เอเจนซี / เอเอฟพี - กองทัพรัฐบาลศรีลังการะบุ สามารถกวาดล้างพวกกบฏแบ่งแยกดินแดนชาวทมิฬได้เด็ดขาด และควบคุมพื้นที่ทุกตารางนิ้วของประเทศไว้ได้ พร้อมยืนยันผู้นำกลุ่มกบฏเสียชีวิตแล้ว
พลโท สารัต ฟอนเซกา ผู้บัญชาการกองทัพศรีลังกาแถลงเมื่อวานนี้(18)ว่าทหารฝ่ายรัฐบาลสามารถกวาดล้างกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลมหรือ " แอลทีทีอี"ได้อย่างสิ้นซากแล้ว และสามารถรวมพื้นที่ทุกตารางนิ้วของประเทศให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้ง หลังจากที่ดินแดนทางเหนือถูกแบ่งแยกมานานถึง 25 ปี นับตั้งแต่ปี 1983เพราะสงครามกลางเมือง พร้อมระบุว่าทางกองทัพได้เสร็จสิ้นภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีมหินทา ราชปักษี ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ในการปลดปล่อยพื้นที่ราว 15,000 ตารางกิโลเมตรทางตอนเหนือของศรีลังกา จากการยึดครองของกลุ่มกบฏให้ได้
ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมของศรีลังกาแถลงผ่านทางสถานีโทรทัศน์รูปาวาหิณี หรือ "เอสแอลอาร์ซี" ของรัฐบาลว่า เวฬุพิไล ประภาการัน วัย 54 ปี ผู้นำกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬถูกยิงเสียชีวิตแล้วเมื่อช่วงเช้าของเมื่อวานนี้(18) ขณะพยายามหลบหนีจากวงล้อมของทหารฝ่ายรัฐบาล ณ บริเวณชายหาดซึ่งมีเนื้อที่ราว 300 ตารางเมตร ติดชายฝั่งมหาสมุทรอินเดียทางตะวันออกเฉียงเหนือของศรีลังกา
รายงานข่าวที่เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลระบุว่า เวฬุพิไลพยายามหลบหนีโดยซ่อนตัวอยู่ในรถพยาบาลคันหนึ่งและพยายามขับรถหลบหนีออกจากเขตการสู้รบ แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่จากหน่วยปฏิบัติการพิเศษของกองทัพศรีลังกาพบ และถูกสังหารอยู่ภายในรถซึ่งถูกยิงจนไฟลุกท่วม
ก่อนหน้าที่เวฬุพิไลจะถูกสังหารก็มีรายงานว่า กองทัพศรีลังกาสามารถสังหาร ชาร์ลส์ แอนโธนี ลูกชายของเขา และแกนนำระดับสูงของกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีกหลายคน ขณะที่นักรบของฝ่ายกบฏกลุ่มสุดท้าย ได้ถูกสังหารอยู่ภายในบังเกอร์แห่งหนึ่งซึ่งมีการวางทุ่นระเบิดไว้โดยรอบเป็นจำนวนมาก
ศูนย์สารนิเทศของกระทรวงกลาโหมศรีลังการะบุว่า ทางกองทัพพบศพของสมาชิกกลุ่มกบฏมากกว่า 250 คนที่ถูกสังหารจากปฏิบัติการกวาดล้างครั้งสุดท้ายของฝ่ายรัฐบาล ภายหลังจากที่พลเรือนประมาณ 72,000 คนซึ่งถูกกลุ่มกบฏใช้เป็นโล่มนุษย์ ได้รับความช่วยเหลือจากทหารรัฐบาลให้หนีออกมาจากพื้นที่สู้รบได้ทั้งหมดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในจำนวนผู้นำกบฏเหล่านี้ มีศพของ บี. นาเดซาน ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายการเมือง และศิวรัตนัม ปุลิเทวัญ โฆษกของกลุ่มกบฏรวมอยู่ด้วย
ขณะเดียวกันได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นในกรุงโคลัมโบ เมื่อมีชาวศรีลังกาจำนวนมากก่อเหตุประท้วงและระดมขว้างปาก้อนหินเข้าใส่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ (สถานเอกอัครราชทูต) ของอังกฤษ หลังจากไม่พอใจ การให้สัมภาษณ์ของเดวิด มิลิแบนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ ที่ออกมาวิจารณ์รัฐบาลศรีลังกาอย่างรุนแรงโดยระบุว่า รัฐบาลอังกฤษจะสนับสนุนให้มีการดำเนินคดีอาชญากรสงครามกับทหารของฝ่ายรัฐบาลที่ทำการกวาดล้างกลุ่มกบฏในครั้งนี้
ด้านประธานาธิบดีมหินทา ราชปักษี ซึ่งมีกำหนดจะแถลงประกาศชัยชนะอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันอังคาร(19) ออกมาระบุว่า เขาไม่สนใจความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอังกฤษและบรรดาชาติสมาชิกของสหภาพยุโรป ที่กำลังพยายามเรียกร้องให้มีการสอบสวนเหตุการณ์กวาดล้างกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬ ซึ่งเป็นปฏิบัติการที่ชาติตะวันตกระบุว่า มีพลเรือนถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงเป็นจำนวนมาก โดยผู้นำศรีลังกากล่าวโจมตีสหภาพยุโรปว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนต่อกลุ่มกบฏและกำลังแทรกแซงกิจการภายในของศรีลังกา
นอกจากนั้น ผลจากชัยชนะของรัฐบาลในการทำสงครามกวาดล้างกลุ่มกบฏยังทำให้ดัชนีตลาดหลัดทรัพย์โคลัมโบปรับตัวสูงขึ้นถึงร้อยละ 7 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่ค่าเงินรูปีของศรีลังกาก็ปรับตัวแข็งค่าขึ้นอีกร้อยละ 2 ซึ่งเป็นการปรับตัวสูงที่สุดในรอบ 1 เดือนเช่นกัน
พลโท สารัต ฟอนเซกา ผู้บัญชาการกองทัพศรีลังกาแถลงเมื่อวานนี้(18)ว่าทหารฝ่ายรัฐบาลสามารถกวาดล้างกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลมหรือ " แอลทีทีอี"ได้อย่างสิ้นซากแล้ว และสามารถรวมพื้นที่ทุกตารางนิ้วของประเทศให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้ง หลังจากที่ดินแดนทางเหนือถูกแบ่งแยกมานานถึง 25 ปี นับตั้งแต่ปี 1983เพราะสงครามกลางเมือง พร้อมระบุว่าทางกองทัพได้เสร็จสิ้นภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีมหินทา ราชปักษี ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ในการปลดปล่อยพื้นที่ราว 15,000 ตารางกิโลเมตรทางตอนเหนือของศรีลังกา จากการยึดครองของกลุ่มกบฏให้ได้
ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมของศรีลังกาแถลงผ่านทางสถานีโทรทัศน์รูปาวาหิณี หรือ "เอสแอลอาร์ซี" ของรัฐบาลว่า เวฬุพิไล ประภาการัน วัย 54 ปี ผู้นำกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬถูกยิงเสียชีวิตแล้วเมื่อช่วงเช้าของเมื่อวานนี้(18) ขณะพยายามหลบหนีจากวงล้อมของทหารฝ่ายรัฐบาล ณ บริเวณชายหาดซึ่งมีเนื้อที่ราว 300 ตารางเมตร ติดชายฝั่งมหาสมุทรอินเดียทางตะวันออกเฉียงเหนือของศรีลังกา
รายงานข่าวที่เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลระบุว่า เวฬุพิไลพยายามหลบหนีโดยซ่อนตัวอยู่ในรถพยาบาลคันหนึ่งและพยายามขับรถหลบหนีออกจากเขตการสู้รบ แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่จากหน่วยปฏิบัติการพิเศษของกองทัพศรีลังกาพบ และถูกสังหารอยู่ภายในรถซึ่งถูกยิงจนไฟลุกท่วม
ก่อนหน้าที่เวฬุพิไลจะถูกสังหารก็มีรายงานว่า กองทัพศรีลังกาสามารถสังหาร ชาร์ลส์ แอนโธนี ลูกชายของเขา และแกนนำระดับสูงของกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีกหลายคน ขณะที่นักรบของฝ่ายกบฏกลุ่มสุดท้าย ได้ถูกสังหารอยู่ภายในบังเกอร์แห่งหนึ่งซึ่งมีการวางทุ่นระเบิดไว้โดยรอบเป็นจำนวนมาก
ศูนย์สารนิเทศของกระทรวงกลาโหมศรีลังการะบุว่า ทางกองทัพพบศพของสมาชิกกลุ่มกบฏมากกว่า 250 คนที่ถูกสังหารจากปฏิบัติการกวาดล้างครั้งสุดท้ายของฝ่ายรัฐบาล ภายหลังจากที่พลเรือนประมาณ 72,000 คนซึ่งถูกกลุ่มกบฏใช้เป็นโล่มนุษย์ ได้รับความช่วยเหลือจากทหารรัฐบาลให้หนีออกมาจากพื้นที่สู้รบได้ทั้งหมดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในจำนวนผู้นำกบฏเหล่านี้ มีศพของ บี. นาเดซาน ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายการเมือง และศิวรัตนัม ปุลิเทวัญ โฆษกของกลุ่มกบฏรวมอยู่ด้วย
ขณะเดียวกันได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นในกรุงโคลัมโบ เมื่อมีชาวศรีลังกาจำนวนมากก่อเหตุประท้วงและระดมขว้างปาก้อนหินเข้าใส่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ (สถานเอกอัครราชทูต) ของอังกฤษ หลังจากไม่พอใจ การให้สัมภาษณ์ของเดวิด มิลิแบนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ ที่ออกมาวิจารณ์รัฐบาลศรีลังกาอย่างรุนแรงโดยระบุว่า รัฐบาลอังกฤษจะสนับสนุนให้มีการดำเนินคดีอาชญากรสงครามกับทหารของฝ่ายรัฐบาลที่ทำการกวาดล้างกลุ่มกบฏในครั้งนี้
ด้านประธานาธิบดีมหินทา ราชปักษี ซึ่งมีกำหนดจะแถลงประกาศชัยชนะอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันอังคาร(19) ออกมาระบุว่า เขาไม่สนใจความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอังกฤษและบรรดาชาติสมาชิกของสหภาพยุโรป ที่กำลังพยายามเรียกร้องให้มีการสอบสวนเหตุการณ์กวาดล้างกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬ ซึ่งเป็นปฏิบัติการที่ชาติตะวันตกระบุว่า มีพลเรือนถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงเป็นจำนวนมาก โดยผู้นำศรีลังกากล่าวโจมตีสหภาพยุโรปว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนต่อกลุ่มกบฏและกำลังแทรกแซงกิจการภายในของศรีลังกา
นอกจากนั้น ผลจากชัยชนะของรัฐบาลในการทำสงครามกวาดล้างกลุ่มกบฏยังทำให้ดัชนีตลาดหลัดทรัพย์โคลัมโบปรับตัวสูงขึ้นถึงร้อยละ 7 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่ค่าเงินรูปีของศรีลังกาก็ปรับตัวแข็งค่าขึ้นอีกร้อยละ 2 ซึ่งเป็นการปรับตัวสูงที่สุดในรอบ 1 เดือนเช่นกัน