ASTVผู้จัดการรายวัน - เอกชนท่องเที่ยวพอใจรัฐยื่นมือช่วยเหลือชะลอการเลิกจ้างงาน ผ่านโครงการต้นกล้าอาชีพ สทท.เข็น 30 หลักสูตร ใช้ช่วงวิกฤตเร่งพัฒนาฝีมือแรงงาน ขณะที่กลุ่มเฟสต้าจี้รัฐเร่งโครงการเงินกู้ช่วยเหลือกลุ่มเอสเอ็มอี ขณะที่สมาคมโรงแรมไทยระบุ 4 เดือนแรกอัตราเข้าพักติดลบ 26% เฉพาะเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาติดลบ 30% สูงสุดในรอบ 40 ปี แต่ยังไม่มีใครถอดใจขายกิจการ
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)เปิดเผยว่า โครงการต้นกล้าอาชีพ ของรัฐบาล จะสามารถช่วยเหลือแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ถูกเลิกจ้างได้ โดยจากผลกระทบของวิกฤตทางการเมืองไทยและปัญหาเศรษฐกิจโลก จะส่งผลให้แรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทางตรงถูกเลิกจ้างไม่น้อยกว่า 20% หรือราว 2 แสนคน จากทั้งหมด 2.5 ล้านคน
โดย สทท.ขอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือเพื่อชะลอการเลิกจ้างอย่างน้อย 1 แสนคน โดยใช้งบราว 1 พันล้านบาท ซึ่งล่าสุด รัฐบาลอนุมัติงบผ่านโครงการต้นกล้าอาชีพในวงเงินก้อนแรก 200 ล้านบาท และคาดว่าจะมีการอนุมัติอีกครั้งในวงเงิน 300 ล้านบาท รวมเป็น 500 ล้านบาท ในปีนี้ ขณะที่ปีหน้าน่าจะได้อีก 500 ล้านบาท รวมเป็น 1 พันล้านบาท ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือการถูกลเกจ้างงานได้ตามเป้าหมายที่สทท.ตั้งไว้ ซึ่งถือว่ารัฐบาลให้การช่วยเหลือและแก้ปัญหาได้ตรงจุด ซึ่งภาคเอกชนจะนำเงินดังกล่าวไปจัดทำหลักสูตรให้สอดคล้องในแต่ละสายงานธุรกิจ
สทท.เข็น30หลักสูตรพัฒนาแรงงาน
ล่าสุดสทท. เตรียมหลักสูตรที่จะใช้อบรมไว้ทั้งสิ้น 30 หลักสูตร ครอบคลุมทุกแขนงอาชีพด้านท่องเที่ยว โดยจะเริ่มเปิดอบรมตั้งแต่มิ.ย.52 ผู้ประกอบการที่สนใจสอบถามได้ที่ สทท. นอกจากนั้นยังอยู่ระหว่างการสอบถามความต้องการของผู้ประกอบการกลุ่มเอสเอ็มอี เพื่อยื่นเสนอให้สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)พิจารณางบประมาณช่วยเหลือ
นางสาวมัยรัตน์ พีระญาณโกเศส ตัวแทนสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย หรือ เฟสต้า ซึ่งประกอบด้วย 8 สมาคมด้านการท่องเที่ยว กล่าวว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องการมากที่สุดขณะนี้คือความช่วยเหลือด้านเงินกู้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อจะได้นำเงินมาเสริมสภาพคล่องและประคองธุรกิจให้อยู่รอดโดยไม่ต้องปลดพนักงาน เพราะปีนี้ประเทศไทยจะมีแต่ช่วงโลว์ซีซั่นยาวนานตลอดทั้งปีเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงจากเหตุความวุ่นวายทางการเมืองและผลจากวิกฤตเศรษฐกิจ ส่วนในภาคแรงงานรัฐบาลต้องใช้งบ 150-180 ล้านบาท มาช่วยเหลือแรงงานที่คาดว่าจะตกงานในช่วงนี้ถึง 1.5 หมื่นคน วงเงินดังกล่าวจะนำมาใช้อบรมแรงงานคาดว่าจะเริ่มเดือน ก.ย.52
อัตราเข้าพักรร.วูบสุดรอบ40ปี
ขณะที่นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ทีเอชเอจะยื่นของบ 17 ล้านบาท เพื่ออบรมแรงงาน 7 พันคนโดยมีค่าใช้จ่ายในการอบรมแรงงานของโรงแรมประมาณ 4,800 บาทต่อราย
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ธุรกิจโรงแรมขณะนี้ถือว่าตกต่ำที่สุดในรอบ 40 ปี โดยอัตราเข้าพักเฉพาะเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 30% ส่วนภาพรวม 4 เดือนแรกปีนี้ลดลงจากปีก่อน 26% ส่วนยอดจองล่วงหน้าช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.ปีนี้เฉลี่ยแต่ละโรงแรมอยู่ที่ 20-30% ทำให้ช่วงไตรมาส 4 ปีนี้อัตราเข้าพักน่าจะอยู่ที่ไม่เกิน 70% จากทุกปีจะได้ประมาณ 85-90% ซึ่งจากสถานการณ์ทั้งหมดอาจทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องลดการจ้างงานในธุรกิจโรงแรมลงไม่น้อยกว่า 2-2.5 หมื่นคน อย่างไรก็ตามยังยื่นยันว่า แม้สถานการณ์ท่องเที่ยวของไทยยังไม่ค่อยดีขึ้นแต่ก็ยังไม่มีผู้ประกอบการโรงแรมใดต้องการขายกิจการเพราะเชื่อว่าธุรกิจท่องเที่ยวของไทยจะกลับฟื้นเป็นปกติโดยเร็ว
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)เปิดเผยว่า โครงการต้นกล้าอาชีพ ของรัฐบาล จะสามารถช่วยเหลือแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ถูกเลิกจ้างได้ โดยจากผลกระทบของวิกฤตทางการเมืองไทยและปัญหาเศรษฐกิจโลก จะส่งผลให้แรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทางตรงถูกเลิกจ้างไม่น้อยกว่า 20% หรือราว 2 แสนคน จากทั้งหมด 2.5 ล้านคน
โดย สทท.ขอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือเพื่อชะลอการเลิกจ้างอย่างน้อย 1 แสนคน โดยใช้งบราว 1 พันล้านบาท ซึ่งล่าสุด รัฐบาลอนุมัติงบผ่านโครงการต้นกล้าอาชีพในวงเงินก้อนแรก 200 ล้านบาท และคาดว่าจะมีการอนุมัติอีกครั้งในวงเงิน 300 ล้านบาท รวมเป็น 500 ล้านบาท ในปีนี้ ขณะที่ปีหน้าน่าจะได้อีก 500 ล้านบาท รวมเป็น 1 พันล้านบาท ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือการถูกลเกจ้างงานได้ตามเป้าหมายที่สทท.ตั้งไว้ ซึ่งถือว่ารัฐบาลให้การช่วยเหลือและแก้ปัญหาได้ตรงจุด ซึ่งภาคเอกชนจะนำเงินดังกล่าวไปจัดทำหลักสูตรให้สอดคล้องในแต่ละสายงานธุรกิจ
สทท.เข็น30หลักสูตรพัฒนาแรงงาน
ล่าสุดสทท. เตรียมหลักสูตรที่จะใช้อบรมไว้ทั้งสิ้น 30 หลักสูตร ครอบคลุมทุกแขนงอาชีพด้านท่องเที่ยว โดยจะเริ่มเปิดอบรมตั้งแต่มิ.ย.52 ผู้ประกอบการที่สนใจสอบถามได้ที่ สทท. นอกจากนั้นยังอยู่ระหว่างการสอบถามความต้องการของผู้ประกอบการกลุ่มเอสเอ็มอี เพื่อยื่นเสนอให้สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)พิจารณางบประมาณช่วยเหลือ
นางสาวมัยรัตน์ พีระญาณโกเศส ตัวแทนสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย หรือ เฟสต้า ซึ่งประกอบด้วย 8 สมาคมด้านการท่องเที่ยว กล่าวว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องการมากที่สุดขณะนี้คือความช่วยเหลือด้านเงินกู้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อจะได้นำเงินมาเสริมสภาพคล่องและประคองธุรกิจให้อยู่รอดโดยไม่ต้องปลดพนักงาน เพราะปีนี้ประเทศไทยจะมีแต่ช่วงโลว์ซีซั่นยาวนานตลอดทั้งปีเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงจากเหตุความวุ่นวายทางการเมืองและผลจากวิกฤตเศรษฐกิจ ส่วนในภาคแรงงานรัฐบาลต้องใช้งบ 150-180 ล้านบาท มาช่วยเหลือแรงงานที่คาดว่าจะตกงานในช่วงนี้ถึง 1.5 หมื่นคน วงเงินดังกล่าวจะนำมาใช้อบรมแรงงานคาดว่าจะเริ่มเดือน ก.ย.52
อัตราเข้าพักรร.วูบสุดรอบ40ปี
ขณะที่นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ทีเอชเอจะยื่นของบ 17 ล้านบาท เพื่ออบรมแรงงาน 7 พันคนโดยมีค่าใช้จ่ายในการอบรมแรงงานของโรงแรมประมาณ 4,800 บาทต่อราย
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ธุรกิจโรงแรมขณะนี้ถือว่าตกต่ำที่สุดในรอบ 40 ปี โดยอัตราเข้าพักเฉพาะเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 30% ส่วนภาพรวม 4 เดือนแรกปีนี้ลดลงจากปีก่อน 26% ส่วนยอดจองล่วงหน้าช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.ปีนี้เฉลี่ยแต่ละโรงแรมอยู่ที่ 20-30% ทำให้ช่วงไตรมาส 4 ปีนี้อัตราเข้าพักน่าจะอยู่ที่ไม่เกิน 70% จากทุกปีจะได้ประมาณ 85-90% ซึ่งจากสถานการณ์ทั้งหมดอาจทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องลดการจ้างงานในธุรกิจโรงแรมลงไม่น้อยกว่า 2-2.5 หมื่นคน อย่างไรก็ตามยังยื่นยันว่า แม้สถานการณ์ท่องเที่ยวของไทยยังไม่ค่อยดีขึ้นแต่ก็ยังไม่มีผู้ประกอบการโรงแรมใดต้องการขายกิจการเพราะเชื่อว่าธุรกิจท่องเที่ยวของไทยจะกลับฟื้นเป็นปกติโดยเร็ว