื่อนไหวในเวลาเดียวกับที่กลุ่ม พธม.บุกยึดทำเนียบรัฐบาล คนกลุ่มนี้เกลียดคนเสื้อเหลือง และไม่เอาคนเสื้อแดง จึงมีคำตอบว่าทำไมในช่วงที่เกิดวิกฤตในบ้านเมืองระหว่างคนเสื้อเหลืองกับคนเสื้อแดงปะทะกัน มีการจาบจ้วงล่วงระเมิดสถาบันสูงสุดอย่างชัดเจน จนประชาชนเกรงว่าเหตุการณ์จะลุกลามบานปลาย ทหารกับตำรวจจึงวางเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาว เหมือนเข้าเกียร์ว่าง คำตอบคือทหารคิดช้า ทหารคิดรอบคอบ ทหารไม่อยากเตะหมูไปเข้าปากหมา ไม่ทราบว่าเป็นการคิดแบบมีวาระแอบแฝงหรือไม่ (Hidden agenda) แต่ที่แน่ๆ เขาคิดไปข้างหน้าและคิดถึงอนาคตตัวเองด้วย

เมื่อถึง 17 มิ.ย. 52 รัฐบาลท่าน นายกฯ อภิสิทธิ์ ก็จะอยู่ครบ 6 เดือนซึ่งเกินความคาดหมายของผมที่วิเคราะห์ไว้ ยังมีเวลาอีกเดือนเศษ ผมคิดว่ายังมีเรื่องสุ่มเสี่ยงหวาดเสียวรอท่านอยู่ เพราะเหตุการณ์ในเดือนเมษายนช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ เป็นช่วงที่มีการปลุกระดมคนเสื้อแดงได้อย่างรุนแรงและมีประสิทธิภาพที่สุด สามารถขัดขวางการประชุมอาเซียนซัมมิทที่พัทยาจนเป็นข่าวดังไปทั่วโลก

และมีเหตุการณ์ที่คนเสื้อแดงพยายามทำร้ายนายกรัฐมนตรีที่พัทยา และที่กระทรวงมหาดไทยแทบจะเอาชีวิตไม่รอด มีการระดมปิดกั้นการจราจรในจุดที่สำคัญๆ ของกรุงเทพฯ มีการเผารถโดยสารประจำทางจนประชาชนพากันเดือดร้อนไปทั่ว แต่ภาพฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลกลับไม่ได้แสดงปฏิกิริยาที่จะสามารถระงับเหตุลงได้เลย ต่างฝ่ายต่างเข้าเกียร์ว่าง ไม่มีเอกภาพในการสั่งการบังคับบัญชา ซ้ำร้ายยังมีทหารบางหน่วยนำรถยานยนต์หุ้มเกราะออกมาแล้วถูกคนเสื้อแดงยึดไปขับเล่นเสียหลายคันดูไม่จืดจริงๆ ภาพเหล่านี้ที่ปรากฏในระยะแรกทำให้คนทั่วๆ ไปคิดว่าเห็นทีท่านนายกฯ จะไปไม่รอด เห็นทีบ้านเมืองจะรุกเป็นไฟเพราะสงครามกลางเมือง ถ้าเป็นมวยก็ต้องบอกว่า ท่านนายกฯ กำลังจะถูกน๊อก ก็ไม่ทราบว่าเก่งหรือเฮงหรือมีพี่เลี้ยงแก้ทางมวยดี ปรากฏว่ารุ่งขึ้นวันที่ 14 เม.ย.สถานการณ์ฝ่ายรัฐบาลกลับกลายเป็นต่ออย่างผิดหูผิดตา และสามารถปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมได้สำเร็จในที่สุด ท่ามกลางผู้ดูที่ใจหายใจคว่ำไปตามๆ กัน

การยุติความรุนแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพเรียบร้อย การดำเนินการเป็นไปตามมาตรฐานสากล ไม่มีผู้เสียชีวิตจากการปราบปราม ได้สร้างภาพลักษณ์ของท่านนายกฯ ให้เป็นฮีโร่ตัวตัวจริงในสายตาประชาชนและต่างประเทศ และมีสิ่งที่ไม่เคยคาดหมายเกิดขึ้น มีประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่รับผลกระทบออกมาต่อต้านคนเสื้อแดง และให้การสนับสนุนรัฐบาลอย่างเต็มที่ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน รัฐบาลคงจะต้องหันมาทบทวนบทเรียน 5 เดือนที่ผ่านมาอย่างละเอียดรอบคอบ เหมือนที่ทหารเขาทบทวนบทเรียนหลังการรบ ว่าเป็นเพราะเหตุใดเหตุการณ์ถึงบานปลายจนทำให้ชื่อเสียงของประเทศต้องย่อยยับ ทำไมรัฐบาลถึงอ่อนด้อยไร้ประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยให้กับบุคคลสำคัญจากต่างประเทศ และแม้แต่ตัวนายกฯ และรัฐมนตรีบางคนเองก็แทบเอาชีวิตไม่รอดต้องหนีตายแบบหมดรูป

ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่แอบชื่นชอบท่านนายกฯ และอยากให้ท่านมีโอกาสอยู่แก้ปัญหาให้บ้านเมืองต่อไปอีกนานๆ ผมใคร่ขออนุญาตที่จะยกคำสอนที่ครูการบินของกองทัพอากาศเคยให้ไว้กับบรรดานักบินว่า ท่าบินทุกท่าล้วนมีอันตรายถึงชีวิตได้ ถ้าทำท่าทางบินใดผิดพลาดแล้วมีโอกาสรอดชีวิตมาได้ ก็ขอให้จำไว้ว่าให้เป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายในชีวิต เพราะถ้าทำผิดซ้ำคราวหน้าก็อย่าหวังว่าจะมีโอกาสรอดกลับมาอีก

ท่านนายกฯ ครับ ถ้าท่านยอมให้ผิดพลาดซ้ำอีกท่านอาจไม่รอด การต่อสู้ทางการเมืองของท่านยังไม่จบ การต่อสู้เพียงเปลี่ยนรูปแบบจากการประท้วงตามท้องถนน มาเป็นการต่อสู้ทั้งในและนอกสภา ฝ่ายตรงข้ามเขาเพลี่ยงพล้ำทางยุทธวิธี แต่ขุมกำลังยังไม่ได้ถูกทำลายไป ความมุ่งหมายเขายังไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าท่านยังไม่เปลี่ยนแปลงทั้งยุทธศาสตร์และยุทธวิธีและตัวผู้รับผิดชอบที่ชอบเข้าเกียร์ว่างและจ้องจะแทงข้างหลัง พรรคประชาธิปัตย์จะต้องกลับไปเป็นฝ่ายค้านอย่างเดิมและอาจจะเล็กลงกว่าเดิมก็ได้

อยากกราบเรียนท่านนายกฯ ว่ามีคนไม่น้อยมีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในระยะหลังนี้ เป็นผลมาจากการวางแผนการเข้าสู่อำนาจของคนกลุ่มหนึ่งที่ร่วมรัฐบาลกับท่าน พยายาม discredit ท่านให้สังคมทั้งภายในและภายนอกเห็นว่า ท่านอ่อนแอ ด้อยประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและการบังคับบัญชา และไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำประเทศ ประเทศไทยไม่มีความปลอดภัย

การลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นผู้นำมวลชนและสื่อมวลชนในเวลาที่ประเทศประกาศภาวะฉุกเฉิน เสมือนมีความจงใจเพื่อกระพือความรุนแรงในบ้านเมืองให้มีความแตกแยกมากขึ้น ถ้ายอมรับในแนวคิดนี้ความชัดเจนในการเป็นรัฐบาลผสม จะถูกกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงในที่สุด ไม่ว่าจะเกิดจากการขอให้ยุบสภา ลาออก การแก้รัฐธรรมนูญ ฯลฯ และถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาโดยวิธีลากยาวเพื่อซื้อเวลา เพื่อผลประโยชน์อะไรบางอย่างหรือความได้เปรียบทางการเมืองก็จะจบลงเหมือนกันหมด คือมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ท่านนายกฯ ต้องยอมรับว่ากลุ่มของทักษิณและกลุ่มอำนาจใหม่ มีทรัพยากรทุกอย่างเหนือกว่าพรรคประชาธิปัตย์ แม้คน 2 กลุ่มนี้จะแสดงตัวว่าเป็นคนละพวกกัน แต่เขามีเลือดกรุ๊ปเดียวกัน และพร้อมจะเปลี่ยนถ่ายกันได้ การออกมาแถลงข่าวของนายเนวินเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศ เป็นคนเนรคุณต่ออดีตนายกฯ ทักษิณ ท่านนายกฯ เชื่อหรือว่าเป็นความจริงท่านต้องมองย้อนกลับยาวๆ และดูนานๆ สำหรับกลุ่ม พธม.ซึ่งมีฐานเสียงเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์เขาไม่เชื่อ ยี่ห้อยร้อยยี่สิบ และเขาไม่ยอมรับมานานแล้ว

ท่านนายกฯ ครับผมว่าถึงเวลาหรือ timing ที่ท่านจะต้องตัดสินใจทางการเมืองครั้งสำคัญของท่านแล้ว ว่าท่านจะเป็นฝ่ายรุกหรือฝ่ายตั้งรับ ถ้ายอมรับในทฤษฎีว่าการลากยาวเพื่อซื้อเวลาท่านจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทางการเมือง ท่านต้องกล้าตัดสินใจในตอนนี้ เพราะประชาชนที่มีอุดมการณ์เพื่อชาติบ้านเมือง ประชาชนที่รักสันติและอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุขได้ออกมาอยู่เคียงข้างท่านแล้ว ยิ่งเวลานานออกไปภาพของรัฐบาลที่ขาดเอกภาพ นายกฯ ที่ขาดความเด็ดขาด ยอมให้พวกอำนาจใหม่แสดงความเหนือกว่าในหลายๆ เรื่อง ประชาชนจะเบื่อท่านซึ่งเป็นเรื่องอันตรายสุดๆ ท่านอย่ากลัวว่าจะมีทหารตำรวจออกมาปฏิวัติหรือยึดอำนาจ ไม่มีทางครับ เพราะการทำเช่นนั้นไม่ว่าจะอ้างเหตุผลใดๆ ออกมาประชาชนทั้งเหลืองและแดงจะไม่ยอมรับ

การทำปฏิวัติที่ไม่มีประชาชนหนุนหลังมีจุดจบอย่างเดียวคือความพ่ายแพ้ และมีโทษถึงประหารชีวิตทหารยุคหลังๆ รู้เหตุผลข้อนี้ดี ทหารที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนเขาอยากได้ผู้นำกองทัพที่เก่งและเป็นคนดี แต่ข้อเท็จจริงก็คือคนเหล่านั้นไม่มีสิทธิเลือกผู้นำของเขาเองรัฐบาล และนักการเมืองผู้มีอำนาจต่างหากเป็นคนยัดเยียดให้ เมื่อได้ของไม่ดีเขาก็อยากเปลี่ยน แล้วกับคำถามที่ว่าถ้ามีไอ้บ้ามันทำปฏิวัติยึดอำนาจล่ะนายกฯ จะเป็นอย่างไร ก็ต้องบอกว่า ถ้าท่านนายกฯ เป็นคนดี มีศีลธรรม ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้คดโกงใคร ก็ไม่ต้องหนีไปต่างประเทศเหมือนอดีตนายกฯ บางคน กลับไปเป็นหัวหน้าฝ่ายค้านใหม่เคยเป็นมาตั้งนานหลายปียังทนมาได้ และคราวหน้าท่านจะกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม เลือกตั้งครั้งต่อไปจะได้เป็นนายกฯ ที่สง่างาม มีอำนาจเต็มที่ กล้าตัดสินใจ เป็นตัวของตัวเองและไม่ต้องอึดอัดเหมือนปัจจุบัน

ถึงเวลาที่ท่านนายกฯ ต้องกล้าตัดสินใจให้เด็ดขาดในฐานะเป็นประมุขฝ่ายบริหาร ท่านต้องปรับเปลี่ยนเอาคนที่ไม่เหมาะสมกับงาน และความรับผิดชอบ คนที่ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ คนที่ทำงานผิดพลาดโดยตั้งใจหรือมีวาระแอบแฝงออกไป โดยไม่คำนึงว่าเป็นคนใกล้ชิด เป็นนักการเมืองจากพรรคร่วม เป็นนายทหารหรือนายตำรวจใหญ่ ท่านต้องกล้าดำเนินการตามกฎหมายกับคนที่กระทำความผิดอย่างจริงจังด้วยความยุติธรรมและเสมอภาค และยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่าซื้อเวลาด้วยการลากยาว เพราะพลังประชาชนที่เขาสนับสนุนจะพากันเบื่อหน่ายหนีหายไปหมด
กำลังโหลดความคิดเห็น