xs
xsm
sm
md
lg

แคนาดาเจอหมูติดหวัดมรณะ สธ.แนะเลื่อนบิน16ตปท.เสี่ยง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน /เอเอฟพี / รอยเตอร์- เม็กซิโกประกาศลดจำนวนผู้ที่สงสัยว่าอาจเสียชีวิตเพราะติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ลงเหลือ 101 รายแล้ว แต่องค์การอนามัยโลกออกโรงเตือน ยังเป็นไปได้ที่จะเห็นการประกาศเตือนภัยยกขึ้นสู่ระดับ 6 ด้านจำนวนประเทศที่ยืนยันว่ามีผู้ติดเสีย เวลานี้เพิ่มเป็น 19 ชาติ ขณะที่พบหมูในแคนาดาติดเชื้อนี้ด้วย โดยคาดว่าติดจากคนงานที่กลับจากเม็กซิโกสธ.ยังไม่ห้ามคนไทยเดินทางเข้า 16 พื้นที่ที่มีรายงานการแพร่ระบาด แต่แนะนำให้เลื่อนการเดินทางหากไม่จำเป็น สั่งคุมเข้ม 14 คนไทยจากเม็กซิโก เผยพบมีไข้ส่งตัวบำราศนราดูรทันที โพล”เผยปชช.เกือบครึ่งค่อนข้างวิตกกังวลการแพร่ระบาดถึงไทยส่วนใหญ่ร้อยละ 86.25 ไม่อยากให้มีประท้วงช่วงประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน 7-8 พ.ค.นี้

โฮเซ อังเฆล กอร์โดบา
รัฐมนตรีสาธารณสุขเม็กซิโก ประกาศลดจำนวนผู้ที่ต้องสงสัยว่าเสียชีวิตเพราะติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จากเดิม 176 ราย เหลือเพียง 101 รายแล้ว เมื่อวานนี้ (3) พร้อมยืนยัน ทางการสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้แล้ว

นอกจากนั้น กอร์โดบายังแสดงความเชื่อมั่นว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในเม็กซิโกเริ่มอยู่ในภาวะคงที่แล้ว สังเกตได้จากการที่ไม่มีรายงานการพบผู้เสียชีวิตรายใหม่ในเม็กซิโกอีกเลยตลอด 48 ชั่วโมงที่ผ่านมาซึ่งแสดงว่าสถานการณ์การระบาดของโรคดังกล่าวอาจไม่ร้ายแรงอย่างที่หลายฝ่ายวิตกกันในเบื้องต้น

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีสาธารณสุขเม็กซิโก เตือนว่า ยังมีความเสี่ยงที่จะพบผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นอีก และอาจจำเป็นต้องขยายเวลาในการสั่งปิดสถานที่สาธารณะในกรุงเม็กซิโกซิตีเป็นเวลา 5 วันออกไปอีกในบางพื้นที่โดยขณะนี้ ข้อมูลจากทางการเม็กซิโกระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันในประเทศอยู่ที่ 397 รายเท่านั้น

** อนามัยโลกเตือนอาจยกระดับเตือนภัยระดับ 6**
องค์การอนามัยโลก หรือ “WHO” ระบุอาจต้องประกาศยกระดับเตือนภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นระดับที่ 6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่เชื้อไวรัสชนิดนี้อาจกลายพันธุ์และมีรุนแรงยิ่งกว่าเดิม

ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายเตือนภัยและตอบสนองภาวะโรคระบาด ขององค์การอนามัยโลก แถลงยืนยันว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ทั่วโลก ได้เพิ่มจำนวนจาก 365 ราย เป็น 658 รายแล้วในขณะนี้ และองค์การอนามัยโลกอาจจำเป็นต้องขยับระดับการเตือนภัยการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เป็นระดับ 6 ซึ่งหมายถึง เกิดการแพร่ระบาดลุกลามทั่วโลกในเร็ว ๆ นี้ แต่ยังคงหวังว่า เรื่องดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นจริง

ขณะเดียวกันองค์การอนามัยโลกยังแสดงความวิตกว่า ผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีอยู่ในร่างกาย เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงอย่างมากที่จะติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ เพราะเป็นกลุ่มที่มีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ โดยมีความเป็นไปได้ที่เชื้อเอชไอวีกับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ อาจรวมตัวกันกลายเป็นไวรัสชนิดใหม่ที่มีอันตรายร้ายแรง เช่นเดียวกับที่เชื้อเอชไอวีเคยรวมตัวกับเชื้อวัณโรคมาแล้ว

**ระบาดเพิ่มเป็น19ประเทศ**
เวลานี้ องค์การอนามัยโลกระบุว่า พบผู้ที่ได้รับการยืนยันว่า ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกแล้วใน 17 ประเทศคือ เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน อังกฤษ นิวซีแลนด์ อิสราเอล เยอรมัน ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ฮ่องกงซึ่งเป็นเขตปกครองของจีน เกาหลีใต้ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ และคอสตาริกา

แต่ตามรายงานยืนยันของทางการประเทศต่างๆ เองนั้น ยังมีอีก 2 ประเทศ คือ อิตาลี และ โคลอมเบีย รวมแล้วเป็น 19 ชาติ

** อนามัยโลกยันเอเชียระบาดในวงจำกัด**
ปีเตอร์ คอร์ดิงลีย์
โฆษกขององค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นแปซิฟิกตะวันตก เปิดเผยว่า ผู้ได้รับเชื้อไวรัสชนิด เอ (เอช1เอ็น1) ซึ่งเป็นสาเหตุของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั้งในฮ่องกงและเกาหลีใต้ ล้วนเป็นผู้ที่เดินทางมาจากเม็กซิโกทั้งสิ้น ดังนั้น จึงอาจสรุปได้ว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้มายังเอเชียนี้ยังอยู่ในวงจำกัด

คอร์ดิงลีย์ระบุว่า จนถึงขณะนี้ทวีปเอเชียมีเพียงฮ่องกงและเกาหลีใต้เท่านั้น ที่มีรายงานยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ และถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับในเม็กซิโก สหรัฐฯ และในยุโรป ซึ่งสาเหตุสำคัญก็น่าจะมาจากการที่ประเทศต่างๆในเอเชียเคยมีประสบการณ์ในการรับมือกับโรคซาร์ส และโรคไข้หวัดนกมาแล้ว ทำให้สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในครั้งนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม คอร์ดิงลีย์เตือนว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ถึงขั้นลุกลามกลายเป็นโรคระบาดเต็มรูปแบบยังเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ รัฐบาลของทุกประเทศในเอเชีย จึงยังคงต้องเตรียมการรับมือให้พร้อม

**เม็กซิโกโวยจีนกักตัวเม็กซิกันไม่ได้ติดเชื้อ**
ฮอร์เฆ กวาฮาร์โด
เอกอัครราชทูตเม็กซิโกประจำกรุงปักกิ่ง เปิดเผยว่า ชาวเม็กซิกันราว 50 คนถูกทางการจีนกักตัวไว้ในสถานที่ต่างๆ กันในหลายเมืองอย่างไม่เป็นธรรมทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด ในจำนวนชาวเม็กซิกันที่ถูกจีนควบคุมตัวไว้ มีประมาณ 10 คน ที่ถูกกักตัวอยู่ในกรุงปักกิ่ง ส่วนอีก 35 คนถูกกักอยู่ในนครเซี่ยงไฮ้ อีก 6 คนถูกกักตัวอยู่ในเมืองกวางโจวและอีก 6 คนในฮ่องกง

โดยล่าสุด กวาฮาร์โดและคณะ เพิ่งได้รับอนุญาตจากทางการจีน ให้เข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่กักกันตัวชาวเม็กซิกันได้แล้ว

นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่านักการทูตชาวเม็กซิกันคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่เมืองกวางโจว ถูกเจ้าหน้าที่ของจีนควบคุมตัวไปตรวจไข้หวัดเป็นกรณีพิเศษหลังกลับมาจากกัมพูชา เพียงเพราะเขาเป็นชาวเม็กซิกัน ทั้งๆ ที่กัมพูชาก็ไม่มีรายงานยืนยันผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด

ปาตริเซีย เอสปิโนซา กันเตยาโน รัฐมนตรีต่างประเทศเม็กซิโก ออกมาแนะนำให้ชาวเม็กซิกันหลีกเลี่ยงการเดินทางไปจีน เนื่องจากรัฐบาลจีนปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมด้วยการควบคุมตัวชาวเม็กซิกันที่ไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ พร้อมแสดงความกังวลว่าการกระทำของทางการจีน อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ

โดยในขณะนี้ กระทรวงต่างประเทศเม็กซิโกได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตจีน ประจำเม็กซิโกมาอธิบายจุดยืนของรัฐบาลจีนที่มีต่อเรื่องนี้แล้ว

ทางด้านโฆษกกระทรวงสาธารณสุขจีนแถลงที่กรุงปักกิ่งว่า มีความจำเป็นต้องใช้มาตรการป้องกันเป็นพิเศษ ภายหลังพบชายชาวเม็กซิโกติดเชื้อไวรัสเอช1เอ็น1ที่ฮ่องกง เพราะเป็นเครื่องยืนยันว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นแล้วที่เชื้อร้ายนี้กำลังเข้าสู่ประเทศจีน ทั้งนี้ ในคำแนะนำวิธีปฏิบัติของกระทรวง ก็กำหนดให้กักกันโรคผู้ที่ “สัมผัสใกล้ชิด” กับไวรัสทุกๆ คน

** หวัดพันธุ์ใหม่อาจมีต้นตอจากสหรัฐฯ
สกอตต์ ไบรอัน
โฆษกศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐ หรือซีดีซี แถลงว่า อาจมีความเป็นไปได้ว่า เชื้อไวรัส เอ (เอช1 เอ็น1) ที่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ซึ่งกำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ อาจมีต้นตอการระบาดมาจากมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ มากกว่าที่จะเกิดขึ้นในเม็กซิโก

ไบรอัน ระบุว่า จากผลการสอบสวนในเบื้องต้นของซีดีซี พบว่า มีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดดังกล่าวหลายรายในมลรัฐแคลิฟอร์เนียตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมแล้ว ก่อนที่จะพบการแพร่ระบาดในเม็กซิโก

ไบรอันยังกล่าวว่า ผู้ติดเชื้อที่ซีดีซีพบในมลรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมนั้น ไม่เคยเดินทางไปยังเม็กซิโกและในจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ได้รับการตรวจยืนยันแล้ว 160 รายใน 21 มลรัฐของสหรัฐฯ นั้น มีถึง 2 ใน 3 ที่ไม่เคยเดินทางไปเม็กซิโกเลยเช่นกัน ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ว่า ต้นตอของการระบาดที่แท้จริงอาจอยู่ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ

นอกจากนั้น ไบรอันยังเสริมว่ายังมีรายงานที่ระบุว่าเคยพบผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อชนิดนี้ในสหรัฐฯ ถึง 12 ราย ที่มีผลการตรวจออกมาเป็น “บวก” นับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2005 ถึงเดือนมกราคมที่ผ่านมาอีกด้วย

** พบเชื้อไวรัสเอช1 เอ็น1 ในหมูที่แคนาดา

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแคนาดา กล่าวว่า พบเชื้อไวรัสเอช1 เอ็น1 ในหมูราว 200 ตัวที่ฟาร์มแห่งหนึ่ง ในรัฐอัลเบอร์ตาของแคนาดา โดยเป็นการพบเชื้อในสุกรเป็นครั้งแรกของประเทศแต่ยืนยันว่า การพบเชื้อดังกล่าวในหมูไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่ออุตสาหกรรมอาหาร

สำนักงานตรวจสอบอาหารของแคนาดาระบุว่า โอกาสที่หมูจะแพร่เชื้อไวรัสมาสู่คนได้นั้นยังไม่ใช่เวลาอันใกล้นี้ และเนื้อหมูของแคนาดามีความปลอดภัยสำหรับการบริโภค แม้ว่าล่าสุดทางการฟิลิปปินส์ ยูเครน เอล ซัลวาดอร์ และฮอนดูรัส จะสั่งระงับการนำเข้าเนื้อหมูจากแคนาดาเป็นการชั่วคราวแล้วก็ตาม

รายงานข่าวระบุว่า คาดว่าหมูทั้ง 200 ตัวในอัลเบอร์ตา น่าจะได้รับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ เอช 1 เอ็น 1 มาจากคนงานในฟาร์ม ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากเม็กซิโกและมีอาการป่วย

**สธ.ตั้งหมอประเสริฐที่ปรึกษา

วานนี้(3 พ.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นนทบุรี นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย พญ.ศิริพร กัญชนะ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และทีมนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไข้หวัดใหญ่ ประชุมศูนย์ปฏิบัติการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อย่างใกล้ชิด

นายวิทยา กล่าวว่า ขณะนี้ สธ.ดำเนินมาตรการป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่เข้าสู่ประเทศไทยอย่างเต็มที่ หลังมีรายงานเชื้อแพร่ระบาดใน 16 พื้นที่ ซึ่งมีประเทศในเอเชียด้วย โดยได้จัดทำแนวทางการตรวจคัดกรองสำหรับเจ้าหน้าที่ประจำด่านควบคุมโรค เฝ้าระวังผู้ที่เดินทางเข้าประเทศทุกด่าน ทั้งทางบก 60 ด่าน ทางน้ำ 15 ด่าน และทางอากาศ 15 ด่าน และระดมแพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคประจำการวันละกว่า 30 คน หมุนเวียนประจำที่สนามบินสุวรรณภูมิตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตรวจคัดกรองผู้ที่ผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิและมีไข้อีกชั้นหนึ่ง โดยได้จัดรถพยาบาลฉุกเฉินจำนวน 3 คัน เพื่อรับตัวผู้ที่มีไข้ไปรับการรักษาและสังเกตอาการในห้องแยกปลอดเชื้อที่สถาบันบำราศนราดูร

ทั้งนี้ มั่นใจว่าระบบที่กำลังทำอยู่ขณะนี้ จะสามารถสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อได้ทันท่วงที พร้อมทั้งแต่งตั้ง นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาของประเทศไทย เป็นประธานคณะที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของกระทรวงสาธารณสุขด้วย

**สธ.แนะเลื่อนบินต่างประเทศ
นายวิทยา กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการรับมือหลังมีเชื้อระบาดเข้าสู่ทวีปเอเชีย สธ.จะยึดตามประกาศขององค์การอนามัยโลก โดยยังจะไม่ห้ามคนไทยเดินทางไป 16 พื้นที่ที่มีรายงานยืนยันพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แต่ขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปพื้นที่ดังกล่าวชั่วคราว หากจำเป็นต้องเดินทาง ขอให้ปฏิบัติตนตามคำแนะนำของสธ. และประเทศที่จะเดินทางไปด้วยอย่างเคร่งครัด ส่วนคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของสธ. โดยสังเกตอาการป่วยของตนเองภายใน 7 หากมีไข้ ไอ ขอให้คาดหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ และรีบไปพบแพทย์ พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทางไปต่างประเทศให้แพทย์ทราบด้วย

**WHOเตือนผู้มีภูมิต้านทานต่ำน่าห่วง
นพ.ไพจิตร์ วราชิต
รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขอให้ประชาชนไทยอย่าตื่นตระหนกกับข่าวการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จนเกินไป เนื่องจากขณะนี้มีรายงานว่ามีประชาชนจำนวนมากที่จะเดินทางไปต่างประเทศ หาซื้อยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่เพื่อกินป้องกันเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะจะทำให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยา และไม่มียาที่จะรักษาได้อีก การใช้ยาจึงต้องอยู่ในความควบคุมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่งยานี้จะไม่มีจำหน่ายในร้านขายยาทั่วไป

ด้าน นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการที่องค์การอนามัยโลกมีความวิตกว่า กลุ่มผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ง่าย ในส่วนของผู้ติดเชื้อเอชไอวีของไทย ขอให้เคร่งครัดในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และกินยาต้านไวรัสตามที่แพทย์สั่งให้ครบ หากมีอาการป่วยให้รีบไปพบแพทย์ทำการรักษาทันที

**สั่งคุมเข้ม 14 คนไทยกลับจากเม็กซิโก
นายวิทยากล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการเตรียมความพร้อมรับกลุ่มคนไทยกลุ่มแรกที่กำลังเดินทางกลับมาจากเม็กซิโก จำนวน 14 คน ด้วยสายการบิน ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วานนี้(3 พ.ค.) นั้น สธ.จะนำรถไปรับคนไทยทั้ง 14 คนจากเครื่องบินจากนั้นเข้ากระบวนการเฝ้าระวัง ตรวจร่างกายเป็นรายบุคคล หากตรวจพบแล้วมีไข้จะต้องกักตัวไว้เพื่อเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดต่อที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร

แต่หากตรวจแล้วไม่มีไข้ กระทรวงฯมีทางเลือกให้ว่าหากต้องการอยู่ในความดูแลของกระทรวงฯ ได้จัดที่พักให้ พร้อมญาติ อีก 2 คนพักที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร 7 วัน เพื่อเฝ้าระวัง แต่หาก ต้องการกลับบ้าน จะมอบชุดเฝ้าระวังให้ประกอบด้วย หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ เครื่องวัดอุณหภูมิ

สำหรับทั้ง14 คนที่กลับมานั้นประกอบด้วยนักเรียนทุนเอเอฟเอส 7 คนมีภูมิลำเนาในจังหวัดกรุงเทพมหานคร และคณะครูที่เดินทางไปศึกษาดูงานในโครงการ เอเอฟเอส 7 คน มีภูมิลำเนา จาก 4 ภาค ของประเทศไทย และจะมีการขอรายละเอียดติดต่อผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนเครื่องบินในที่นั่งใกล้เคียงด้วย เพื่อการติดต่อภายหลัง

**ยันเด็กบุรีรัมย์แค่หวัดธรรมดา
นายวิทยา กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าเด็กวัย 11 เดือน 1 ราย ที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่จังหวัดบุรีรัมย์ หลังเดินทางกลับจากประเทศนิวซีแลนด์เมื่อ 1 พ.ค. 2552 ผลการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เมื่อเย็นวานนี้(3 พ.ค.) ไม่พบเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แต่อย่างใด สรุปว่าจนถึงขณะนี้ไทยยังไม่พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

**“มาร์ค” ยันยังไม่มีคนไทยติดหวัด2009
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ว่าขณะนี้ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า มาตรการตรวจผู้เดินทางเข้ามาในประเทศของไทย เป็นไปด้วยความรัดกุม โดยย้ำว่าขณะนี้ยังไม่พบว่ามีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทยแต่อย่างใด

ส่วนการจัดประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในวันที่ 7 และ 8 พ.ค.นี้ ที่กรุงเทพฯ ได้รับรายงานจากนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่าได้ประสานกับรัฐมนตรีสาธารณสุขของประเทศฟิลิปปินส์ ว่ามีความพร้อมที่จะเป็นประธานร่วมกัน ซึ่งการหารือครั้งนี้รัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ล้วนมีประสบการณ์ในการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อในภูมิภาคอาเซียน เช่น ไข้หวัดนก และโรคซาร์สมาก่อนแล้ว คาดว่าผลหารือจะนำมาใช้ในกลุ่มประเทศอาเซียนได้ทันที

**กทม.เรียกทุกเขตมอบนโยบาย
พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ
รองผู้ว่าฯ กทม.เปิดเผยว่า ในวันนี้ (4 พ.ค.) ทาง กทม.โดย ผู้ว่าฯกทม.ได้เชิญผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขต ตัวแทนของเทศกิจ ผู้ประกอบอาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้าง อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) อาสาสมัครสาธารณสุข มารับทราบนโยบายป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ของ กทม.และรับแจกหน้ากากอนามัย

พร้อมทั้งกำชับให้เขตพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาพักอาศัยในโรงแรม หรือเกสต์เฮาส์ ให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะ กทม.ถือเป็นศูนย์กลางการเข้ามาของชาวต่างชาติก่อนจะเดินทางออกไปต่างจังหวัดถ้า กทม.สามารถป้องกัน และล็อคตัวผู้ต้องสงสัยว่าอาจเป็นโรคได้ก็จะทำให้เชื้อโรคแพร่ไปยังต่างจังหวัดได้ยากขึ้น สำหรับหน้ากากอนามัยที่เตรียมไว้ 100,000 ชิ้น ให้ประชาชนที่ต้องการรับไว้ป้องกันตัวจากโรคนั้น มีแนวโน้มต้องจัดหาไว้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

**โพล”เผยปชช.กังวลระบาดถึงไทย
ในขณะที่ผลสำรวจอย่าง "สวนดุสิตโพล" สถาบันราชภัฎสวนดุสิต สำรวจความเห็นประชาชนต่อกรณีที่เกิดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ระบาดไปในหลายภูมิภาคทั่วโลก และมีการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนอย่างกว้างขวาง เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน ในการควบคุมโรค โดยสุ่มกระจาย 26 จังหวัด จำนวน 3,229 คน ระหว่างวันที่ 29 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2552 พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 76.93 รับรู้และมีความใส่ใจมาก เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิต สื่อมวลชนโดยเฉพาะ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์และวิทยุ นำเสนออย่างต่อเนื่อง และรู้ว่ามีความรุนแรง แพร่เชื้อได้ง่าย ทำให้ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น ฯลฯ ขณะที่ร้อยละ 17.01 รับรู้แต่ไม่ค่อยใส่ใจมากนัก เพราะคิดว่า อยู่ไกลจากประเทศไทย เคยมีโรคไข้หวัดนกเกิดขึ้นมาแล้วแต่ก็ไม่มีผลกระทบมากนัก ฯลฯ

ส่วนคำถามความวิตกกังวลนั้น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 41.19 เห็นว่าค่อนข้างวิตกกังวล เพราะแพร่ระบาดรวดเร็ว, เมืองไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว มีการเดินทางระหว่างประเทศมาก และสื่อมวลชนนำเสนอผู้เสียชีวิดและเจ็บป่วยจำนวนมาก ฯลฯ ร้อยละ 30.29 ตอบว่าไม่ค่อยกังวล ให้เหตุผลว่าทุกประเทศ รวมทั้งประเทศไทยมีการตื่นตัวในการป้องกันเป็นอย่าง ไทยยังไม่มีการแพร่ระบาด ฯลฯ และมีอยู่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 19.21 รู้สึกกังลมาก ระบุว่าเพราะต้องทำงานที่ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยว,ทำงานกับผู้ป่วยในสถานพยาบาล, มีบุตรหลานเรียน/ทำงานอยู่ต่างประเทศ ฯลฯ ขณะที่ไม่วิตกกังวลเลยมีอยู่ร้อยละ 9.31 โดยเห็นว่า อยู่ไกลประเทศไทย, รัฐบาลมีการรับมืออย่างดี และตนเองมีการระมัดระวังอย่างดีแล้ว ฯลฯ

อย่างไรก็ตามสวนดุสิตโพล ได้สอบถามความเห็นประชาชนว่าการทำหน้าที่ของหน่วยงานใดที่ทำให้เกิดความตระหนักและระมัดระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ด้วยพบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 39.12 ตอบว่ารัฐบาล เพราะมีการตื่นตัวออกมาตรการและตั้งคณะกรรมการดำเนินการเรืองนี้อย่างรวดเร็วและจริงจัง ฯลฯ รองลงไปเป็นสื่อมวลชน ร้อยละ 38.09 ระบุว่า นำเสนอข่าวให้ประชาชนรับรู้, ให้รายละเอียดและมีการนำเสนอวิธีการป้องกันอย่างกว้างขวางและต่อเนื่องฯลฯ สุดท้ายร้อยละ 22.79 ตอบว่ากระทรวงสาธารณสุข เพราะ มีการทำงานอย่างจริงจังและรวดเร็ว ฯลฯ เมื่อถามต่อว่าแล้วมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการควบคุมการแพร่ระบาดมากน้อยเพียงได้ กลุ่มตัวอย่างตอบเป็นอันดับ 1 ร้อยละ 50.51 ว่าเชื่อมั่นมาก เพราะมีการออกมาตรการป้องกันและควบคุมอย่างดี, นายกฯและคณะรัฐมนตรีมีการเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ ฯลฯ รองลงไปร้อยละ 36.79 ตอบว่าค่อนข้างเชื่อมั่น เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกและรัฐบาลก็ดำเนินการควบคุมอยู่แล้ว ฯลฯ แต่มีร้อยละ 12.70 ตอบไม่ค่อยเชื่อมั่น เพราะเห็นว่าประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว โอกาสแพร่ระบาดง่าย ฯลฯ

สิ่งที่พบว่าประชาชนคิดว่าเกิดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจาก ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 47.29 ตอบว่าเป็นเรื่องความวิตกกังวล หวาดกลัว โดยเฉพาะคนที่เป็นไข้หวัดธรรมดา และคนใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นไข้หวัด รวมทั้งคนที่ต้องติดต่อกับนักท่องเที่ยว รองลงไปร้อยละ 34.47 ตอบว่าการท่องเที่ยวโดยเฉพาะที่ต้องติดต่อกับชาวต่างชาติ ทำให้การบริการและการค้าขายในแหล่งท่องเที่ยวซบเซา รายได้ลดลง ร้อยละ 13.38 ตอบว่าการบริโภคอาหารโดยเฉพาะเนื้อหมู และร้อยละ 4.86 ตอบว่าเป็นการเดินทางโดยเฉพาะเดินทางไปต่างประเทศ

นอกจากนี้การที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสาธารณสุขอาเซียน เพื่อดำเนินการเรื่อง ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 86.25 ระบุว่าไม่อยากให้มีการประท้วงทางเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสุขอนามัยของประชาชนทั่วโลก เป็นเรื่องความเป็นความตายที่ไม่ควรนำชีวิตมนุษย์มาต่อรอง เป็นเรื่องของนานาชาติไม่เกี่ยวกับการเมืองไทย ขณะที่ร้อยละ 13.75 เห็นว่าน่าจะมีการประท้วงได้ เพราะ เป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย ฯลฯ

**เกษตรฯ สั่งจับตาหมูแคนาดาติดหวัด
นายธีระ วงศ์สมุทร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากกรณีที่ประเทศแคนาดาพบหมูป่วยเป็นไข้หวัดสายพันธุ์ H1N1 และกำลังตรวจสอบว่าเป็นตัวเดียวกับที่ระบาดขณะนี้หรือไม่นั้น จึงสั่งการให้ นายยุคล ลิ้มแหลมทอง อธิบดีกรมปศุสัตว์ติดตามข่าวสารใกล้ชิด พร้อมให้อำนาจในการสั่งระงับการนำเข้าตับหมูและเครื่องในทันที

ขณะที่อธิบดีกรมปศุสัตว์ ระบุว่า หากประเทศใดพบไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ก็จะห้ามนำเข้าหมูและผลิตภัณฑ์จากประเทศนั้น และขอยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่พบสิ่งผิดปกติในหมูไทย สามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัย
กำลังโหลดความคิดเห็น