ASTVผู้จัดการรายวัน-“เกื้อกูล”สั่งกทท.หามาตรการชดเชยรายได้ และกระตุ้นเอกชน เพิ่มปริมาณการขนส่งหลังปริมาณสินค้าเข้าออกท่าเรือ ลดลง20 % ตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หวั่นไม่ทำอะไรกระทบรายได้กทท.แน่นอน ยืนยันไม่ชะลอการลงทุนโครงการเชียงแสน 2 แม้เศรษฐกิจตกต่ำ ชี้ต้องทำเพื่อกระตุ้นการจ้างงาน
นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ได้รายงานถึงผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ว่า ส่งผลให้ปริมาณการขนส่งสินค้าเข้า-ออก ขณะนี้ลดลงประมาณ 20 % ซึ่งคาดว่าจะกระทบต่อรายได้ของกทท. อย่างแน่นอน เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของกทท.มาจากปริมาณการขนส่งสินค้า ดังนั้นจึงสั่งการให้ กทท.พิจารณาแนวทางชดเชยรายได้ และหามาตรการจูงใจเอกชน ให้มีการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น
โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมการ กทท.ได้เห็นชอบการงดเรียกเก็บอัตราค่าภาระควบคุมตู้สินค้าของท่าเรือกรุงเทพ ซึ่งเรียกเก็บจากผู้ส่งออกชั่วคราว ระยะเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และสร้างแรงจูงใจให้มีการใช้บริการขนส่งสินค้าทางน้ำเพิ่มขึ้น ตามนโยบายไปแล้ว แต่ในปีนี้เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างมาก จึงต้องหามารตการมาสนับสนุนเอกชนให้มีการส่งออกเพิ่ม และคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 3-4 หากเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น รายได้ของกทท.จะกลับมาที่ระดับปกติได้
นายเกื้อกูล กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ผ่านมายังได้รับข้อเสนอจากเอกชนในส่วนของผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะปัญหาในภาคการขนส่ง และการแก้ไขกฎระเบียบข้อบังคับให้มีขั้นตอนที่สะดวกต่อเอกชน ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา ก่อนหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ปัญหา
ส่วน ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในขณะนี้จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนโครงการของกระทรวงคมนาคมหรือต้องมีการชะลอโครงการออกไปหรือไม่นั้น นายเกื้อกูล กล่าวว่า โครงการทั้งหมดยังสามารถที่จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป เช่น โครงการก่อสร้างท่าเรือชียงแสน 2 จ.เชียงราย ที่ขณะนี้ได้ผู้รับเหมาแล้ว และเตรียมที่จะลงมือก่อสร้างในเดือนมิ.ย.นี้ ทั้งนี้เศรษฐกิจในภาวะปัจจุบัน รัฐบาลยิ่งมีความจำเป็นต้องเร่งการก่อสร้างให้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เกิดการจ้างงาน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ได้รายงานถึงผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ว่า ส่งผลให้ปริมาณการขนส่งสินค้าเข้า-ออก ขณะนี้ลดลงประมาณ 20 % ซึ่งคาดว่าจะกระทบต่อรายได้ของกทท. อย่างแน่นอน เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของกทท.มาจากปริมาณการขนส่งสินค้า ดังนั้นจึงสั่งการให้ กทท.พิจารณาแนวทางชดเชยรายได้ และหามาตรการจูงใจเอกชน ให้มีการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น
โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมการ กทท.ได้เห็นชอบการงดเรียกเก็บอัตราค่าภาระควบคุมตู้สินค้าของท่าเรือกรุงเทพ ซึ่งเรียกเก็บจากผู้ส่งออกชั่วคราว ระยะเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และสร้างแรงจูงใจให้มีการใช้บริการขนส่งสินค้าทางน้ำเพิ่มขึ้น ตามนโยบายไปแล้ว แต่ในปีนี้เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างมาก จึงต้องหามารตการมาสนับสนุนเอกชนให้มีการส่งออกเพิ่ม และคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 3-4 หากเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น รายได้ของกทท.จะกลับมาที่ระดับปกติได้
นายเกื้อกูล กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ผ่านมายังได้รับข้อเสนอจากเอกชนในส่วนของผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะปัญหาในภาคการขนส่ง และการแก้ไขกฎระเบียบข้อบังคับให้มีขั้นตอนที่สะดวกต่อเอกชน ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา ก่อนหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ปัญหา
ส่วน ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในขณะนี้จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนโครงการของกระทรวงคมนาคมหรือต้องมีการชะลอโครงการออกไปหรือไม่นั้น นายเกื้อกูล กล่าวว่า โครงการทั้งหมดยังสามารถที่จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป เช่น โครงการก่อสร้างท่าเรือชียงแสน 2 จ.เชียงราย ที่ขณะนี้ได้ผู้รับเหมาแล้ว และเตรียมที่จะลงมือก่อสร้างในเดือนมิ.ย.นี้ ทั้งนี้เศรษฐกิจในภาวะปัจจุบัน รัฐบาลยิ่งมีความจำเป็นต้องเร่งการก่อสร้างให้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เกิดการจ้างงาน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ