รอยเตอร์ – กองกำลังรักษาชายฝั่งของสหรัฐฯ กำหนดให้ เรือชักธงสหรัฐฯ ที่จะเดินทางในบริเวณน่านน้ำของจงอยแอฟริกา หรือก็คือแถบประเทศโซมาเลีย จะต้องมีเจ้าหน้าที่คุ้มกันอยู่ในเรือด้วย นอกจากนั้นพวกเจ้าของเรือจะต้องเสนอแผนการรักษาความปลอดภัยเพื่อต่อต้านพวกโจรสลัดให้กับกองกำลังรักษาชายฝั่งด้วย
พลเรือตรีเจมส์ วัตสัน ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายการป้องกันของกองกำลังรักษาชายฝั่งสหรัฐฯ กล่าวในวันอังคาร(12)กับตัวแทนจากภาคธุรกิจเดินเรือสินค้า ในการประชุมเรื่องความปลอดภัยในน่านน้ำ ที่มลรัฐฟลอริดาว่า ข้อกำหนดใหม่นี้จัดทำขึ้นเพื่อรับมือกับการที่มีเหตุปล้นเรือในบริเวณชายฝั่งโซมาเลียเพิ่มสูงขึ้น แต่จะอนุญาตให้เจ้าของเรือตัดสินใจว่าจะใช้เจ้าหน้าที่คุ้มกันที่ติดอาวุธหรือไม่ติดอาวุธ
ทั้งนี้ ทัด อัลเลน ผู้บัญชาการหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งเรื่องความปลอดภัยในบริเวณน่านน้ำฉบับทบทวนใหม่นี้ไปเมื่อวันจันทร์ (11) ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของแวดวงอุตสาหกรรมเดินเรือสินค้า
“เราคาดหวังว่าเรือสินค้าติดธงสหรัฐฯ จะมีความปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อต้องเดินทางผ่านน่านน้ำดังกล่าว” วัตสันระบุ
“คำสั่งใหม่นี้จะรวมถึงการใช้อาวุธปืนด้วย ... แต่เราก็พยายามมองหาวิธีการอื่นๆ ด้วย แต่จะต้องไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่านี้” เขากล่าวต่อ
ข้อกำหนดให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มกันประจำในเรือ จะใช้บังคับเฉพาะเรือที่เดินทางผ่านบริเวณจงอยแอฟริกาเท่านั้น แต่เจ้าของเรือที่ติดธงสหรัฐฯ ทุกลำจะต้องเสนอแผนการรักษาความปลอดภัยให้กับกองกำลังรักษาชายฝั่งภายในสองสัปดาห์
“เจ้าของเรือจะเสนอแนวทางมาให้เรา หลังจากนั้นกองกำลังรักษาชายฝั่งจะบอกว่ามันใช้ได้หรือเปล่า” วัตสันบอก
เขาเพิ่มเดิมอีกว่าในคำสั่งไม่ได้ระบุจำนวนเจ้าหน้าที่คุ้มกันที่จะประจำในเรือแต่ละลำ รวมทั้งไม่ระบุว่าเป็นเจ้าหน้าที่ชำนาญการด้านไหน แต่กองกำลังรักษาชายฝั่งจะประสานงานกับเจ้าของเรือที่จัดทำแผนที่อาจจะไม่รัดกุมเพียงพอ ในการป้องกันการโจมตีของพวกโจรสลัด
ก่อนหน้านี้ในเดือนที่แล้ว โจรสลัดโซมาเลียได้โจมตีเรือคอนเทนเนอร์ “เมิร์สก์ แอละบามา” ซึ่งติดธงสหรัฐฯ แต่กัปตันเรือ ริชาร์ด ฟิลลิปส์ ก็ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ ภายหลังถูกจับเป็นตัวประกันสี่วัน โดยหน่วยคอมมานโดสหรัฐฯ ได้ยิงสังหารโจรสลัดไปได้สามราย
อย่างไรก็ตาม การติดอาวุธเรือบรรทุกสินค้า ถือเป็นประเด็นอ่อนไหวพอสมควรเพราะมีหลายประเทศไม่อนุญาตให้เรือติดอาวุธเข้าเทียบท่าเรือในประเทศของตน ยิ่งกว่านั้น การติดอาวุธดังกล่าวก็ยังทำให้เกิดปัญหาเรื่องความรับผิดชอบ และทำให้ค่าเบี้ยประกันเพิ่มสูงขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน เจ้าของเรือบางรายก็เกรงว่าการติดอาวุธจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดจนบานปลายเป็นการยิงสู้รบกัน ดังเช่นที่เคยมีกรณีตัวอย่างของเรือประมงนอกชายฝั่งเยเมนที่ยิงปืนไรเฟิลอัตโนมัติขึ้นฟ้า เพื่อเตือนพวกเรือให้ออกห่างจากแหหรืออวนของตน
ทว่าวัตสันก็บอกว่าเรือติดธงสหรัฐฯ ที่ขนส่งสัมภาระทางการทหารก็มีการติดอาวุธเช่นกัน
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กำลังประสานงานกับประเทศต่างๆ ในบริเวณที่มีโจรสลัดชุกชุม เพื่อศึกษาว่ามีอาวุธชนิดใดบ้างที่กฎหมายอนุญาตให้นำเข้ามาเทียบท่าเรือได้ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะแจ้งให้กับผู้เดินเรือสหรัฐฯ ทราบ
วัตสันระบุว่าคำสั่งใหม่ดังกล่าวไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ทั้งหมด เนื่องจากมีข้อมูลด้านความมั่งคงที่เป็นประเด็นอ่อนไหวอยู่ด้วย แต่เขาได้ย้ำกับที่ประชุมตัวแทนธุรกิจเดินเรือสินค้าว่า อาจมีการเผยแพร่คำสั่งฉบับย่อให้กับบริษัทเดินเรือสินค้าต่างๆ เพื่อช่วยให้ธุรกิจเดินเรือสินค้าได้เรียนรู้เรื่องการวางมาตรการด้านความปลอดภัยจากกันและกัน
พลเรือตรีเจมส์ วัตสัน ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายการป้องกันของกองกำลังรักษาชายฝั่งสหรัฐฯ กล่าวในวันอังคาร(12)กับตัวแทนจากภาคธุรกิจเดินเรือสินค้า ในการประชุมเรื่องความปลอดภัยในน่านน้ำ ที่มลรัฐฟลอริดาว่า ข้อกำหนดใหม่นี้จัดทำขึ้นเพื่อรับมือกับการที่มีเหตุปล้นเรือในบริเวณชายฝั่งโซมาเลียเพิ่มสูงขึ้น แต่จะอนุญาตให้เจ้าของเรือตัดสินใจว่าจะใช้เจ้าหน้าที่คุ้มกันที่ติดอาวุธหรือไม่ติดอาวุธ
ทั้งนี้ ทัด อัลเลน ผู้บัญชาการหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งเรื่องความปลอดภัยในบริเวณน่านน้ำฉบับทบทวนใหม่นี้ไปเมื่อวันจันทร์ (11) ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของแวดวงอุตสาหกรรมเดินเรือสินค้า
“เราคาดหวังว่าเรือสินค้าติดธงสหรัฐฯ จะมีความปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อต้องเดินทางผ่านน่านน้ำดังกล่าว” วัตสันระบุ
“คำสั่งใหม่นี้จะรวมถึงการใช้อาวุธปืนด้วย ... แต่เราก็พยายามมองหาวิธีการอื่นๆ ด้วย แต่จะต้องไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่านี้” เขากล่าวต่อ
ข้อกำหนดให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มกันประจำในเรือ จะใช้บังคับเฉพาะเรือที่เดินทางผ่านบริเวณจงอยแอฟริกาเท่านั้น แต่เจ้าของเรือที่ติดธงสหรัฐฯ ทุกลำจะต้องเสนอแผนการรักษาความปลอดภัยให้กับกองกำลังรักษาชายฝั่งภายในสองสัปดาห์
“เจ้าของเรือจะเสนอแนวทางมาให้เรา หลังจากนั้นกองกำลังรักษาชายฝั่งจะบอกว่ามันใช้ได้หรือเปล่า” วัตสันบอก
เขาเพิ่มเดิมอีกว่าในคำสั่งไม่ได้ระบุจำนวนเจ้าหน้าที่คุ้มกันที่จะประจำในเรือแต่ละลำ รวมทั้งไม่ระบุว่าเป็นเจ้าหน้าที่ชำนาญการด้านไหน แต่กองกำลังรักษาชายฝั่งจะประสานงานกับเจ้าของเรือที่จัดทำแผนที่อาจจะไม่รัดกุมเพียงพอ ในการป้องกันการโจมตีของพวกโจรสลัด
ก่อนหน้านี้ในเดือนที่แล้ว โจรสลัดโซมาเลียได้โจมตีเรือคอนเทนเนอร์ “เมิร์สก์ แอละบามา” ซึ่งติดธงสหรัฐฯ แต่กัปตันเรือ ริชาร์ด ฟิลลิปส์ ก็ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ ภายหลังถูกจับเป็นตัวประกันสี่วัน โดยหน่วยคอมมานโดสหรัฐฯ ได้ยิงสังหารโจรสลัดไปได้สามราย
อย่างไรก็ตาม การติดอาวุธเรือบรรทุกสินค้า ถือเป็นประเด็นอ่อนไหวพอสมควรเพราะมีหลายประเทศไม่อนุญาตให้เรือติดอาวุธเข้าเทียบท่าเรือในประเทศของตน ยิ่งกว่านั้น การติดอาวุธดังกล่าวก็ยังทำให้เกิดปัญหาเรื่องความรับผิดชอบ และทำให้ค่าเบี้ยประกันเพิ่มสูงขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน เจ้าของเรือบางรายก็เกรงว่าการติดอาวุธจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดจนบานปลายเป็นการยิงสู้รบกัน ดังเช่นที่เคยมีกรณีตัวอย่างของเรือประมงนอกชายฝั่งเยเมนที่ยิงปืนไรเฟิลอัตโนมัติขึ้นฟ้า เพื่อเตือนพวกเรือให้ออกห่างจากแหหรืออวนของตน
ทว่าวัตสันก็บอกว่าเรือติดธงสหรัฐฯ ที่ขนส่งสัมภาระทางการทหารก็มีการติดอาวุธเช่นกัน
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กำลังประสานงานกับประเทศต่างๆ ในบริเวณที่มีโจรสลัดชุกชุม เพื่อศึกษาว่ามีอาวุธชนิดใดบ้างที่กฎหมายอนุญาตให้นำเข้ามาเทียบท่าเรือได้ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะแจ้งให้กับผู้เดินเรือสหรัฐฯ ทราบ
วัตสันระบุว่าคำสั่งใหม่ดังกล่าวไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ทั้งหมด เนื่องจากมีข้อมูลด้านความมั่งคงที่เป็นประเด็นอ่อนไหวอยู่ด้วย แต่เขาได้ย้ำกับที่ประชุมตัวแทนธุรกิจเดินเรือสินค้าว่า อาจมีการเผยแพร่คำสั่งฉบับย่อให้กับบริษัทเดินเรือสินค้าต่างๆ เพื่อช่วยให้ธุรกิจเดินเรือสินค้าได้เรียนรู้เรื่องการวางมาตรการด้านความปลอดภัยจากกันและกัน
