จากกรณี นายไชยยศ จิรเมธากร รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ออกมาแถลงข่าวเรื่องนายประสงค์ โฆษิตานนท์ รมช.มหาดไทย ได้ลาออกจากตำแหน่ง พร้อมนำใบลาออกมายืนยันกับผู้สื่อข่าว และทางพรรคเพื่อแผ่นดินจะตั้งให้ตนเองเป็นรมช.มหาดไทยแทน แต่นายประสงค์ ก็ออกมาแถลงข่าวยืนยันว่า ยังไม่ได้ลาออกนั้น
วานนี้ (29ต.ค.) นายประสงค์ โฆษิตานนท์ รมช.มหาดไทย (มท.3) ได้เปิดแถลงข่าวอีกครั้งโดยยืนยัน จะไม่ลาออกจากตำแหน่ง และบอกว่าที่นายไชยยศ ได้ไปเคลียร์กับผู้ใหญ่ในพรรคแล้วเมื่อคืนนี้ ถือเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน และเมื่อเช้านี้ผู้ใหญ่ในพรรคก็โทรศัพท์มาหาตน ยืนยันว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ให้สบายใจได้ และจะสรุปได้ภายใน 2-3 วันนี้
ส่วนเรื่องหนังสือลาออกนายไชยยศ จะจัดการเอง ถ้าจะให้ตนเป็นรัฐมนตรี 2-3 อาทิตย์ อย่าเป็นดีกว่า เพราะจะทำให้รัฐบาล พรรค และตนเองเสียหาย ประชาชนก็ตำหนิได้ คือผลกระทบสูงมาก ขณะที่รัฐบาลพยายามทำให้บ้านเมืองสงบ แต่ถ้าภายในรัฐบาลยังไม่สงบถือว่าใช้ไม่ได้ และขอยืนยันว่าไม่เคยคิดจะออกอยู่แล้ว ถ้าตนมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ก็จะยื่นใบลาออกด้วยตัวเอง
ส่วนวันที่ ในจดหมายลาออกไม่ได้อนุญาตให้ใครไปเขียนแทน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เขียนจดหมายเมื่อเดือนมิ.ย. แต่จดหมายลาออก จะมีผลเมื่อได้คุยกับผู้ใหญ่ในพรรคอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้ถือเป็นการหักหลังหรือไม่ นายประสงค์ กล่าวว่า อย่าไปคิดถึงขั้นนั้น เป็นการเข้าใจผิดมากกว่า ตนไม่เคยทำสัญญาอะไรกับนายไชยยศ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น คิดว่าถ้านายไชยยศ มีอายุมากกว่านี้คงจะคิดได้ และเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหาระหว่างกัน
"อย่าใช้อารมณ์วูบวาบ อย่าใช้อารมณ์ชั่ววูบมาตัดสิน ต้องรักษามิตรภาพเอาไว้ และผมไม่ถือโทษโกรธใครทั้งสิ้น เพราะถ้าโกรธคงไม่มีความสุข ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว เหตุการณ์ที่เกิด ผมไม่ท้อ และเพิ่มชีวิตให้มีสีสันขึ้น" นายประสงค์กล่าว
เมื่อถามว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นเพราะนายกรัฐมนตรี ยังไม่ต้องการปรับครม. หรือทางพรรคเพื่อแผ่นดินตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว นายประสงค์ กล่าวว่า ทั้งสองอย่าง ถ้าเราหลีกเลี่ยงได้ควรจะหลีกเลี่ยง นอกจากนี้ที่สำคัญผู้ใหญ่ในพรรคยังกลมเกลียวกันอยู่ สักวันสมาชิกในพรรคก็จะดีขึ้น
ส่วนถ้ามีการรับครม.ใหม่ คิดว่าจะถูกปรับออกหรือไม่ นายประสงค์ กล่าวว่าไม่เกาะติดตำแหน่ง และการทำงานก็ไม่เคยข่มแหงรังแกใคร นอกจากนี้ส่วนที่นายไชยยศ ออกมาแถลงต้องไปถามนายไชยยศเองว่า เพราะอะไร
เมื่อถามว่าการออกมาแถลงของนายไชยยศ มีใครหนุนหลังอยู่หรือไม่ นายประสงค์ กล่าวว่าไม่ทราบ นายไชยยศ ก็เป็นผู้ใหญ่พอสมควร ส่วนเรื่องการประชุมกรรมการบริหารพรรคในวันนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ภายในพรรค หากเข้าไปยุ่ง จะไม่เหมาะสม
"ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงินสนับสนุนพรรค เพราะช่วงนี้ไม่เวลามาพูดเรื่องเงิน ซึ่งในพรรคก็ไม่มีอะไร ไม่ใช่ เรื่องนี้ ไม่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่มาอยู่พรรคเพื่อแผ่นดินไม่ใช่ไม่มีที่มาที่ไป สนิทค่อนข้างลึกซึ้งกับแกนนำพรรคเป็นเวลา 10 ปี" นายประสงค์กล่าว
เมื่อถามว่า ภายในพรรคมีระเบียบการเซ็นต์หนังสือลาออกก่อนรับตำแหน่งหรือ และใครเป็นผู้ถือหนังสือนั้น นายไชยยศ กล่าวว่า ไม่ทราบขั้นตอน แต่ยืนยันว่าจะนำมาคืน และยังไม่มีการเอาเรื่องในไชยยศ เพราะต้องแก้ปัญหานี้ให้จบก่อน เพราะเดี๋ยวเรื่องจะไปกันใหญ่ แต่ในพรรคจะเตรียมใครมารับตำแหน่งก็ได้ แต่ต้องมีความรู้ความสามารถ ก็พอใจแล้ว
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.อุตสาหกรรม ที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทั้งนายประสงค์ และนายไชยยศ ต่างก็เป็นผู้ใหญ่ของพรรค และทั้ง 2 ท่านก็มีบทบาทที่ทำให้พรรคเพื่อแผ่นดินเป็นพรรคขึ้นมาได้
"เมื่อได้รับโควต้าตำแหน่งรัฐมนตรีมา พรรคก็จะมาพิจารณาว่าใครจะดำรงตำแหน่งอะไร ซึ่งทั้ง 2 ท่าน ก็ได้รับการพิจารณาจากพรรคว่ามีความเหมาะสมทั้งคู่ แต่การตัดสินใจโดยหัวหน้าพรรค ในฐานะผู้มีอำนาจตัดสินใจครั้งสุดท้าย ได้ส่งชื่อนายประสงค์ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีก่อน ส่วนนายไชยยศ ก็มีสิทธิ์เช่นกัน แต่หมายถึงกรณีที่นายประสงค์ ต้องพ้นออกจากตำแหน่งไปแล้ว แต่นี่นายประสงค์ก็ยังอยู่ในตำแหน่ง และ ยืนยันว่าไม่ได้ลาออก ซึ่งนายไชยยศ ก็ต้องรอคอยไปก่อน นี่คือข้อเท็จจริง สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมไม่ทราบเพราะประชุมสภาอยู่" นายประชากล่าว
เมื่อถามว่าจริงหรือไม่ที่ นายประสงค์ เซ็นหนังสือลาออกไว้ล่วงหน้า พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ไม่ทราบว่าหนังสือลาออกดังกล่าวทั้ง 2 คนไปทำกันเมื่อไร ตอนไหน แต่ยืนยันว่าในพรรคเพื่อแผ่นดินไม่มีการให้รัฐมนตรีทำหนังสือลาออกไว้ก่อน แม้กระทั่งตนก็ไม่มีเงื่อนไขดังกล่าว อย่างไรก็ตามพรรคยังไม่มีมติที่จะให้นายประสงค์ ออกจากตำแหน่ง เพราะยังไม่มีการประชุมพรรค และขณะนี้หัวหน้าพรรคก็ไปต่างประเทศยังไม่กลับมา ทำให้ยังไม่ได้คุยกัน
"เรื่องการอยากได้เก้าอี้รัฐมนตรีก็เป็นเรื่องธรรมชาติ เมื่อเข้ามาเป็นส.ส.ก็อยากเป็นรัฐมนตรีเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อตำแหน่งไม่ว่าง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร" พ.ต.อ.ประชากล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงที่โรงแรมรามาการ์เด้น เพื่อเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ การบูรณาการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ( กทบ.) 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (โอทอป) และเอสเอ็มแอล พล.ต.อ.ประชา ได้เข้าไปพูดคุยและแจ้งให้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เลขานุการส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี รับทราบถึงเรื่องนี้ โดยบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นของพรรคเพื่อแผ่นดิน จะขอแก้ไขกันเองภายในพรรค ซึ่งจะไม่มีปัญหากระทบมาถึงรัฐบาลแน่นอน
นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และประธานส.ส.พรรค กล่าวถึงการแย่งชิงตำแหน่ง มท.3 ว่า นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ต้องลงมาแก้ไขเรื่องนี้ ตนเพิ่งทราบจากข่าวจึงไม่รู้ว่าใครไปทำอะไรกันมาบ้าง แต่การประชุมพรรคเมื่อวันอังคารที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา ก็ไม่เคยมีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ จึงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงมีการเซ็นใบลาออก เชื่อว่าคงจะมีการเรียกประชุมกัน ซึ่งหนังสือลาออกต้องดูว่า นายประสงค์ เซ็นเมื่อไร และเซ็นตอนไหน การประชุมพรรคในวันอังคารที่ผ่านมา หัวหน้าพรรคก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุม
เมื่อถามว่าแสดงว่าพรรคไม่ได้รับทราบเรื่องการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี ใช่หรือไม่ นายสุรเดช ตอบว่า ตนเป็นรองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ก็ยังไม่รู้เรื่องเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องที่นายไชยยศ นำมากล่าวอ้างถือเป็นการกระทำส่วนตัวไม่ใช่มติพรรคใช่หรือไม่ นายสุรเดช ตอบว่า เรื่องนี้ต้องไปถามหัวหน้าพรรค เพราะเท่าที่ทราบมีลายเซ็นของหัวหน้าพรรค ดังนั้นหัวหน้าพรรคต้องรับผิดชอบว่าเกิดอะไรขึ้น ประเด็นนี้จึงมีเพียงนายสุวิทย์ นายไชยยศ นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง ผอ.พรรค และนายประสงค์ จะรู้ดีที่สุด คิดว่านายไชยยศ จะทำอะไรคงจะคิดรอบคอบ และมีเหตุผล เพราะนายไชยยศ เป็นถึงรองประธานวิปรัฐบาล ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากตัวบุคคล ไม่แน่ใจว่าเป็นการเข้าใจผิด หรือคลาดเคลื่อนอะไรกันหรือไม่
เมื่อถามว่าเหตุใดพรรคจึงต้องให้รัฐมนตรีเขียนใบลาออกไว้ล่วงหน้า นายสุรเดช ตอบว่า นายสุวิทย์ ขอมติจากพรรคว่าจะขอจัดการครม. ของพรรคเอง จึงไม่ทราบว่านายสุวิทย์ ได้ไปทำเรื่องนี้หรือไม่ ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคเสียหาย ตนและเพื่อนส.ส.ของพรรคต่างไม่สบายใจกับเรื่องนี้ จึงต้องไปถามคน 3 คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จึงจะทราบข้อเท็จจริง
วานนี้ (29ต.ค.) นายประสงค์ โฆษิตานนท์ รมช.มหาดไทย (มท.3) ได้เปิดแถลงข่าวอีกครั้งโดยยืนยัน จะไม่ลาออกจากตำแหน่ง และบอกว่าที่นายไชยยศ ได้ไปเคลียร์กับผู้ใหญ่ในพรรคแล้วเมื่อคืนนี้ ถือเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน และเมื่อเช้านี้ผู้ใหญ่ในพรรคก็โทรศัพท์มาหาตน ยืนยันว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ให้สบายใจได้ และจะสรุปได้ภายใน 2-3 วันนี้
ส่วนเรื่องหนังสือลาออกนายไชยยศ จะจัดการเอง ถ้าจะให้ตนเป็นรัฐมนตรี 2-3 อาทิตย์ อย่าเป็นดีกว่า เพราะจะทำให้รัฐบาล พรรค และตนเองเสียหาย ประชาชนก็ตำหนิได้ คือผลกระทบสูงมาก ขณะที่รัฐบาลพยายามทำให้บ้านเมืองสงบ แต่ถ้าภายในรัฐบาลยังไม่สงบถือว่าใช้ไม่ได้ และขอยืนยันว่าไม่เคยคิดจะออกอยู่แล้ว ถ้าตนมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ก็จะยื่นใบลาออกด้วยตัวเอง
ส่วนวันที่ ในจดหมายลาออกไม่ได้อนุญาตให้ใครไปเขียนแทน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เขียนจดหมายเมื่อเดือนมิ.ย. แต่จดหมายลาออก จะมีผลเมื่อได้คุยกับผู้ใหญ่ในพรรคอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้ถือเป็นการหักหลังหรือไม่ นายประสงค์ กล่าวว่า อย่าไปคิดถึงขั้นนั้น เป็นการเข้าใจผิดมากกว่า ตนไม่เคยทำสัญญาอะไรกับนายไชยยศ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น คิดว่าถ้านายไชยยศ มีอายุมากกว่านี้คงจะคิดได้ และเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหาระหว่างกัน
"อย่าใช้อารมณ์วูบวาบ อย่าใช้อารมณ์ชั่ววูบมาตัดสิน ต้องรักษามิตรภาพเอาไว้ และผมไม่ถือโทษโกรธใครทั้งสิ้น เพราะถ้าโกรธคงไม่มีความสุข ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว เหตุการณ์ที่เกิด ผมไม่ท้อ และเพิ่มชีวิตให้มีสีสันขึ้น" นายประสงค์กล่าว
เมื่อถามว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นเพราะนายกรัฐมนตรี ยังไม่ต้องการปรับครม. หรือทางพรรคเพื่อแผ่นดินตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว นายประสงค์ กล่าวว่า ทั้งสองอย่าง ถ้าเราหลีกเลี่ยงได้ควรจะหลีกเลี่ยง นอกจากนี้ที่สำคัญผู้ใหญ่ในพรรคยังกลมเกลียวกันอยู่ สักวันสมาชิกในพรรคก็จะดีขึ้น
ส่วนถ้ามีการรับครม.ใหม่ คิดว่าจะถูกปรับออกหรือไม่ นายประสงค์ กล่าวว่าไม่เกาะติดตำแหน่ง และการทำงานก็ไม่เคยข่มแหงรังแกใคร นอกจากนี้ส่วนที่นายไชยยศ ออกมาแถลงต้องไปถามนายไชยยศเองว่า เพราะอะไร
เมื่อถามว่าการออกมาแถลงของนายไชยยศ มีใครหนุนหลังอยู่หรือไม่ นายประสงค์ กล่าวว่าไม่ทราบ นายไชยยศ ก็เป็นผู้ใหญ่พอสมควร ส่วนเรื่องการประชุมกรรมการบริหารพรรคในวันนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ภายในพรรค หากเข้าไปยุ่ง จะไม่เหมาะสม
"ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงินสนับสนุนพรรค เพราะช่วงนี้ไม่เวลามาพูดเรื่องเงิน ซึ่งในพรรคก็ไม่มีอะไร ไม่ใช่ เรื่องนี้ ไม่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่มาอยู่พรรคเพื่อแผ่นดินไม่ใช่ไม่มีที่มาที่ไป สนิทค่อนข้างลึกซึ้งกับแกนนำพรรคเป็นเวลา 10 ปี" นายประสงค์กล่าว
เมื่อถามว่า ภายในพรรคมีระเบียบการเซ็นต์หนังสือลาออกก่อนรับตำแหน่งหรือ และใครเป็นผู้ถือหนังสือนั้น นายไชยยศ กล่าวว่า ไม่ทราบขั้นตอน แต่ยืนยันว่าจะนำมาคืน และยังไม่มีการเอาเรื่องในไชยยศ เพราะต้องแก้ปัญหานี้ให้จบก่อน เพราะเดี๋ยวเรื่องจะไปกันใหญ่ แต่ในพรรคจะเตรียมใครมารับตำแหน่งก็ได้ แต่ต้องมีความรู้ความสามารถ ก็พอใจแล้ว
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.อุตสาหกรรม ที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทั้งนายประสงค์ และนายไชยยศ ต่างก็เป็นผู้ใหญ่ของพรรค และทั้ง 2 ท่านก็มีบทบาทที่ทำให้พรรคเพื่อแผ่นดินเป็นพรรคขึ้นมาได้
"เมื่อได้รับโควต้าตำแหน่งรัฐมนตรีมา พรรคก็จะมาพิจารณาว่าใครจะดำรงตำแหน่งอะไร ซึ่งทั้ง 2 ท่าน ก็ได้รับการพิจารณาจากพรรคว่ามีความเหมาะสมทั้งคู่ แต่การตัดสินใจโดยหัวหน้าพรรค ในฐานะผู้มีอำนาจตัดสินใจครั้งสุดท้าย ได้ส่งชื่อนายประสงค์ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีก่อน ส่วนนายไชยยศ ก็มีสิทธิ์เช่นกัน แต่หมายถึงกรณีที่นายประสงค์ ต้องพ้นออกจากตำแหน่งไปแล้ว แต่นี่นายประสงค์ก็ยังอยู่ในตำแหน่ง และ ยืนยันว่าไม่ได้ลาออก ซึ่งนายไชยยศ ก็ต้องรอคอยไปก่อน นี่คือข้อเท็จจริง สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมไม่ทราบเพราะประชุมสภาอยู่" นายประชากล่าว
เมื่อถามว่าจริงหรือไม่ที่ นายประสงค์ เซ็นหนังสือลาออกไว้ล่วงหน้า พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ไม่ทราบว่าหนังสือลาออกดังกล่าวทั้ง 2 คนไปทำกันเมื่อไร ตอนไหน แต่ยืนยันว่าในพรรคเพื่อแผ่นดินไม่มีการให้รัฐมนตรีทำหนังสือลาออกไว้ก่อน แม้กระทั่งตนก็ไม่มีเงื่อนไขดังกล่าว อย่างไรก็ตามพรรคยังไม่มีมติที่จะให้นายประสงค์ ออกจากตำแหน่ง เพราะยังไม่มีการประชุมพรรค และขณะนี้หัวหน้าพรรคก็ไปต่างประเทศยังไม่กลับมา ทำให้ยังไม่ได้คุยกัน
"เรื่องการอยากได้เก้าอี้รัฐมนตรีก็เป็นเรื่องธรรมชาติ เมื่อเข้ามาเป็นส.ส.ก็อยากเป็นรัฐมนตรีเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อตำแหน่งไม่ว่าง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร" พ.ต.อ.ประชากล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงที่โรงแรมรามาการ์เด้น เพื่อเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ การบูรณาการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ( กทบ.) 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (โอทอป) และเอสเอ็มแอล พล.ต.อ.ประชา ได้เข้าไปพูดคุยและแจ้งให้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เลขานุการส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี รับทราบถึงเรื่องนี้ โดยบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นของพรรคเพื่อแผ่นดิน จะขอแก้ไขกันเองภายในพรรค ซึ่งจะไม่มีปัญหากระทบมาถึงรัฐบาลแน่นอน
นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และประธานส.ส.พรรค กล่าวถึงการแย่งชิงตำแหน่ง มท.3 ว่า นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ต้องลงมาแก้ไขเรื่องนี้ ตนเพิ่งทราบจากข่าวจึงไม่รู้ว่าใครไปทำอะไรกันมาบ้าง แต่การประชุมพรรคเมื่อวันอังคารที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา ก็ไม่เคยมีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ จึงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงมีการเซ็นใบลาออก เชื่อว่าคงจะมีการเรียกประชุมกัน ซึ่งหนังสือลาออกต้องดูว่า นายประสงค์ เซ็นเมื่อไร และเซ็นตอนไหน การประชุมพรรคในวันอังคารที่ผ่านมา หัวหน้าพรรคก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุม
เมื่อถามว่าแสดงว่าพรรคไม่ได้รับทราบเรื่องการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี ใช่หรือไม่ นายสุรเดช ตอบว่า ตนเป็นรองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ก็ยังไม่รู้เรื่องเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องที่นายไชยยศ นำมากล่าวอ้างถือเป็นการกระทำส่วนตัวไม่ใช่มติพรรคใช่หรือไม่ นายสุรเดช ตอบว่า เรื่องนี้ต้องไปถามหัวหน้าพรรค เพราะเท่าที่ทราบมีลายเซ็นของหัวหน้าพรรค ดังนั้นหัวหน้าพรรคต้องรับผิดชอบว่าเกิดอะไรขึ้น ประเด็นนี้จึงมีเพียงนายสุวิทย์ นายไชยยศ นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง ผอ.พรรค และนายประสงค์ จะรู้ดีที่สุด คิดว่านายไชยยศ จะทำอะไรคงจะคิดรอบคอบ และมีเหตุผล เพราะนายไชยยศ เป็นถึงรองประธานวิปรัฐบาล ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากตัวบุคคล ไม่แน่ใจว่าเป็นการเข้าใจผิด หรือคลาดเคลื่อนอะไรกันหรือไม่
เมื่อถามว่าเหตุใดพรรคจึงต้องให้รัฐมนตรีเขียนใบลาออกไว้ล่วงหน้า นายสุรเดช ตอบว่า นายสุวิทย์ ขอมติจากพรรคว่าจะขอจัดการครม. ของพรรคเอง จึงไม่ทราบว่านายสุวิทย์ ได้ไปทำเรื่องนี้หรือไม่ ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคเสียหาย ตนและเพื่อนส.ส.ของพรรคต่างไม่สบายใจกับเรื่องนี้ จึงต้องไปถามคน 3 คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จึงจะทราบข้อเท็จจริง