xs
xsm
sm
md
lg

เล็งเปลี่ยนยาเอดส์สูตรพื้นฐาน หันใช้สูตรสำรองลดเสี่ยงแพ้ยา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จีพีโอเวียร์
สธ.เล็งเปลี่ยนยาต้านไวรัสเอดส์สูตรพื้นฐาน จากจีพีโอเวียร์ เป็นเอฟฟาไวเรนซ์ ลดความเสี่ยงแพ้ยา ราคายาถูกลง พร้อมศึกษาความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ คาด ใช้เวลาศึกษา 3-4 เดือน ได้ข้อสรุป ขณะที่เอ็นจีโอเห็นต่าง ชี้ จีพีโอเวียร์ประสิทธิภาพเท่าเทียมกัน ช่วยให้พึ่งพิงตนเองเพราะ อภ.ผลิตเองได้ ขอคิดรอบคอบ

นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะดูแลงานด้านการสนับสนุนการบริการสุขภาพ กล่าวว่า ในการประชุมติดตามการดำเนินการตามนโยบายบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรโดยรัฐ (ซีแอล) เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมได้มีข้อเสนอให้มีการปรับสูตรยาต้านไวรัสเอดส์หรือเอชไอวี จากยาจีพีโอเวียร์ ซึ่งเป็นยาสูตรพื้นฐานสำหรับผู้ป่วยเอดส์ที่ไม่เคยได้รับยาต้านไวรัสชนิดใดมาก่อน เป็นยาเอฟฟาไวเรนซ์ ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสเอดส์สูตรสำรอง หรือสูตรที่ 2 หากผู้ป่วยมีอาการดื้อยาสูตรพื้นฐานก็จะต้องได้รับยาสูตรดังกล่าว ซึ่งยาเอฟฟาไวเรนซ์เป็นยาที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศทำซีแอล ทำให้ยาดังกล่าวมีราคาใกล้เคียงกับยาจีพีโอเวียร์และยามีผลให้เกิดอาการแพ้ยาน้อยกว่าทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องแบกรับความเสี่ยง

“ที่ประชุมได้มอบหมายให้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และกรมควบคุมโรค รวมกันศึกษาในเชิงเศรษฐศาสตร์ถึงความคุ้มค่าหากจะมีการปรับสูตรยาพื้นฐานใหม่จากยาจีพีโอเวียร์เป็นยาเอฟฟาไวเรนซ์ รวมทั้งศึกษาทบทวน ว่า โอกาสในการแพ้ยาสูตรพื้นฐานจะเริ่มต้นเมื่อไหร่ และควรจะเริ่มให้ยาสูตรที่ 2 กับผู้ป่วยที่มีอาการแพ้เป็นครั้งแรกหรือไม่” นพ.ศิริวัฒน์ กล่าว

นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้หลายประเทศเริ่มให้ยาต้านไวรัสกับผู้ป่วยเอดส์ โดยเริ่มที่ยาสูตรที่ 2 เลย เพราะลดความเสี่ยงในการแพ้ยาและดื้อยาลง ซึ่งหากมีข้อสรุปปรับสูตรยาก็จะต้องหารือประสานกับองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาจีพีโอเวียร์ โดยอาจจะต้องมีการลดกำลังการผลิตลง

นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า การปรับสูตรยาขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเป็นเพียงข้อเสนอเท่านั้น ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องให้ผู้ป่วยเอดส์ได้รับยาเอฟฟาไวเรนซ์เป็นยาสูตรแรก แม้จะทำให้เกิดอาการแพ้น้อยกว่ายาจีพีโอเวียร์ แต่หากผู้ป่วยได้รับยาในช่วงเริ่มแรกประสิทธิภาพในระยะเวลา 6 เดือนของยาทั้ง 2 ตัว จะไม่แตกต่างกัน และจีพีโอเวียร์มีปัญหาการดื้อยาเพียง 10% ไม่ได้เพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใด อีกทั้งยาจีพีโอเวียร์ยังเป็นยาที่มีราคาถูกกว่า และ อภ.สามารถผลิตได้เอง ขณะที่เอฟฟาไวเรนซ์ ยังต้องมีการนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งการที่ประเทศไทยสามารถผลิตยาจีพีโอเวียร์ได้ถือเป็นการพึ่งพาตนเอง มีผลในเชิงความมั่นคงทำให้ไม่ต้องห่วงว่าจะมียาไม่เพียงพอ

“ขณะนี้ควรพิจารณาอย่างรอบคอบในเชิงวิชาการ หากอนาคต อภ.สามารถที่จะพัฒนายาและผลิตเอฟฟาไวเรนซ์ได้ในระยะยาวก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ขณะนี้คนที่แพ้จีพีโอเวียร์ แล้วค่อยไปใช้เอฟฟาไวเรนซ์ จึงน่าจะมีความเหมาะสมมากกว่า นอกจากนี้ การปรับสูตรพื้นฐานไม่ใช่เรื่องง่าย จะต้องมีการวางแผนอย่างรัดกุมหากจะให้เอฟฟาไวเรนซ์เป็นยาสูตรแรก ก็จะต้องมีการสำรองปริมาณยาอย่างเพียงพอ ซึ่งปัจจุบันผู้ป่วยที่กินยาจีพีโอเวียร์มีประมาณ 9 หมื่นคน” นายนิมิตร์ กล่าว

ด้าน นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามหลักการแล้ว มีความเป็นไปได้ในการที่จะปรับการให้ยาเอฟฟาไวเรนซ์สำหรับผู้ป่วยเอดส์ได้เลย แต่ต้องมีการศึกษาอย่างละเอียดเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน โดยคาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 เดือน จึงจะได้ข้อสรุป เนื่องจากหากมีการปรับเปลี่ยนสูตรยาพื้นฐาน ก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมในการผลิตหรือนำเข้าเพื่อสต๊อกยาให้เพียงพอกับผู้ป่วยด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น