xs
xsm
sm
md
lg

จำหน่ายคดีขับไล่พันธมิตรฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลแพ่งสั่งจำหน่ายคดีฟ้องขับไล่ 6 แกนนำ พธม.พ้นทำเนียบ ทนาย พธม.เผย เหลือรอพิจารณาอีก 2 สำนวน ยึดดอนเมือง-สุวรรณภูมิ ศาลนัดพร้อม 28 ส.ค.นี้ ขณะที่ ศาลแขวงพระนครเหนือ พิพากษาจำคุก 6 เดือน แก๊งแดงเถื่อนชุมนุมปิดถนนสามเหลี่ยมดินแดงป่วนเมือง ศาลให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี สั่งรอลงอาญาคนละ 1 ปี

วานนี้ (19 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมคู่ความ คดีหมายเลขดำที่ 5213/2551 สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.)โดยนายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายพิภพ ธงไชย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-6 เรื่อง ละเมิด ขับไล่ จากทำเนียบรัฐบาล โดยโจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้งหกออกจากทำเนียบ และรื้อถอนเวทีปราศรัย รวมทั้งขนย้ายสิ่งกีดขวางอื่นๆ ทั้งหมดจากทำเนียบรัฐบาล และให้จำเลยทั้งหก กับพวกซึ่งร่วมชุมนุมเปิดเส้นทางจราจร ถ.พิษณุโลก-ราชดำเนิน ทุกช่องการจราจร เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสัญจร ให้โจทก์ คณะรัฐมนตรีสามารถเข้าออกเพื่อปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินในทำเนียบรัฐบาลได้ หลังจากเมื่อวันที่ 26 ส.ค.2551 กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯได้เคลื่อนย้ายการชุมนุมจาก ถ.ราชดำเนินนอก บางส่วน บริเวณแยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งเป็นทางสาธารณะ มายังบริเวณทำเนียบรัฐบาล และได้ทำการปิดทางเข้า-ออก ทุกด้าน

โดยทนายความโจทก์-จำเลยทั้งหก เดินทางมาศาล ขณะที่ทนายความ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยื่นคำร้องยืนยันไม่ประสงค์ขอถอนฟ้องคดี จึงขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาคดีนี้ต่อไป

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เนื่องจากคดีนี้โจทก์-จำเลย ต่างแถลงรับข้อเท็จจริงแล้วว่า พวกจำเลยได้พ้นออกจากทำเนียบรัฐบาล และเปิดเส้นทางจราจร ถ.พิษณุโลก-ราชดำเนินแล้ว ดังนั้น จึงไม่มีเหตุที่โจทก์จะขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยกับพวก ออกจากพื้นที่ตามคำขอท้ายฟ้องอีก เมื่อไม่มีเหตุที่ศาลจะพิพากษาให้ชนะคดีแล้ว จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีนี้ออกจากสารบบความ ทั้งนี้ ภายหลังศาลมีคำสั่งแล้ว ได้ออกเลขแดง 2080/2552 ในคดีดังกล่าว

ขณะที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯ กล่าวว่า สำหรับคดีที่แกนนำพันธมิตรฯ ถูกยื่นฟ้องคดีแพ่ง คงเหลือคดีในชั้นพิจารณาของศาลอีก 2 สำนวน คือ คดีที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.โดย นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานฯ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับพวก ซึ่งเป็นแกนนำและแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวม 13 คน เป็นจำเลย เรื่องละเมิด และขับไล่ออกสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีปิดล้อมสนามบินดอนเมือง ทอท.ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายพิภพ ธงไชย, นายสุริยะใส กตะศิลา, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายอมร อมรรัตนานนท์, นายนรัณยู หรือศรัณยู วงษ์กระจ่าง, นายสำราญ รอดเพชร, นายศิริชัย ไม้งาม, นางมาลีรัตน์ แก้วก่า และ นายเทิดภูมิ ใจดี แกนนำและแนวร่วมพันธมิตรฯ จำเลยที่ 1-13 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2551 เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย 245,790,794.42 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันฟ้อง และขับไล่โดยให้พวกจำเลยจัดทำบริเวณท่าอากาศยานให้สามารถใช้สอย และใช้ประโยชน์และอยู่ในความควบคุมดูและครอบครองของโจทก์ในสภาพเดิม หลังจากจำเลยโดยนายศิริชัย ไม้งาม เป็นแกนนำ พากลุ่มชุมนุมบุกเข้าท่าอากาศยานสนามบินดอนเมือง เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2551 ซึ่งศาลแพ่งรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ 6453/2551 โดยนัดพร้อมคู่ความในวันที่ 28 ส.ค.นี้ เวลา 13.30 น.

ส่วนคดีปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ นั้น ทอท. ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง กับพวกรวม 13 คน เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2551 เรื่องละเมิด เช่นเดียวกันเรียกค่าเสียหาย 245,790,794.42 บาท และค่าเสียหายรายวันอีก 122,844,913 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันฟ้อง และขับไล่ หลังจากที่พวกจำเลยพากลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 25 พ.ย.2551 ซึ่งศาลแพ่ง รับไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 6474/2551 ซึ่งจำเลยทั้ง 13 คน ได้ยื่นคำให้การคัดค้านฟ้องโจทก์แล้วเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา

แดงถ่อยป่วนเมืองโทษรอลงอาญา

วันเดียวกันเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณา 27 ศาลแขวงพระนครเหนือ ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่ ว.5333/2552 พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวงพระนครเหนือ นำตัว นายไพโรจน์ งามวิเศษ, นายทองสุข ดีสุย, นายโกสน ธีรธรรมพร และนายจัน ควรมูล ผู้ร่วมชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ (นปช.) ผู้ต้องหาที่ 1-4 ในความผิดฐานกระทำการฝ่าฝืนพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 9 ที่ห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย และความผิดมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวาย เมื่อเจ้าหน้าที่สั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และ 216

คดีนี้พนักงานอัยการฟ้องต่อศาลด้วยวาจา สรุปว่า เมื่อวันที่ 12 เม.ย.52 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ในเขต กทม. และปริมณฑล โดยใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 9 ห้ามมิให้มั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปร่วมชุมนุม และใช้กำลังประทุษร้าย ต่อมาเมื่อวันที่ 13 เม.ย. เวลา 04.00 น. จำเลยกับพวกเกินกว่า 10 คน ซึ่งยังหลับหนีอยู่ ได้ร่วมกันทำการชุมนุมและใช้กำลังประทุษร้าย โดยปิดถนนวิภาวดีรังสิต ขาเข้า และถนนดินแดง รวมทั้งบริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง แขวงดินแดง เขตพญาไท กทม. ซึ่งการชุมนุมมีวัตถุประสงค์เพื่อก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และเพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐบาล โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารได้เข้าห้ามปรามสั่งให้เลิกแล้ว แต่จำเลยกับพวกไม่ยอมเลิก จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลพิเคราะห์คำฟ้องประกอบคำแถลงรับสารภาพแล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสี่กระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ 6 เดือนและปรับคนละ 10,000 บาท แต่จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ให้จำคุกจำเลยคนละ 3 เดือน และปรับ 5,000 บาท ซึ่งจำเลยทั้งสี่ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โดยให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเหตุการณ์ก่อความไม่สงบของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนสำนวนคดีที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งคดีนี้เป็นหนึ่งในสำนวนคดีที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง ขณะที่คดีของนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ฉายา “แรมโบ้อีสาน” อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน แกนนำ นปช.ในความผิดเดียวกัน อยู่ระหว่างรอฟังคำสั่งคดีของอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง 3 (ดุสิต) ซึ่งนายสุภรณ์ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการ โดยอัยการนัดสั่งคดี 21 พ.ค.นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น