xs
xsm
sm
md
lg

จีนยังคงซื้อพันธบัตรรบ.USเพิ่ม แม้แสดงท่าทีวิตกมูลค่าจะหดวูบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี - จากข้อมูลในช่วงหลังๆ มานี้ชี้ชัดว่า จีนกำลังซื้อหาพันธบัตรคลังสหรัฐฯเพิ่มขึ้นอีก ถึงแม้ได้ออกมาแสดงความกังวลอย่างไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก เกี่ยวกับความปลอดภัยในการลงทุนถือครองสินทรัพย์สกุลดอลลาร์

ข้อมูลของกระทรวงคลังสหรัฐฯ ระบุว่าการถือครองพันธบัตรคลังสหรัฐฯ (ทีบอนด์) ของจีนเพิ่มขึ้นเป็น 767,900 ล้านดอลลาร์ในเดือนมีนาคม จาก 744,200 ล้านดอลลาร์ในเดือนก่อนหน้า โดยตัวเลขดังกล่าวไม่รวมมูลค่าการถือครองของฮ่องกง ซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษของแผ่นดินใหญ่ ที่เพิ่มเป็น 78,900 ล้านดอลลาร์ จาก 76,300 ล้านดอลลาร์

สถิตินี้แสดงให้เห็นว่าจีนยังคงเป็นผู้ซื้อทีบอนด์รายใหญ่ แม้จะได้แสดงท่าทีมาหลายปีแล้วว่าพยายามกระจายทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ตนมีอยู่อย่างมหาศาล ไปลงทุนด้านอื่นๆ นอกเหนือจากสินทรัพย์สกุลดอลลาร์

นอกจากนั้น เดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเวินเจียเป่าได้แสดงความกังวลอย่างเป็นทางการแบบที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก เกี่ยวกับความปลอดภัยของการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ จำนวนมาก แต่จากข้อมูลของกระทรวงคลังแดนอินทรีกลับพบว่า ในเดือนเดียวกันนั้น ปักกิ่งซื้อทีบอนด์ถึง 23,700 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นมูลค่าสูงสุดนับจากเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

ความกังวลของเวินมีขึ้นท่ามกลางความไม่พอใจของปักกิ่งว่า จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มูลค่าเกือบ 800,000 ล้านดอลลาร์ อาจฉุดมูลค่าสินทรัพย์สกุลดอลลาร์ให้ดิ่งลง

นอกจากนี้ พญามังกรยังห่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เตรียมซื้อทีบอนด์ระยะยาวมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์เพื่อแก้ปัญหาการไหลเวียนของสินเชื่อ เนื่องจากอาจทำให้ผลตอบแทนจากการซื้อทีบอนด์ในอนาคตลดลง

ความที่เป็นผู้ถือครองทีบอนด์รายใหญ่ ทำให้จีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่สุดของสหรัฐฯ โดยอัตโนมัติ และยังเป็นผู้ที่ครอบครองทุนสำรองสกุลดอลลาร์สูงสุดในโลก เกือบสองล้านล้านดอลลาร์ มากกว่าญี่ปุ่นราวสองเท่า และสี่เท่าของรัสเซียและซาอุดีอาระเบีย

ชีรัก มิรานี นักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์ แคปิตอล ตั้งข้อสังเกตว่าในไตรมาสแรกปีนี้ จีนถือครองพันธบัตรคลังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 40,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นเพียง 7,000 ล้านดอลลาร์เท่านั้น

นักวิเคราะห์บางคนสังเกตเห็นความสัมพันธ์ที่ผ่อนคลายขึ้นระหว่างการที่จีนไว้ใจว่าพันธบัตรสหรัฐฯ เป็นการลงทุนที่ปลอดภัย กับการที่วอชิงตันพึ่งพิงเงินทุนของจีนในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจจากฝันร้าย

กระนั้น นักวิเคราะห์อีกหลายรายก็มองว่า ความสัมพันธ์นี้อาจชะลอความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาความไม่สมดุลของโลก ที่เกิดจากการที่สหรัฐฯ ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมากขึ้น ขณะที่จีนเกินดุลมากขึ้น และปัญหานี้เป็นสาเหตุหนึ่งของวิกฤตการเงินโลกในปัจจุบัน

"ก่อนหน้านี้ไม่เคยปรากฏเหตุการณ์ที่ประเทศยากจนอย่างจีน กลับอัดฉีดเงินทุนให้ประเทศร่ำรวยอย่างสหรัฐฯ และไม่เคยปรากฏมาก่อนว่าประเทศที่ยึดถืออิสระของตัวเองอย่างมากอย่างสหรัฐฯ ต้องพึ่งพิงการระดมทุนอย่างมากจากประเทศเพียงประเทศเดียว" สภาว่าด้วยความสัมพันธ์ต่างประเทศ (Council on Foreign Relations) ซึ่งเป็นกลุ่มศึกษาวิจัยด้านนโยบายการต่างประเทศชื่อดังของสหรัฐฯ ระบุ

แบรด เซ็ตเซอร์ และอาร์ปานา ปันเดย์ ผู้เชี่ยวชาญของกลุ่มนี้เสริมว่า หากสหรัฐฯยังไม่ปรับฐานที่จำเป็น เพื่อจะได้ชำระสินค้านำเข้าด้วยเงินซึ่งได้จากสินค้าส่งออก ไม่ใช่ด้วยการออกตราสารหนี้กู้ยืมต่างประเทศ แต่ยังคงพึ่งพิงเงินทุนจากจีนอยู่ต่อไปเช่นนี้แล้ว การแก้ไขปัญหาความไม่สมดุลของโลกย่อมยิ่งทำได้ยากขึ้น

ขณะเดียวกัน ตราบใดที่รัฐบาลจีนยังคงผูกโยงอย่างแน่นหนากับดอลลาร์ และถือครองสินทรัพย์สกุลดอลลาร์จำนวนมาก การที่จะสร้างเศรษฐกิจโลกที่มีความสมดุลทางการเงิน ก็ย่อมเป็นเรื่องลำบาก ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองให้ความเห็น
กำลังโหลดความคิดเห็น