สทท.เรียกสมาชิกถกกลางเดือน พ.ค. พร้อมประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยอีกครั้งหลังรัฐบาลยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแต่ก็ยังมีสถานการณ์ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์เม็กซิโกมาซ้ำ แต่เชื่อสิ้นปีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติแตะ 11 ล้านคน เพิ่มจากที่ประเมินไว้เมื่อช่วงหลังสงกรานต์
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า กลางเดือน พ.ค.นี้จะเรียกประชุมคณะกรรมการ สทท. เพื่อประมวนสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะการระบาดของไข้หวัดสายพันธ์เม็กซิโกจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยมากน้อยเพียงใด
“การประชุมครั้งนี้เราจะมาติดตามการทำงานของรัฐบาลด้วยว่า จาก 17 มาตรการฟื้นท่องเที่ยวที่สทท.นำเสนอไปนั้น รัฐได้ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง”
อย่างไรก็ตามจากการประกาศยกเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในช่วงสัปดาห์ก่อน จะช่วยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ขณะนี้ สทท.มองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2552 ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยน่าจะได้ถึง 11 ล้านคน แต่ไม่ถึง 12 ล้านคน เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ประเมินว่าจะได้เพียง 10.8 ล้านคน
นายกงกฤช กล่าวว่า จะขอใช้เวลาอีก 2-3 สัปดาห์ว่าการประชุม ครม.จะมีการหยิบยก 17 มาตรการฟื้นท่องเที่ยว ที่สททท.เสนอไปนั้นขึ้นมาพิจารณาใช้บ้างหรือไม่ จึงจะประเมินได้ว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยจะเป็นไปในทิศทางไหน ขณะเดียวกันก็อย่าวางใจการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์เม็กซิโก โดยรัฐต้องเข้มงวดกับการป้องกัน และ มีแผนรับมือที่ชัดเจนเพราะเท่าที่ติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต มีจำนวนมากกว่าสมัยการเกิดโรดระบาดซาร์ส แสดงว่า การระบาดของโรคนี้ไปได้เร็วกว่า
อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทุกรายต่างได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ท่องเที่ยวที่ชะลอตัว ทำให้มั่นใจว่าจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้จะหายไปไม่น้อยกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้ผู้ประกอบการต้องหันมาอัดโปรโมชั่นลดราคาเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 10% ทำให้ในส่วนของรายได้ปีนี้จะหายไปถึง 30%
แต่หากรัฐบาลใส่ใจในการออกมาตรการเยียวยา และกระตุ้นตลาดเชื่อว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวของไทยจะฟื้นได้ภายใน 4-6 เดือนหน้า โดยขณะนี้ ภาคเอกชนคาดหวังว่าโครงการ อะเมซิ่งไทยแลนด์แกรนด์ เซล ที่จะเริ่มมีขึ้นตั้งแต่ มิ.ย.-ส.ค.52 จะช่วยให้ท่องเที่ยวของไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง ส่วนนโยบายขยายเวลาโครงการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยว และลดค่าจอดเครื่องบินจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นตลาดเช่นกัน
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า กลางเดือน พ.ค.นี้จะเรียกประชุมคณะกรรมการ สทท. เพื่อประมวนสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะการระบาดของไข้หวัดสายพันธ์เม็กซิโกจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยมากน้อยเพียงใด
“การประชุมครั้งนี้เราจะมาติดตามการทำงานของรัฐบาลด้วยว่า จาก 17 มาตรการฟื้นท่องเที่ยวที่สทท.นำเสนอไปนั้น รัฐได้ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง”
อย่างไรก็ตามจากการประกาศยกเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในช่วงสัปดาห์ก่อน จะช่วยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ขณะนี้ สทท.มองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2552 ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยน่าจะได้ถึง 11 ล้านคน แต่ไม่ถึง 12 ล้านคน เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ประเมินว่าจะได้เพียง 10.8 ล้านคน
นายกงกฤช กล่าวว่า จะขอใช้เวลาอีก 2-3 สัปดาห์ว่าการประชุม ครม.จะมีการหยิบยก 17 มาตรการฟื้นท่องเที่ยว ที่สททท.เสนอไปนั้นขึ้นมาพิจารณาใช้บ้างหรือไม่ จึงจะประเมินได้ว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยจะเป็นไปในทิศทางไหน ขณะเดียวกันก็อย่าวางใจการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์เม็กซิโก โดยรัฐต้องเข้มงวดกับการป้องกัน และ มีแผนรับมือที่ชัดเจนเพราะเท่าที่ติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต มีจำนวนมากกว่าสมัยการเกิดโรดระบาดซาร์ส แสดงว่า การระบาดของโรคนี้ไปได้เร็วกว่า
อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทุกรายต่างได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ท่องเที่ยวที่ชะลอตัว ทำให้มั่นใจว่าจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้จะหายไปไม่น้อยกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้ผู้ประกอบการต้องหันมาอัดโปรโมชั่นลดราคาเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 10% ทำให้ในส่วนของรายได้ปีนี้จะหายไปถึง 30%
แต่หากรัฐบาลใส่ใจในการออกมาตรการเยียวยา และกระตุ้นตลาดเชื่อว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวของไทยจะฟื้นได้ภายใน 4-6 เดือนหน้า โดยขณะนี้ ภาคเอกชนคาดหวังว่าโครงการ อะเมซิ่งไทยแลนด์แกรนด์ เซล ที่จะเริ่มมีขึ้นตั้งแต่ มิ.ย.-ส.ค.52 จะช่วยให้ท่องเที่ยวของไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง ส่วนนโยบายขยายเวลาโครงการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยว และลดค่าจอดเครื่องบินจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นตลาดเช่นกัน
