ทนายแดงถ่อย! ยื่นคำร้องขอศาลปล่อยตัว “วีระ-เหวง-ณัฐวุฒิ” อีกครั้ง อ้างผู้ต้องหาถูกคุมขังมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากนายกรัฐมนตรีประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ผ่านเห็นชอบ ครม. หากศาลรับคำร้องนัดไต่สวน พร้อมนำ 5 พยานเบิกความสู้ และดึง “ชายกระโปรง” ร่วมเป็นพยานด้วย
วันนี้ (20 เม.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.30 น. นายคำนวณ ชโลปถัมภ์ และนายคารม พลทะกลาง ทนายความ นปช. เดินทางมายื่นคำร้องขอให้ศาลปล่อยตัว นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. ผู้ต้องหาที่ 1-3 กรณีชุมนุมที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล และถูกจับกุมตามประกาศพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา
นายคำนวณกล่าวว่า ได้รับมอบอำนาจจากผู้ต้องหาทั้งสามคน เพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลปล่อยตัวตามมาตรา 90 ของ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะเห็นว่าผู้ต้องหาถูกคุมขังโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยอ้างว่าเนื่องจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ กทม. เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่ปรากฏว่านายอภิสิทธิ์ได้ประกาศโดยขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแต่ประการใด ซึ่งเป็นการฝ่าผืนมาตรา 11 ตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 แต่อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีสามารถขอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้เห็นชอบภายใน 3 วัน หลังจากที่ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินประกาศใช้ แต่มีข้อเท็จจริงว่าเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรี แต่ไม่ได้มีการขอความเห็นชอบในที่ประชุม จึงเห็นว่าประกาศ พ.ร.ก.ดังกล่าวน่าจะสิ้นสุดลงและไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย
ด้าน นายคารม กล่าวว่า ศาลได้รับคำร้องไว้ ขณะนี้อยู่ระหว่างคำสั่งของศาล โดยหากศาลมีคำสั่งให้นัดไต่สวนฉุกเฉิน ทางทนายความได้เตรียมพยานไว้เบิกความประมาณ 5 ปาก ประกอบด้วยผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย นอกจากนี้ยังมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีมาไต่สวนเป็นพยานด้วย เนื่องจากเห็นว่าสมัยที่นายสมชายดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเคยมีประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินเช่นเดียวกัน จึงต้องการให้เบิกความถึงขั้นตอนการประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา คำร้องฝากขังผู้ต้องหาทั้งสามระบุพฤติการณ์สรุปว่า สืบเนื่องจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ชุมชุมนุมเรียกร้องให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ, พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง รวมทั้งเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ลาออกจากตำแหน่ง อันมิใช่เป็นการกระทำภายใต้ความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต โดยวันที่ 9 เม.ย. 52 เวลา 12.30 น. กลุ่มวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ ได้ร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.นำรถแท็กซี่มาปิดสถานที่สำคัญ เช่น ถนนรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถนนสุขุมวิท แยกสุขุมวิท 71 โดยกลุ่ม นปช.บางส่วน ไปชุมนุมรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ปิดเส้นทางจราจร โดยชุมนุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปเพื่อก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง เมื่อมีการปิดเส้นทางจราจรดังกล่าวแล้ว ผู้ต้องหาทั้งสามมีส่วนร่วมในการชุมนุมสั่งการปิดเส้นทางจราจรดังกล่าว คือ
โดยนายวีระผู้ต้องหาที่ 1 มีพฤติการณ์กล่าวคือ โดยในวันที่ 9 เม.ย.52 เวลา 21.00 น. ในระหว่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ปราศรัยผ่านจอภาพระบบวิดีโอลิงก์ ผ่านภาพและเสียง ซึ่งติดตั้งอยู่ทำเนียบรัฐบาล นายวีระ อยู่บนเวทีปราศรัย บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล ได้พูดปลุกระดมให้ผู้ชุมนุมล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน โดยขอให้ไปสมทบกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิบริเวณเพื่อปิดเส้นทางให้มากขึ้น โดยมีผู้ต้องหาอื่นๆ ร่วมกันกับนายวีระ นำไปสู่เหตุการณ์ไม่สงบบริเวณถนนหลายแห่งในกรุงเทพมหานคร จนรัฐบาลได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุการณ์ กระทั่งวันที่ 14 เม.ย.เวลา 15.30 น. พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ได้ทำตามคำสั่ง บช.น.ที่ 115/52 ลงวันที่ 26 มี.ค.52 และคำสั่งที่ 169/52 ลงวันที่ 10 เม.ย.52 ได้ร่วมกันแจ้งข้อหาและจับกุมตัวนายวีระ ผู้ต้องหาที่ 1 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 986/52 ลงวันที่ 14 เม.ย.52 นายณัฐวุฒิ ผู้ต้องหาที่ 2 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 988/52 ลงวันที่14 เม.ย.52 และ นพ.เหวง ผู้ต้องหาที่ 3 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 991/52 ลงวันที่ 14 เม.ย.52 โดยกล่าวหาว่า กระทำให้ปรากฏด้วยวาจา หรือวิธีการอื่นใด อันมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นติชมโดยสุจริตเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามกฎหมายอาญามาตรา 116 ซึ่งระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 ขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการใดให้เกิดการวุ่นวายในบ้านเมือง โดยมีอาวุธ และกระทำเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามกฎหมายอาญามาตรา 215 ชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสามให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
3 โจรแดงนอนคุกต่อ! ศาลไม่รับคำร้องปล่อยตัวชั่วคราว
วันนี้ (20 เม.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.30 น. นายคำนวณ ชโลปถัมภ์ และนายคารม พลทะกลาง ทนายความ นปช. เดินทางมายื่นคำร้องขอให้ศาลปล่อยตัว นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. ผู้ต้องหาที่ 1-3 กรณีชุมนุมที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล และถูกจับกุมตามประกาศพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา
นายคำนวณกล่าวว่า ได้รับมอบอำนาจจากผู้ต้องหาทั้งสามคน เพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลปล่อยตัวตามมาตรา 90 ของ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะเห็นว่าผู้ต้องหาถูกคุมขังโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยอ้างว่าเนื่องจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ กทม. เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่ปรากฏว่านายอภิสิทธิ์ได้ประกาศโดยขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแต่ประการใด ซึ่งเป็นการฝ่าผืนมาตรา 11 ตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 แต่อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีสามารถขอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้เห็นชอบภายใน 3 วัน หลังจากที่ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินประกาศใช้ แต่มีข้อเท็จจริงว่าเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรี แต่ไม่ได้มีการขอความเห็นชอบในที่ประชุม จึงเห็นว่าประกาศ พ.ร.ก.ดังกล่าวน่าจะสิ้นสุดลงและไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย
ด้าน นายคารม กล่าวว่า ศาลได้รับคำร้องไว้ ขณะนี้อยู่ระหว่างคำสั่งของศาล โดยหากศาลมีคำสั่งให้นัดไต่สวนฉุกเฉิน ทางทนายความได้เตรียมพยานไว้เบิกความประมาณ 5 ปาก ประกอบด้วยผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย นอกจากนี้ยังมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีมาไต่สวนเป็นพยานด้วย เนื่องจากเห็นว่าสมัยที่นายสมชายดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเคยมีประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินเช่นเดียวกัน จึงต้องการให้เบิกความถึงขั้นตอนการประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา คำร้องฝากขังผู้ต้องหาทั้งสามระบุพฤติการณ์สรุปว่า สืบเนื่องจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ชุมชุมนุมเรียกร้องให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ, พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง รวมทั้งเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ลาออกจากตำแหน่ง อันมิใช่เป็นการกระทำภายใต้ความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต โดยวันที่ 9 เม.ย. 52 เวลา 12.30 น. กลุ่มวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ ได้ร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.นำรถแท็กซี่มาปิดสถานที่สำคัญ เช่น ถนนรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถนนสุขุมวิท แยกสุขุมวิท 71 โดยกลุ่ม นปช.บางส่วน ไปชุมนุมรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ปิดเส้นทางจราจร โดยชุมนุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปเพื่อก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง เมื่อมีการปิดเส้นทางจราจรดังกล่าวแล้ว ผู้ต้องหาทั้งสามมีส่วนร่วมในการชุมนุมสั่งการปิดเส้นทางจราจรดังกล่าว คือ
โดยนายวีระผู้ต้องหาที่ 1 มีพฤติการณ์กล่าวคือ โดยในวันที่ 9 เม.ย.52 เวลา 21.00 น. ในระหว่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ปราศรัยผ่านจอภาพระบบวิดีโอลิงก์ ผ่านภาพและเสียง ซึ่งติดตั้งอยู่ทำเนียบรัฐบาล นายวีระ อยู่บนเวทีปราศรัย บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล ได้พูดปลุกระดมให้ผู้ชุมนุมล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน โดยขอให้ไปสมทบกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิบริเวณเพื่อปิดเส้นทางให้มากขึ้น โดยมีผู้ต้องหาอื่นๆ ร่วมกันกับนายวีระ นำไปสู่เหตุการณ์ไม่สงบบริเวณถนนหลายแห่งในกรุงเทพมหานคร จนรัฐบาลได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุการณ์ กระทั่งวันที่ 14 เม.ย.เวลา 15.30 น. พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ได้ทำตามคำสั่ง บช.น.ที่ 115/52 ลงวันที่ 26 มี.ค.52 และคำสั่งที่ 169/52 ลงวันที่ 10 เม.ย.52 ได้ร่วมกันแจ้งข้อหาและจับกุมตัวนายวีระ ผู้ต้องหาที่ 1 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 986/52 ลงวันที่ 14 เม.ย.52 นายณัฐวุฒิ ผู้ต้องหาที่ 2 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 988/52 ลงวันที่14 เม.ย.52 และ นพ.เหวง ผู้ต้องหาที่ 3 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 991/52 ลงวันที่ 14 เม.ย.52 โดยกล่าวหาว่า กระทำให้ปรากฏด้วยวาจา หรือวิธีการอื่นใด อันมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นติชมโดยสุจริตเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามกฎหมายอาญามาตรา 116 ซึ่งระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 ขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการใดให้เกิดการวุ่นวายในบ้านเมือง โดยมีอาวุธ และกระทำเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามกฎหมายอาญามาตรา 215 ชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสามให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
3 โจรแดงนอนคุกต่อ! ศาลไม่รับคำร้องปล่อยตัวชั่วคราว