เอเอฟพี / รอยเตอร์- เม็กซิโกประกาศลดจำนวนผู้ที่สงสัยว่าอาจเสียชีวิตเพราะติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ลงเหลือ 101 รายแล้ว แต่องค์การอนามัยโลกออกโรงเตือน ยังเป็นไปได้ที่จะเห็นการประกาศเตือนภัยยกขึ้นสู่ระดับ 6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ด้านจำนวนประเทศที่ยืนยันว่ามีผู้ติดเสีย เวลานี้เพิ่มเป็น 19 ชาติ ขณะที่พบหมูในแคนาดาติดเชื้อนี้ด้วย โดยคาดว่าติดจากคนงานที่กลับจากเม็กซิโก
** เม็กซิโกปลดจำนวนสงสัยตายจากหวัดสายพันธุ์ใหม่**
โฮเซ อังเฆล กอร์โดบา รัฐมนตรีสาธารณสุขเม็กซิโก ประกาศลดจำนวนผู้ที่ต้องสงสัยว่าเสียชีวิตเพราะติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จากเดิม 176 ราย เหลือเพียง 101 รายแล้ว เมื่อวานนี้ (3) พร้อมยืนยัน ทางการสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้แล้ว
นอกจากนั้น กอร์โดบายังแสดงความเชื่อมั่นว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในเม็กซิโกเริ่มอยู่ในภาวะคงที่แล้ว สังเกตได้จากการที่ไม่มีรายงานการพบผู้เสียชีวิตรายใหม่ในเม็กซิโกอีกเลยตลอด 48 ชั่วโมงที่ผ่านมาซึ่งแสดงว่าสถานการณ์การระบาดของโรคดังกล่าวอาจไม่ร้ายแรงอย่างที่หลายฝ่ายวิตกกันในเบื้องต้น
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีสาธารณสุขเม็กซิโก เตือนว่า ยังมีความเสี่ยงที่จะพบผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นอีก และอาจจำเป็นต้องขยายเวลาในการสั่งปิดสถานที่สาธารณะในกรุงเม็กซิโก ซิตีเป็นเวลา 5 วันออกไปอีกในบางพื้นที่
โดยขณะนี้ ข้อมูลจากทางการเม็กซิโกระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันในประเทศอยู่ที่ 397 รายเท่านั้น
** อนามัยโลกเตือนอาจยกระดับเตือนภัยระดับ 6**
องค์การอนามัยโลก หรือ “WHO” ระบุอาจต้องประกาศยกระดับเตือนภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นระดับที่ 6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่เชื้อไวรัสชนิดนี้อาจกลายพันธุ์และมีรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายเตือนภัยและตอบสนองภาวะโรคระบาด ขององค์การอนามัยโลก แถลงยืนยันว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ทั่วโลก ได้เพิ่มจำนวนจาก 365 ราย เป็น 658 รายแล้วในขณะนี้ และองค์การอนามัยโลกอาจจำเป็นต้องขยับระดับการเตือนภัยการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เป็นระดับ 6 ซึ่งหมายถึง เกิดการแพร่ระบาดลุกลามทั่วโลกในเร็ว ๆ นี้ แต่ยังคงหวังว่า เรื่องดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นจริง
ขณะเดียวกันองค์การอนามัยโลกยังแสดงความวิตกว่า ผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีอยู่ในร่างกาย เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงอย่างมากที่จะติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ เพราะเป็นกลุ่มที่มีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ โดยมีความเป็นไปได้ที่เชื้อเอชไอวีกับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ อาจรวมตัวกันกลายเป็นไวรัสชนิดใหม่ที่มีอันตรายร้ายแรง เช่นเดียวกับที่เชื้อเอชไอวีเคยรวมตัวกับเชื้อวัณโรคมาแล้ว
**ระบาดเพิ่มเป็น19ประเทศ**
เวลานี้ องค์การอนามัยโลกระบุว่า พบผู้ที่ได้รับการยืนยันว่า ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกแล้วใน 17 ประเทศ คือ เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน อังกฤษ นิวซีแลนด์ อิสราเอล เยอรมัน ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ฮ่องกงซึ่งเป็นเขตปกครองของจีน เกาหลีใต้ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ และคอสตาริกา
แต่ตามรายงานยืนยันของทางการประเทศต่างๆ เองนั้น ยังมีอีก 2 ประเทศ คือ อิตาลี และ โคลอมเบีย รวมแล้วเป็น 19 ชาติ
** อนามัยโลกยันเอเชียระบาดในวงจำกัด**
ปีเตอร์ คอร์ดิงลีย์ โฆษกขององค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นแปซิฟิกตะวันตก เปิดเผยว่า ผู้ได้รับเชื้อไวรัสชนิด เอ (เอช1เอ็น1) ซึ่งเป็นสาเหตุของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั้งในฮ่องกงและเกาหลีใต้ ล้วนเป็นผู้ที่เดินทางมาจากเม็กซิโกทั้งสิ้น ดังนั้น จึงอาจสรุปได้ว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้มายังเอเชียนี้ยังอยู่ในวงจำกัด
คอร์ดิงลีย์ ระบุว่า จนถึงขณะนี้ ทวีปเอเชียมีเพียงฮ่องกงและเกาหลีใต้เท่านั้น ที่มีรายงานยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ และถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับในเม็กซิโก สหรัฐฯ และในยุโรป ซึ่งสาเหตุสำคัญก็น่าจะมาจากการที่ประเทศต่างๆในเอเชียเคยมีประสบการณ์ในการรับมือกับโรคซาร์ส และโรคไข้หวัดนกมาแล้ว ทำให้สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในครั้งนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม คอร์ดิงลีย์เตือนว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ถึงขั้นลุกลามกลายเป็นโรคระบาดเต็มรูปแบบ ยังเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ รัฐบาลของทุกประเทศในเอเชีย จึงยังคงต้องเตรียมการรับมือให้พร้อม
**เม็กซิโกโวยจีนกักตัวเม็กซิกันไม่ได้ติดเชื้อ**
ฮอร์เฆ กวาฮาร์โด เอกอัครราชทูตเม็กซิโกประจำกรุงปักกิ่ง เปิดเผยว่า ชาวเม็กซิกันราว 50 คนถูกทางการจีนกักตัวไว้ในสถานที่ต่างๆ กันในหลายเมืองอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด
ในจำนวนชาวเม็กซิกันที่ถูกจีนควบคุมตัวไว้ มีประมาณ 10 คน ที่ถูกกักตัวอยู่ในกรุงปักกิ่ง ส่วนอีก 35 คนถูกกักอยู่ในนครเซี่ยงไฮ้ อีก 6 คนถูกกักตัวอยู่ในเมืองกวางโจว และอีก 6 คนในฮ่องกง โดยล่าสุด กวาฮาร์โดและคณะ เพิ่งได้รับอนุญาตจากทางการจีน ให้เข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่กักกันตัวชาวเม็กซิกันได้แล้ว
นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่า นักการทูตชาวเม็กซิกันคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่เมืองกวางโจว ถูกเจ้าหน้าที่ของจีนควบคุมตัวไปตรวจไข้หวัดเป็นกรณีพิเศษหลังกลับมาจากกัมพูชา เพียงเพราะเขาเป็นชาวเม็กซิกัน ทั้งๆ ที่กัมพูชาก็ไม่มีรายงานยืนยันผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด
ปาตริเซีย เอสปิโนซา กันเตยาโน รัฐมนตรีต่างประเทศเม็กซิโก ออกมาแนะนำให้ชาวเม็กซิกันหลีกเลี่ยงการเดินทางไปจีน เนื่องจากรัฐบาลจีนปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมด้วยการควบคุมตัวชาวเม็กซิกันที่ไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ พร้อมแสดงความกังวลว่าการกระทำของทางการจีน อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ
โดยในขณะนี้ กระทรวงต่างประเทศเม็กซิโกได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตจีน ประจำเม็กซิโกมาอธิบายจุดยืนของรัฐบาลจีนที่มีต่อเรื่องนี้แล้ว
ทางด้านโฆษกกระทรวงสาธารณสุขจีนแถลงที่กรุงปักกิ่งว่า มีความจำเป็นต้องใช้มาตรการป้องกันเป็นพิเศษ ภายหลังพบชายชาวเม็กซิโกติดเชื้อไวรัสเอช1เอ็น1ที่ฮ่องกง เพราะเป็นเครื่องยืนยันว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นแล้วที่เชื้อร้ายนี้กำลังเข้าสู่ประเทศจีน ทั้งนี้ ในคำแนะนำวิธีปฏิบัติของกระทรวง ก็กำหนดให้กักกันโรคผู้ที่ “สัมผัสใกล้ชิด” กับไวรัสทุกๆ คน
** หวัดพันธุ์ใหม่อาจมีต้นตอจากสหรัฐฯ
สกอตต์ ไบรอัน โฆษกศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐ หรือซีดีซี แถลงว่า อาจมีความเป็นไปได้ว่า เชื้อไวรัส เอ (เอช1 เอ็น1) ที่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ซึ่งกำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ อาจมีต้นตอการระบาดมาจากมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ มากกว่าที่จะเกิดขึ้นในเม็กซิโก
ไบรอัน ระบุว่า จากผลการสอบสวนในเบื้องต้นของซีดีซี พบว่า มีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดดังกล่าวหลายรายในมลรัฐแคลิฟอร์เนียตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมแล้ว ก่อนที่จะพบการแพร่ระบาดในเม็กซิโก
ไบรอัน ยังกล่าวว่า ผู้ติดเชื้อที่ซีดีซีพบในมลรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมนั้น ไม่เคยเดินทางไปยังเม็กซิโก และในจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ที่ได้รับการตรวจยืนยันแล้ว 160 รายใน 21 มลรัฐของสหรัฐฯ นั้น มีถึง 2 ใน 3 ที่ไม่เคยเดินทางไปเม็กซิโกเลย เช่นกัน ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ว่า ต้นตอของการระบาดที่แท้จริงอาจอยู่ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ
นอกจากนั้น ไบรอัน ยังเสริมว่า ยังมีรายงานที่ระบุว่า เคยพบผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อชนิดนี้ในสหรัฐฯ ถึง 12 ราย ที่มีผลการตรวจออกมาเป็น “บวก” นับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2005 ถึงเดือนมกราคมที่ผ่านมาอีกด้วย
** พบเชื้อไวรัสเอช1 เอ็น1 ในหมูที่แคนาดา
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแคนาดา กล่าวว่า พบเชื้อไวรัสเอช1 เอ็น1 ในหมูราว 200 ตัวที่ฟาร์มแห่งหนึ่ง ในรัฐอัลเบอร์ตาของแคนาดา โดยเป็นการพบเชื้อในสุกรเป็นครั้งแรกของประเทศแต่ยืนยันว่า การพบเชื้อดังกล่าวในหมูไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่ออุตสาหกรรมอาหาร
สำนักงานตรวจสอบอาหารของแคนาดาระบุว่า โอกาสที่หมูจะแพร่เชื้อไวรัสมาสู่คนได้นั้นยังไม่ใช่เวลาอันใกล้นี้ และเนื้อหมูของแคนาดามีความปลอดภัยสำหรับการบริโภค แม้ว่าล่าสุดทางการฟิลิปปินส์ ยูเครน เอล ซัลวาดอร์ และฮอนดูรัส จะสั่งระงับการนำเข้าเนื้อหมูจากแคนาดาเป็นการชั่วคราวแล้วก็ตาม
รายงานข่าวระบุว่า คาดว่าหมูทั้ง 200 ตัวในอัลเบอร์ตา น่าจะได้รับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ เอช 1 เอ็น 1 มาจากคนงานในฟาร์ม ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากเม็กซิโก และมีอาการป่วย
** เม็กซิโกปลดจำนวนสงสัยตายจากหวัดสายพันธุ์ใหม่**
โฮเซ อังเฆล กอร์โดบา รัฐมนตรีสาธารณสุขเม็กซิโก ประกาศลดจำนวนผู้ที่ต้องสงสัยว่าเสียชีวิตเพราะติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จากเดิม 176 ราย เหลือเพียง 101 รายแล้ว เมื่อวานนี้ (3) พร้อมยืนยัน ทางการสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้แล้ว
นอกจากนั้น กอร์โดบายังแสดงความเชื่อมั่นว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในเม็กซิโกเริ่มอยู่ในภาวะคงที่แล้ว สังเกตได้จากการที่ไม่มีรายงานการพบผู้เสียชีวิตรายใหม่ในเม็กซิโกอีกเลยตลอด 48 ชั่วโมงที่ผ่านมาซึ่งแสดงว่าสถานการณ์การระบาดของโรคดังกล่าวอาจไม่ร้ายแรงอย่างที่หลายฝ่ายวิตกกันในเบื้องต้น
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีสาธารณสุขเม็กซิโก เตือนว่า ยังมีความเสี่ยงที่จะพบผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นอีก และอาจจำเป็นต้องขยายเวลาในการสั่งปิดสถานที่สาธารณะในกรุงเม็กซิโก ซิตีเป็นเวลา 5 วันออกไปอีกในบางพื้นที่
โดยขณะนี้ ข้อมูลจากทางการเม็กซิโกระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันในประเทศอยู่ที่ 397 รายเท่านั้น
** อนามัยโลกเตือนอาจยกระดับเตือนภัยระดับ 6**
องค์การอนามัยโลก หรือ “WHO” ระบุอาจต้องประกาศยกระดับเตือนภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นระดับที่ 6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่เชื้อไวรัสชนิดนี้อาจกลายพันธุ์และมีรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายเตือนภัยและตอบสนองภาวะโรคระบาด ขององค์การอนามัยโลก แถลงยืนยันว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ทั่วโลก ได้เพิ่มจำนวนจาก 365 ราย เป็น 658 รายแล้วในขณะนี้ และองค์การอนามัยโลกอาจจำเป็นต้องขยับระดับการเตือนภัยการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เป็นระดับ 6 ซึ่งหมายถึง เกิดการแพร่ระบาดลุกลามทั่วโลกในเร็ว ๆ นี้ แต่ยังคงหวังว่า เรื่องดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นจริง
ขณะเดียวกันองค์การอนามัยโลกยังแสดงความวิตกว่า ผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีอยู่ในร่างกาย เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงอย่างมากที่จะติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ เพราะเป็นกลุ่มที่มีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ โดยมีความเป็นไปได้ที่เชื้อเอชไอวีกับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ อาจรวมตัวกันกลายเป็นไวรัสชนิดใหม่ที่มีอันตรายร้ายแรง เช่นเดียวกับที่เชื้อเอชไอวีเคยรวมตัวกับเชื้อวัณโรคมาแล้ว
**ระบาดเพิ่มเป็น19ประเทศ**
เวลานี้ องค์การอนามัยโลกระบุว่า พบผู้ที่ได้รับการยืนยันว่า ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกแล้วใน 17 ประเทศ คือ เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน อังกฤษ นิวซีแลนด์ อิสราเอล เยอรมัน ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ฮ่องกงซึ่งเป็นเขตปกครองของจีน เกาหลีใต้ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ และคอสตาริกา
แต่ตามรายงานยืนยันของทางการประเทศต่างๆ เองนั้น ยังมีอีก 2 ประเทศ คือ อิตาลี และ โคลอมเบีย รวมแล้วเป็น 19 ชาติ
** อนามัยโลกยันเอเชียระบาดในวงจำกัด**
ปีเตอร์ คอร์ดิงลีย์ โฆษกขององค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นแปซิฟิกตะวันตก เปิดเผยว่า ผู้ได้รับเชื้อไวรัสชนิด เอ (เอช1เอ็น1) ซึ่งเป็นสาเหตุของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั้งในฮ่องกงและเกาหลีใต้ ล้วนเป็นผู้ที่เดินทางมาจากเม็กซิโกทั้งสิ้น ดังนั้น จึงอาจสรุปได้ว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้มายังเอเชียนี้ยังอยู่ในวงจำกัด
คอร์ดิงลีย์ ระบุว่า จนถึงขณะนี้ ทวีปเอเชียมีเพียงฮ่องกงและเกาหลีใต้เท่านั้น ที่มีรายงานยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ และถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับในเม็กซิโก สหรัฐฯ และในยุโรป ซึ่งสาเหตุสำคัญก็น่าจะมาจากการที่ประเทศต่างๆในเอเชียเคยมีประสบการณ์ในการรับมือกับโรคซาร์ส และโรคไข้หวัดนกมาแล้ว ทำให้สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในครั้งนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม คอร์ดิงลีย์เตือนว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ถึงขั้นลุกลามกลายเป็นโรคระบาดเต็มรูปแบบ ยังเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ รัฐบาลของทุกประเทศในเอเชีย จึงยังคงต้องเตรียมการรับมือให้พร้อม
**เม็กซิโกโวยจีนกักตัวเม็กซิกันไม่ได้ติดเชื้อ**
ฮอร์เฆ กวาฮาร์โด เอกอัครราชทูตเม็กซิโกประจำกรุงปักกิ่ง เปิดเผยว่า ชาวเม็กซิกันราว 50 คนถูกทางการจีนกักตัวไว้ในสถานที่ต่างๆ กันในหลายเมืองอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด
ในจำนวนชาวเม็กซิกันที่ถูกจีนควบคุมตัวไว้ มีประมาณ 10 คน ที่ถูกกักตัวอยู่ในกรุงปักกิ่ง ส่วนอีก 35 คนถูกกักอยู่ในนครเซี่ยงไฮ้ อีก 6 คนถูกกักตัวอยู่ในเมืองกวางโจว และอีก 6 คนในฮ่องกง โดยล่าสุด กวาฮาร์โดและคณะ เพิ่งได้รับอนุญาตจากทางการจีน ให้เข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่กักกันตัวชาวเม็กซิกันได้แล้ว
นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่า นักการทูตชาวเม็กซิกันคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่เมืองกวางโจว ถูกเจ้าหน้าที่ของจีนควบคุมตัวไปตรวจไข้หวัดเป็นกรณีพิเศษหลังกลับมาจากกัมพูชา เพียงเพราะเขาเป็นชาวเม็กซิกัน ทั้งๆ ที่กัมพูชาก็ไม่มีรายงานยืนยันผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด
ปาตริเซีย เอสปิโนซา กันเตยาโน รัฐมนตรีต่างประเทศเม็กซิโก ออกมาแนะนำให้ชาวเม็กซิกันหลีกเลี่ยงการเดินทางไปจีน เนื่องจากรัฐบาลจีนปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมด้วยการควบคุมตัวชาวเม็กซิกันที่ไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ พร้อมแสดงความกังวลว่าการกระทำของทางการจีน อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ
โดยในขณะนี้ กระทรวงต่างประเทศเม็กซิโกได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตจีน ประจำเม็กซิโกมาอธิบายจุดยืนของรัฐบาลจีนที่มีต่อเรื่องนี้แล้ว
ทางด้านโฆษกกระทรวงสาธารณสุขจีนแถลงที่กรุงปักกิ่งว่า มีความจำเป็นต้องใช้มาตรการป้องกันเป็นพิเศษ ภายหลังพบชายชาวเม็กซิโกติดเชื้อไวรัสเอช1เอ็น1ที่ฮ่องกง เพราะเป็นเครื่องยืนยันว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นแล้วที่เชื้อร้ายนี้กำลังเข้าสู่ประเทศจีน ทั้งนี้ ในคำแนะนำวิธีปฏิบัติของกระทรวง ก็กำหนดให้กักกันโรคผู้ที่ “สัมผัสใกล้ชิด” กับไวรัสทุกๆ คน
** หวัดพันธุ์ใหม่อาจมีต้นตอจากสหรัฐฯ
สกอตต์ ไบรอัน โฆษกศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐ หรือซีดีซี แถลงว่า อาจมีความเป็นไปได้ว่า เชื้อไวรัส เอ (เอช1 เอ็น1) ที่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ซึ่งกำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ อาจมีต้นตอการระบาดมาจากมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ มากกว่าที่จะเกิดขึ้นในเม็กซิโก
ไบรอัน ระบุว่า จากผลการสอบสวนในเบื้องต้นของซีดีซี พบว่า มีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดดังกล่าวหลายรายในมลรัฐแคลิฟอร์เนียตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมแล้ว ก่อนที่จะพบการแพร่ระบาดในเม็กซิโก
ไบรอัน ยังกล่าวว่า ผู้ติดเชื้อที่ซีดีซีพบในมลรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมนั้น ไม่เคยเดินทางไปยังเม็กซิโก และในจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ที่ได้รับการตรวจยืนยันแล้ว 160 รายใน 21 มลรัฐของสหรัฐฯ นั้น มีถึง 2 ใน 3 ที่ไม่เคยเดินทางไปเม็กซิโกเลย เช่นกัน ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ว่า ต้นตอของการระบาดที่แท้จริงอาจอยู่ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ
นอกจากนั้น ไบรอัน ยังเสริมว่า ยังมีรายงานที่ระบุว่า เคยพบผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อชนิดนี้ในสหรัฐฯ ถึง 12 ราย ที่มีผลการตรวจออกมาเป็น “บวก” นับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2005 ถึงเดือนมกราคมที่ผ่านมาอีกด้วย
** พบเชื้อไวรัสเอช1 เอ็น1 ในหมูที่แคนาดา
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแคนาดา กล่าวว่า พบเชื้อไวรัสเอช1 เอ็น1 ในหมูราว 200 ตัวที่ฟาร์มแห่งหนึ่ง ในรัฐอัลเบอร์ตาของแคนาดา โดยเป็นการพบเชื้อในสุกรเป็นครั้งแรกของประเทศแต่ยืนยันว่า การพบเชื้อดังกล่าวในหมูไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่ออุตสาหกรรมอาหาร
สำนักงานตรวจสอบอาหารของแคนาดาระบุว่า โอกาสที่หมูจะแพร่เชื้อไวรัสมาสู่คนได้นั้นยังไม่ใช่เวลาอันใกล้นี้ และเนื้อหมูของแคนาดามีความปลอดภัยสำหรับการบริโภค แม้ว่าล่าสุดทางการฟิลิปปินส์ ยูเครน เอล ซัลวาดอร์ และฮอนดูรัส จะสั่งระงับการนำเข้าเนื้อหมูจากแคนาดาเป็นการชั่วคราวแล้วก็ตาม
รายงานข่าวระบุว่า คาดว่าหมูทั้ง 200 ตัวในอัลเบอร์ตา น่าจะได้รับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ เอช 1 เอ็น 1 มาจากคนงานในฟาร์ม ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากเม็กซิโก และมีอาการป่วย