เอเอฟพี/รอยเตอร์-- หนุ่มตกงานวัย 38 ควบเก๋งด้วยความเร็วหมายพุ่งชนขบวนเสด็จของพระราชินีเบียทริกซ์ แห่งเนเธอร์แลนด์ เกิดเสียหลักทะยานเข้าบดฝูงชนกระเด็นกระดอน ก่อนจะเลยไปชนอนุสาวรีย์แห่งหนึ่งในวันพฤหัสบดี (30 เม.ย.) ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุจำนวน 5 คน บาดเจ็บ 13 นับเป็นโศกนาฏกรรมระดับชาติ
คนร้ายที่ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อ และได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ศีรษะในปฏิบัติการช็อกประเทศ ได้เสียชีวิตในโรงพยาบาลเวลาต่อมา
สมเด็จพระราชินีแห่งเนเธอร์แลนด์ ทรงทอดพระเนตรเหตุการณ์ในอาการตกพระทัยจากรถบัสเปิดประทุนที่ตกเป็นเป้าหมาย เช่นเดียวกันกับองค์มกุฎราชกุมารวิลเล็ม อเล็กซานเดอร์ เจ้าหญิงแม็กซิมา พระชายาขององค์มกุฎราชกุมาร ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นๆ
หนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ในเนเธอร์แลนด์ต่างชี้ว่า ถึงเวลาที่ประเทศจะต้องทบทวนเรื่องความปลอดภัยของพระราชวงศ์
การจู่โจมครั้งนี้เกิดขึ้นต่อหน้าผู้คนนับหมื่นๆ กล้องโทรทัศน์เก็บภาพเหตุการณ์ได้ตลอด ภาพบนจอแสดงให้เห็นพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ทรงปิดพระโอฐด้วยพระหัตถ์ แสดงพระอาการตื่นตระหนกต่อสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ไกลออกไป แจน ปีเตอร์ บาลเคเนนเด นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่าเหตุการณ์นี้ "ทำให้ทั้งประเทศช็อก"
สมเด็จพระราชินีเบียทริกซ์ ทรงออกรายการโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ ในค่ำวันเดียวกัน มีพระราชกระแสแสดงความตระหนกและเสียพระทัยต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
"สิ่งที่เริ่มต้นเป็นวันหนึ่งที่สวยงาม ได้จบลงเป็นความน่าสะพรึงกลัว ที่ทำให้พวกเราตกใจอย่างรุนแรง" สมเด็จพระราชินีที่ทรงมีพระชนมายุ 71 พรรษา ตรัสกับพสกนิการผ่านโทรทัศน์แห่งชาติ
เฟรด เด กราฟ นายกเทศมนตรีเมืองเอเพลดูร์น กล่าวว่าปฏิบัติการของหนุ่มนิรนามครั้งนี้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 13 คน นั้น 5 คนอาการสาหัส ผู้ได้รับบาดเจ็บยังมีเด็กอายุ 15 กับ 16 ปีรวมอยู่ด้วย
ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 คน อีก 4 คนเสียชีวิตในโรงพยาบาล และผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 13 คน ซึงในนั้นมี 5 คนอาการสาหัส ถูกนำส่งโรงพยาบาลจำนวน 6 แห่ง จนถึงวานนี้มีผู้บาดเจ็บ 9 คนยังรับการรักษาต่อไป
เหตุเกิดเวลาประมาณเที่ยงวันตามเวลาในท้องถิ่น (ประมาณ 17:00 วันเดียวกันตามเวลาในประเทศไทย) เจ้าหน้าที่กล่าวว่า รถเก๋งของคนร้ายพลาดรถพระที่นั่งไปเพียงประมาณ 4-5 เมตร
ลูเดอร์ กูสเสนส์ อัยการแห่งรัฐกล่าวว่า ชายผู้ก่อการได้บอกกับเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมตัวว่า มีเป้าหมายจะพุ่งเข้าชนรถบัสเปิดพระทุน ที่สมเด็จพระราชินีกับพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงประทับ แต่พลาดเป้าและเสียหลักไปชนผู้คนที่กำลังเฝ้าติดตามขบวนแห่อยู่ริมถนน
เขาถูกตำรวจควบคุมตัวขณะได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ด้านท้ายของรถ และถูกตั้งขอหาทำการประทุษร้ายต่อองค์พระประมุข และพระบรมวงศานุวงศ์
คนร้ายถูกนำเข้ารักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเวลาต่อมา และเสียชีวิตลงที่นั่นเนื่องจากการบาดเจ็บที่ศีรษะเพราะถูกกระทบอย่างรุนแรงในขณะปฏิบัติการ สื่อในเนเธอร์แลนด์รายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ค้นบ้านพักของคนร้ายเพื่อหาหลักฐานอื่นๆ ตลอดจนสาเหตุจูงใจอื่นๆ แต่ก็ไม่พบอะไร ไม่มีวัตถุระเบิด ตำรวจจึงไม่เชื่อว่าเรื่องนี้จะเชื่อมโยงกับการก่อการร้าย
เจ้าของของบ้านเช่ากล่าวว่า หนุ่มใหญ่คนนี้บอกว่าถูกเลิกจ้างและไม่สามารถจะจ่ายเงินค่าเช่าได้ต่อไป วันที่เขาก่อการเป็นวันที่จะต้องนำกุญแจห้องพักไปส่งให้แก่ผู้ที่เช่าห้องต่อ ทั้งเจ้าของบ้านเช่าและเพื่อนบ้านกล่าวว่า เขาเป็นคนที่มีบุคลิกเงียบขรึม ชอบเก็บตัว แต่ก็เป็นมิตร พูดเสียงเบา และ มักจะกลับบ้านเวลากลางคืน
หนังสือพิมพ์ในเนเธอร์แลนด์ฉบับวานนี้ทุกฉบับได้ตีพิมพ์ภาพเหตุการณ์รถพุ่งชนประชาชนที่กำลังเฝ้าดูขบวนเสด็จของสมเด็จพระราชินี ภาพผู้เสียชีวิตและคนเจ็บที่นอนระเนระนาดหลังรถยนต์นั่งยี่ห้อซูซูกิสีดำพุ่งเข้าชน
เกือบทุกฉบับรวมทั้งนักจัดรายการทางโทรทัศน์ต่างๆ ได้วิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้น เกือบทุกสำนักเห็นพ้องกันว่าอาจจะถึงเวลาต้องทบทวนเอาใจใส่เรื่องความมั่นคงปลอดภัยของบรรดาสมาชิกพระราชวงศ์มากขึ้น
วันที่ 30 เม.ย.ของทุกปีซึ่งเป็น "วันสมเด็จพระราชินี" (The Queen's Day) อันหมายถึงวันพระราชสมภพของอดีตสมเด็จพระราชินีจูเลียนา พระราชมารดาแห่งพระราชินีเบียทริกซ์ ชาวดัตช์นับแสนๆ คนจะไปเฝ้าชมขบวนแห่ เพราะเป็นโอกาสที่จะได้ชมพระบารมีของสมเด็จพระราชินีตลอดจนพระบรมวงศานุวงษ์แห่งราชวงศ์โอเรนจ์ ใกล้ชิดที่สุด
พสกนิกรพากันใส่วิกผมสีส้ม หรือสวมหมวกสีเดียวกัน แต่งกายอย่างงดงามเพื่อร่วมการเฉลิมฉลองวันสำคัญเช่นทุกปีที่ผ่านมา และ พากันยืนสองข้างทางรอชมขบวนเสด็จที่เคลื่อนไปยังพระราชวังเอเพลดูร์น โดยไม่เคยคาดคิดว่าเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงใดๆ
"ภาพหนึ่งได้สิ้นสุดลงในวันที่ 30 เมษายน 2552 นั่นก็คือ โอกาสที่จะได้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิดพระราชวงศ์โอเรนจ์ในวันแห่งพระราชินี" หนังสือพิมพ์โวลค์สกรันต์ กล่าวในฉบับวานนี้ ขณะที่หนังสือพิมพ์อัลเยมีน ดักบลัด เสนอให้รัฐบาลทบทวนขบวนการถวายความปลอดภัยแด่พระราชวงศ์
เนเธอร์แลนด์ได้ชื่อเป็นดินแดนที่สังคมมีความปลอดภัย และสงบเรียบร้อยมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ไม่เคยเกิดเรื่องร้ายแรงกับสมเด็จพระราชินีและพระราชวงศ์มาก่อน ขณะที่ชาวดัตช์ต่างเทิดทูนและภาคภูมิใจในสถาบันกษัตริย์ของประเทศ
การประทุษร้ายต่อพระบรมวงศานุวงศ์ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2127 หรือ 325 ปีมาแล้ว เมื่อเจ้าชายวิลเลียมที่ 1 แห่งโอเรนจ์ ที่ทรงก่อตั้งพระราชวงศ์โอเรนจ์ ถูกลอบปลงพระชนม์
อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่ปีมานี้ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เนเธอร์แลนด์เสื่อมเสียฐานะดินแดนแห่งความปลอดภัยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ เมื่อปี 2545 นักการเมืองฝ่ายขวาของประเทศที่มีนโยบายต่อต้านชาวต่างชาติถูกลอบสังหาร และ อีกสองปีต่อมา เธโอ แวน โก๊ะ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ก็ถูกสังหารอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีบางฝ่ายเชื่อว่าเป็นฝีมือของพวกหัวรุนแรงมุสลิม
คนร้ายที่ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อ และได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ศีรษะในปฏิบัติการช็อกประเทศ ได้เสียชีวิตในโรงพยาบาลเวลาต่อมา
สมเด็จพระราชินีแห่งเนเธอร์แลนด์ ทรงทอดพระเนตรเหตุการณ์ในอาการตกพระทัยจากรถบัสเปิดประทุนที่ตกเป็นเป้าหมาย เช่นเดียวกันกับองค์มกุฎราชกุมารวิลเล็ม อเล็กซานเดอร์ เจ้าหญิงแม็กซิมา พระชายาขององค์มกุฎราชกุมาร ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นๆ
หนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ในเนเธอร์แลนด์ต่างชี้ว่า ถึงเวลาที่ประเทศจะต้องทบทวนเรื่องความปลอดภัยของพระราชวงศ์
การจู่โจมครั้งนี้เกิดขึ้นต่อหน้าผู้คนนับหมื่นๆ กล้องโทรทัศน์เก็บภาพเหตุการณ์ได้ตลอด ภาพบนจอแสดงให้เห็นพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ทรงปิดพระโอฐด้วยพระหัตถ์ แสดงพระอาการตื่นตระหนกต่อสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ไกลออกไป แจน ปีเตอร์ บาลเคเนนเด นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่าเหตุการณ์นี้ "ทำให้ทั้งประเทศช็อก"
สมเด็จพระราชินีเบียทริกซ์ ทรงออกรายการโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ ในค่ำวันเดียวกัน มีพระราชกระแสแสดงความตระหนกและเสียพระทัยต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
"สิ่งที่เริ่มต้นเป็นวันหนึ่งที่สวยงาม ได้จบลงเป็นความน่าสะพรึงกลัว ที่ทำให้พวกเราตกใจอย่างรุนแรง" สมเด็จพระราชินีที่ทรงมีพระชนมายุ 71 พรรษา ตรัสกับพสกนิการผ่านโทรทัศน์แห่งชาติ
เฟรด เด กราฟ นายกเทศมนตรีเมืองเอเพลดูร์น กล่าวว่าปฏิบัติการของหนุ่มนิรนามครั้งนี้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 13 คน นั้น 5 คนอาการสาหัส ผู้ได้รับบาดเจ็บยังมีเด็กอายุ 15 กับ 16 ปีรวมอยู่ด้วย
ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 คน อีก 4 คนเสียชีวิตในโรงพยาบาล และผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 13 คน ซึงในนั้นมี 5 คนอาการสาหัส ถูกนำส่งโรงพยาบาลจำนวน 6 แห่ง จนถึงวานนี้มีผู้บาดเจ็บ 9 คนยังรับการรักษาต่อไป
เหตุเกิดเวลาประมาณเที่ยงวันตามเวลาในท้องถิ่น (ประมาณ 17:00 วันเดียวกันตามเวลาในประเทศไทย) เจ้าหน้าที่กล่าวว่า รถเก๋งของคนร้ายพลาดรถพระที่นั่งไปเพียงประมาณ 4-5 เมตร
ลูเดอร์ กูสเสนส์ อัยการแห่งรัฐกล่าวว่า ชายผู้ก่อการได้บอกกับเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมตัวว่า มีเป้าหมายจะพุ่งเข้าชนรถบัสเปิดพระทุน ที่สมเด็จพระราชินีกับพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงประทับ แต่พลาดเป้าและเสียหลักไปชนผู้คนที่กำลังเฝ้าติดตามขบวนแห่อยู่ริมถนน
เขาถูกตำรวจควบคุมตัวขณะได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ด้านท้ายของรถ และถูกตั้งขอหาทำการประทุษร้ายต่อองค์พระประมุข และพระบรมวงศานุวงศ์
คนร้ายถูกนำเข้ารักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเวลาต่อมา และเสียชีวิตลงที่นั่นเนื่องจากการบาดเจ็บที่ศีรษะเพราะถูกกระทบอย่างรุนแรงในขณะปฏิบัติการ สื่อในเนเธอร์แลนด์รายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ค้นบ้านพักของคนร้ายเพื่อหาหลักฐานอื่นๆ ตลอดจนสาเหตุจูงใจอื่นๆ แต่ก็ไม่พบอะไร ไม่มีวัตถุระเบิด ตำรวจจึงไม่เชื่อว่าเรื่องนี้จะเชื่อมโยงกับการก่อการร้าย
เจ้าของของบ้านเช่ากล่าวว่า หนุ่มใหญ่คนนี้บอกว่าถูกเลิกจ้างและไม่สามารถจะจ่ายเงินค่าเช่าได้ต่อไป วันที่เขาก่อการเป็นวันที่จะต้องนำกุญแจห้องพักไปส่งให้แก่ผู้ที่เช่าห้องต่อ ทั้งเจ้าของบ้านเช่าและเพื่อนบ้านกล่าวว่า เขาเป็นคนที่มีบุคลิกเงียบขรึม ชอบเก็บตัว แต่ก็เป็นมิตร พูดเสียงเบา และ มักจะกลับบ้านเวลากลางคืน
หนังสือพิมพ์ในเนเธอร์แลนด์ฉบับวานนี้ทุกฉบับได้ตีพิมพ์ภาพเหตุการณ์รถพุ่งชนประชาชนที่กำลังเฝ้าดูขบวนเสด็จของสมเด็จพระราชินี ภาพผู้เสียชีวิตและคนเจ็บที่นอนระเนระนาดหลังรถยนต์นั่งยี่ห้อซูซูกิสีดำพุ่งเข้าชน
เกือบทุกฉบับรวมทั้งนักจัดรายการทางโทรทัศน์ต่างๆ ได้วิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้น เกือบทุกสำนักเห็นพ้องกันว่าอาจจะถึงเวลาต้องทบทวนเอาใจใส่เรื่องความมั่นคงปลอดภัยของบรรดาสมาชิกพระราชวงศ์มากขึ้น
วันที่ 30 เม.ย.ของทุกปีซึ่งเป็น "วันสมเด็จพระราชินี" (The Queen's Day) อันหมายถึงวันพระราชสมภพของอดีตสมเด็จพระราชินีจูเลียนา พระราชมารดาแห่งพระราชินีเบียทริกซ์ ชาวดัตช์นับแสนๆ คนจะไปเฝ้าชมขบวนแห่ เพราะเป็นโอกาสที่จะได้ชมพระบารมีของสมเด็จพระราชินีตลอดจนพระบรมวงศานุวงษ์แห่งราชวงศ์โอเรนจ์ ใกล้ชิดที่สุด
พสกนิกรพากันใส่วิกผมสีส้ม หรือสวมหมวกสีเดียวกัน แต่งกายอย่างงดงามเพื่อร่วมการเฉลิมฉลองวันสำคัญเช่นทุกปีที่ผ่านมา และ พากันยืนสองข้างทางรอชมขบวนเสด็จที่เคลื่อนไปยังพระราชวังเอเพลดูร์น โดยไม่เคยคาดคิดว่าเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงใดๆ
"ภาพหนึ่งได้สิ้นสุดลงในวันที่ 30 เมษายน 2552 นั่นก็คือ โอกาสที่จะได้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิดพระราชวงศ์โอเรนจ์ในวันแห่งพระราชินี" หนังสือพิมพ์โวลค์สกรันต์ กล่าวในฉบับวานนี้ ขณะที่หนังสือพิมพ์อัลเยมีน ดักบลัด เสนอให้รัฐบาลทบทวนขบวนการถวายความปลอดภัยแด่พระราชวงศ์
เนเธอร์แลนด์ได้ชื่อเป็นดินแดนที่สังคมมีความปลอดภัย และสงบเรียบร้อยมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ไม่เคยเกิดเรื่องร้ายแรงกับสมเด็จพระราชินีและพระราชวงศ์มาก่อน ขณะที่ชาวดัตช์ต่างเทิดทูนและภาคภูมิใจในสถาบันกษัตริย์ของประเทศ
การประทุษร้ายต่อพระบรมวงศานุวงศ์ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2127 หรือ 325 ปีมาแล้ว เมื่อเจ้าชายวิลเลียมที่ 1 แห่งโอเรนจ์ ที่ทรงก่อตั้งพระราชวงศ์โอเรนจ์ ถูกลอบปลงพระชนม์
อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่ปีมานี้ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เนเธอร์แลนด์เสื่อมเสียฐานะดินแดนแห่งความปลอดภัยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ เมื่อปี 2545 นักการเมืองฝ่ายขวาของประเทศที่มีนโยบายต่อต้านชาวต่างชาติถูกลอบสังหาร และ อีกสองปีต่อมา เธโอ แวน โก๊ะ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ก็ถูกสังหารอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีบางฝ่ายเชื่อว่าเป็นฝีมือของพวกหัวรุนแรงมุสลิม