xs
xsm
sm
md
lg

หยุดทำร้ายชาติกับคอมมิวนิสต์ตลกคลายเครียด!

เผยแพร่:   โดย: แสงแดด

ตั้งแต่เดือนเมษายนทอดยาวมาจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ต้องยอมรับว่า “วันหยุด” ที่ “ภาคราชการ-ภาคเอกชน” ต่างปิดยาวไม่น้อยกว่า 4 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน “ข้าราชการ-พนักงาน” ต่างก็หยุดลาพักร้อนคาบเกี่ยว ปิดหัวปิดท้ายสุดสัปดาห์กันเข้าไปอีก เรียกว่า “หยุดกันบานฉ่ำ!” จนงานการไม่เป็นอันทำกันเลย!

แต่ในขณะเดียวกัน “การเคลื่อนไหวทางการเมือง” ก็เกิดขึ้นตลอด และ “หนักสุด!” ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จนปิดยาวต่อกันอีกตลอด 10 วันเต็มๆ เพื่อให้ชาติบ้านเมือง “สงบ” ซักระยะหนึ่ง มาต่อกันหยุดยาวอีกครั้งช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค. เป็นต้นมา เพิ่งจะมาเริ่มทำงานกันจริงๆ จังๆ มี “ผลผลิต-ผลิตผล (Productivity)” ก็เริ่มตั้งแต่สัปดาห์นี้เท่านั้น หวังว่าคงจะไม่มีการหยุดยาวกันอีกจนถึงเดือนกรกฎาคม

หลังจากที่ “กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)” หรือ “กลุ่มเสื้อแดง” ที่ได้สลายตัวไป หลังการชุมนุมใหญ่และเคลื่อนไหวแบบ “ดาวกระจาย” จนก่อความวุ่นวาย จนถึงขั้น “รุนแรง-ไม่สงบ” จนรัฐบาลต้องประกาศ “พระราชกำหนดการบริหารราชการภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินแบบรุนแรง” เป็นเวลาหลายวัน ทำให้เกิดความไม่มั่นใจของทั้งนักท่องเที่ยว นักลงทุน แม้แต่คนไทยก็ดี ที่ส่ง “สัญญาณลบ” ในเชิงจิตวิทยา

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ขณะนี้ ล่าสุดน่าเชื่อว่า กำลังกลับสู่สภาวะปกติ หลังจากเกิด “ความอึดอัด-ตึงเครียด” มาตลอดระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “กีฬาสี” ที่ดูเสมือนว่าต่างฝ่ายต่างจะเดินคู่ขนาน ในกรณีของมิตรไมตรีที่มีต่อกัน จนเกิด “การลอบสังหาร” ที่ดังกระหึ่มไปทั่วโลก ที่เกิดขึ้นกับ “คุณสนธิ ลิ้มทองกุล” แต่ก็สามารถรอดชีวิตราวปาฏิหาริย์จากการกระหน่ำกระสุนอาวุธสงคราม 100 กว่านัด ของกลุ่มผู้ลอบสังหาร จนกระบวนการสืบสวนสอบสวนเกิดขึ้น พร้อมกับ “การแถลงข่าว” ของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล

ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ “แอ่นอก” ประกาศชัดเจนว่า “จะดำเนินการหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีให้ได้!” โดยปราศจากความลังเล และพร้อมที่จะเข้ามาร่วมรับผิดชอบในทุกกรณี เนื่องด้วยท่าทีที่ชัดเจนของผู้บัญชาการทหารบก ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เป็น “เหตุการณ์รุนแรง” ตลอดจนมีปลอกกระสุนจากหน่วยงานในกองทัพบก ดังนั้น ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก การแสดงท่าทีรับผิดชอบเช่นนี้ ส่งสัญญาณว่า การสืบเสาะหาผู้กระทำความผิดจะดำเนินการอย่างจริงจัง!

สืบเนื่องจากต้นสัปดาห์ที่แล้ว วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้มีการรวมตัวกันของ “กลุ่มสื่อสารมวลชน-กลุ่มนักวิชาการ-กลุ่มนักธุรกิจ-กลุ่มประชาชน” ประมาณ 20 กว่าองค์กร ที่ได้มีการประชุมและรวมตัวกันมาหลายครั้ง เสมือนเป็น “กลุ่มพลังเงียบ” ที่ต้องการให้เกิด “ความสงบเรียบร้อย-ความสามัคคี” ให้เกิดขึ้นในชาติบ้านเมือง ตลอดจน “ความแตกแยก-แตกร้าว” ของประชาชนคนไทยที่แบ่งออกเป็น “สีเหลือง-สีแดง” จนยากที่จะเยียวยา จนเกิดการปะทะเผชิญหน้ากันในที่สุด

การรณรงค์ “หยุดทำร้ายประเทศไทย” จึงเกิดขึ้น และนัดรวมพลแสดงพลังที่ผ่านมา ด้วยความตั้งใจที่จะให้ “กลุ่มพลังเงียบ” ได้ออกมาแสดงบทบาทและ “ความรัก-ห่วงใยชาติบ้านเมือง” ด้วยการตั้ง “ธงชาติไทย” ไว้ที่หน้าบ้าน และถ้าเป็นไปได้ก็ตั้ง “ธงในหลวง-ธงสีเหลือง ภปร.” ประกบไปด้วย เพื่อแสดง “ความจงรักภักดี” ต่อ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” นอกเหนือจากการเชิดชู “สถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์”

ทั้ง “ปรัชญา-อุดมการณ์-หลักการ” ของบรรดา 20 กว่ากลุ่มองค์กร ที่พยายามจัดตั้งขึ้นด้วย “ความรัก-ห่วงใย” กับสถานการณ์ชาติบ้านเมือง ที่นับวันจะมีแต่ “ความแตกแยก” จนเลยเถิดไปถึงขั้น “แตกร้าว” แล้ว ทั้งนี้ อาจจะเดินหน้าต่อไปจนถึงขั้น “แตกหัก” เลยก็เป็นได้ ด้วยความพยายามของ “คนเดียว-นายใหญ่” ที่ประกาศก้องก่อน “ลี้ภัย” ไปอยู่ต่างประเทศว่า “ถ้ากูอยู่ไม่ได้ ไม่มีความสุข-พวกมันก็อย่าได้อยู่อย่างมีความสุข!” แต่ปากประกาศป่าวๆ ว่า “รักชาติ-จงรักภักดี” ภาษาอังกฤษเขาเรียกขานว่า “Hypocrite!” หรือ “ปีศาจคาบคัมภีร์-มือถือสากปากถือศีล!”

ความพยายามของ 20 กว่าองค์กร ต้องขอแสดงความน้อมรับว่า “เจตนาดี” ด้วยประการทั้งปวง เพียงแต่ “แสงแดด” ก็เป็นหนึ่งเสี้ยวส่วนใน “ขบวนการสันติ-สงบ-สามัคคี” และ “หยุดทำร้ายประเทศไทย” เพียงแต่ว่า น่าจะรณรงค์ต่อเนื่อง มิเพียงแต่เพียงแค่ “ปักธงชาติ-ใส่เสื้อขาว” และชุมนุมกันเท่านั้น แล้วก็ “เลิกรากันไป!” ไม่มีการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ที่ดูเสมือนเป็นเช่นนั้นในการแสดงพลัง!

กิจกรรมที่ต้องรณรงค์อย่างต่อเนื่อง เพื่อก่อให้บังเกิดผลในเชิงรูปธรรม ด้วยการจัดกิจกรรมในเชิงวิชาการ เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชนคนไทยทั่วไปทุกระดับชั้น โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่อยู่ตามชนบท “ระดับรากหญ้า” และน่าจะรวมไปถึง “เยาวชนคนรุ่นใหม่!”

“การเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ” ในกรณีของการเผยแพร่ความรู้ที่ไม่สมควรยุ่งยากมากมายนัก อธิบายให้เกิดความเข้าใจง่ายๆ และ “สนุก-น่าสนใจ!” กับวิชา “ประวัติศาสตร์ไทย” ที่มีประวัติความเป็นมาอย่างไร สามารถ “รักษาเอกราช-กอบกู้อิสรภาพ” มายาวนานนับหลายร้อยปี จากทั้ง “สถาบันกษัตริย์-สถาบันกองทัพ” ซึ่งความจริงที่เราต้องยอมรับว่า “พระมหากษัตริย์” แทบทุกพระองค์ในอดีต ล้วนเป็น “จอมทัพ” ที่ทรง “สร้างชาติบ้านเมือง” ให้เป็น “ปึกแผ่น” พร้อมทั้ง “พระปรีชาสามารถ” ในการรักษาเอกราชไม่ให้ประเทศชาติตกเป็น “อาณานิคม” ของ “ชาติตะวันตก” ตราบเท่าทุกวันนี้ ถือว่าเป็น “พระมหากรุณาธิคุณ” อันใหญ่หลวงแก่พสกนิกรชาวไทยทุกผู้ทุกนาม

นอกเหนือจาก “ประวัติศาสตร์ไทย” แล้ว วิชา “ประชาธิปไตยแท้จริง” คืออะไร มิใช่ “จอมปลอม” และ/หรือ “ธนาธิปไตย” อย่างที่เป็นอยู่ในช่วงหนักสุด พ.ศ.2543-2550 ที่ “เงินคือพระเจ้า!” สามารถเนรมิตได้ทุกอย่าง แม้กระทั่ง “อำนาจ” ทั้งใน “สภาผู้แทนราษฎร” และ “คณะรัฐมนตรี” จนก้าวล่วงสู่ “วุฒิสภา” และ “องค์กรอิสระ” ต่างๆ

“ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” จำต้องมีความจำเป็นสูงสุดที่จะต้องให้ประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่า ตระหนักให้ได้ว่า “เราเป็นประชาธิปไตย” แต่ “เรามีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” เช่นเดียวกัน โดยส่อนัยชัดเจนว่า “ระบอบการเมืองการปกครอง” เป็นเช่นนี้ มิใช่ “ระบบประธานาธิบดี (Presidential System)”

ในกรณี “ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” นั้น ประชาชนต่างได้ยินได้ฟังมายาวนาน แต่อาจจะมีประชาชนบางระดับ บางกลุ่ม ที่ไม่เข้าใจนัยความหมายที่ลึกซึ้ง ว่ามีความสำคัญอย่างไรกับ “โครงสร้างและระบบการเมืองการปกครองไทย”

แต่ที่เลวร้ายมากไปกว่านั้น คือ “ความพยายาม” ของ “กลุ่มบุคคล” บางกลุ่มที่ “บิดเบือน” พร้อมทั้ง “ล้างสมอง” ประชาชนที่อยู่ในสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจที่ต่ำ ตลอดจน “การศึกษาน้อย!” จึงตกเป็นเหยื่อของ “กลุ่มบุคคล” ที่ “คิดเลยเถิด!” จนกระทั่ง “เปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองการปกครอง”

“ความรู้” ที่ “โครงการหยุดทำร้ายประเทศไทย” จะต้องดำเนินการต่อเนื่องกับ “กิจกรรม” ที่กล่าวไว้ข้างต้น เพื่อให้พี่น้องประชาชนบางส่วนที่ “หลง” กับ “แนวคิด-อุดมการณ์” ของกลุ่มบุคคลนี้ ด้วย “ความเชื่อ-หลงงมงาย” อย่างแท้จริง หรือไม่ก็ “อามิสสินจ้าง!” เนื่องด้วย “ปราศจากความรู้-ความเข้าใจ” จน “หลอกง่าย” จนในที่สุด ก็กลายเป็นเหยื่อของ “กลุ่มเสื้อแดง” ไปโดยไม่รู้ตัวว่าเป็น “แนวร่วม” ให้กับ “การโค่นล้ม-เปลี่ยนแปลง” สถาบันสำคัญของชาติ

ถ้าท่านผู้อ่านได้ทบทวนถึงแนวคิดของกลุ่มบุคคลที่เป็น “กลุ่มเบื้องหลัง-กลุ่มสนับสนุน” นปช. ได้มีการประกาศแนวทางของการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจนช่วงเทศกาลสงกรานต์ (12-14 เมษายน 2552) ว่า “วันปืนแตก!” และ “การปฏิวัติประชาชน” เข้าทำนองเดียวกันกับ “หลักการของลัทธิเหมา” หรือกล่าวอย่างง่ายๆ คือ “ลัทธิคอมมิวนิสต์”

อย่างไรก็ตาม “ความคิดคอมมิวนิสต์” หลังจาก “แนวร่วม-สหาย” คนสำคัญเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่งตัวด้วยชุด “เรดการ์ด (Red Guard)” ด้วย “หมวกดาวแดง-ปกเสื้อดาวแดง” แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่า ต้องการรื้อฟื้น “ลัทธิคอมมิวนิสต์” ในสมัย “พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.)” ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว หรือภาษาชาวบ้านที่เรียกว่า “ปลุกผีคอมฯ”

สังคมทุกหัวระแหง ทุกวงการต่างสะท้อนกลับไปว่า “เก่าคร่ำครึ-ไดโนเสาร์-เต่าล้านปี” เรียกว่า “ถูกเยาะเย้ย-ถากถาง” จนกลายเป็น “ตลกสุดๆ!” ของคนกลุ่มนี้ ที่เพียรพยายาม “เป่าหู-เป่าความคิด” ให้ “นายใหญ่” กระทำการ “พลิกฟ้าพลิกดิน” ระบบโครงสร้างการเมืองการปกครองไทย

ขอย้ำว่า “หยุดทำร้ายประเทศไทย” เป็นหลักการที่ดี เจตนาเยี่ยม เพียงแต่ว่าจะต้องดำเนินการในเชิงรูปธรรม ที่ก่อให้เกิดมรรคผลแก่สังคมไทยในยุคปัจจุบันที่ “เชื่อหลง-งมงาย-ปราศจากข้อมูล-ไร้ความรู้” เกี่ยวกับชาติบ้านเมือง จึงถูกชักจูงและหลอกลวงได้ง่าย!

“พลังเงียบ” จะต้องตระหนักมากกว่านี้ ว่าชาติบ้านเมืองถูกทำร้ายมามากพอแล้ว ว่าไปแล้วน่าจะตั้ง “กองทุน” เพื่อกิจกรรมของ “โครงการโดยเฉพาะ” ที่ส่งเสริมสนับสนุนให้คนไทยมีความรู้ ความเข้าใจมากกว่าเดิม และต้องรู้ซึ้งว่า “ประชาธิปไตย” ที่มีนักการเมืองและพรรคการเมืองบางกลุ่มบางคนต่าง “จอมปลอม” ทั้งนั้น ส่วนใหญ่ใช้ “เงิน” ปูทางสู่ “อำนาจ” และ “ผลประโยชน์” ในที่สุด!

“แสงแดด” เหลืออดเหลือทนกับบรรดา “ปีศาจนักธุรกิจการเมือง” มาหลายปีแล้ว จน “คิดการใหญ่!” เพราะฉะนั้น ขอร่วมด้วยในทุกกรณี!
กำลังโหลดความคิดเห็น