xs
xsm
sm
md
lg

คดีคุณสนธิ (2)

เผยแพร่:   โดย: ชัยสิริ สมุทวณิช

ผมเคยตั้งใจว่าจะเกาะติดคดีลอบสังหารคุณสนธิจนกว่าคดีจะคลี่คลายถึงจับตัวคนร้ายได้ และก็หวังไว้ว่าคนลอบกัดจะซัดทอดถึงผู้จ้างวาน

เชื่อว่าตำรวจซึ่งบอกว่าไม่เกิน 7 วัน จะมีข่าวดี แถมบอกด้วยว่าที่พูดนี้ซีเรียสหรือพูดจริงจังนะ

ผมก็เชื่อตามนี้

เท่าที่พยายามตรวจสอบข่าวสารดู มีพยานเห็นหน้าคนร้ายอยู่คนหนึ่ง โดยพยานคนนี้โดนยิง และน่าจะเป็นการยิงเพื่อปิดปาก

ก็เพราะไปเห็นหน้าพวกมันนี่แหละ

แต่ที่น่าสนใจก็คือ ตำรวจให้สเกตช์ภาพคนร้ายหรือเปล่า ผมไม่ทราบ

ถ้ามีภาพก็เท่ากับว่าง่ายไปขั้นหนึ่ง

ล่าสุดนั้นดูเหมือนจะชัดเจนว่ารถยนต์ที่คนร้ายใช้นั้นเป็นรถยนต์โตโยต้าวีโก้ซึ่งใช้กันแพร่หลายอยู่ในตลาด

ตำรวจก็ใช้มืออาชีพที่อยู่ในวงการรถมือสองมาดูด้วย

และก็พบด้วยว่ารถคนร้ายที่ยิงนั้นอาจมีมากกว่าหนึ่งคัน

คันหนึ่งคอยวิ่งประกบและตัดหน้า นัยว่าเพื่อให้รถที่คุณสนธินั่งมาต้องเบรก ซึ่งชะลอความเร็ว ง่ายต่อการเห็นเป้าหมายสำหรับคนร้ายที่จะดูว่าเป้าหมายนั่งอยู่ตรงไหนของรถยนต์

ส่วนรถที่คนยิงนั้นน่าจะเป็นโตโยต้าวีโก้

ส่วนรถที่ปาดหน้าตำรวจก็สงสัยว่าน่าจะเป็นมาสด้าหรือไม่เช่นนั้นก็เป็นยี่ห้อฟอร์ด

พยานอีกรายหนึ่งได้โทรศัพท์ไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าวันที่เกิดเหตุการณ์ลอบสังหารคุณสนธินั้น เขาได้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์มาตามถนนสามเสนก่อนที่จะถึงสถานที่เกิดเหตุการณ์ที่คนร้ายยิงรถคุณสนธินั้น เห็นรถกระบะขับปาดหน้าไปอย่างรวดเร็ว และเห็นว่ารถ 1 ใน 2 คัน เป็นกระบะโตโยต้าทะเบียนเป็นหมวดที่มีหลายเลขของจังหวัดสระบุรี (ซึ่งมีหน่วยทหารอยู่)

ฝ่ายตำรวจที่ดำเนินการติดตามคดี จึงได้นำข้อมูลไปสืบค้นอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ข้อมูลนี้ก็ตรงกันกับที่พยานหลายคนได้ให้การไปล่วงหน้าแล้ว

พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ได้แถลงกับสื่อมวลชนต่อความคืบหน้าของคดี ว่าตนยังไม่ได้พบกับคุณสนธิ

แต่ได้ตัดทุกประเด็นออกไป

เหลือแต่ประเด็นการเมืองประเด็นเดียว

ก่อนหน้านี้สื่อจัญไรของรัฐ เข้าใจว่าทีวีของรัฐช่อง 11 ป้ายสีแบบใส่ไข่ทาสีว่าภายในรถที่คนสนธินั่งไปนั้นมีผู้หญิงนั่งด้วย

ไม่รู้เอาข้อมูลมาจากไหน ปั้นความเท็จ น่าโดนฟ้องอย่างยิ่ง

เป็นการปั้นเรื่อง เพื่อเบนประเด็นให้ไขว้เขว เท่ากับช่วยสมคบกับคนร้ายแท้ๆ

คนพวกนี้แบบที่ผมกล่าวแล้ว ว่าจิตใจนั้นถ้าไม่เรียกว่าจัญไรก็ใจหมา

เอาเป็นว่าคดีน่าจะคืบลึกไปมาก

ทางหนีของคนร้าย บ้างว่าไปทางกาญจนบุรี ซึ่งคงหลบออกไปพม่า ไม่ก็ซ่อนตัวอยู่ระยะหนึ่ง

การสืบเรื่องกระสุนก็น่าจะช่วยได้ เพราะทำในไทยโดยกรมสรรพาวุธทหารบกเรานี่แหละครับ

และเป็นของหน่วยทหารราบที่ 9

กระสุนมีตราอาร์ทีเอ (ย่อจาก Rayal Thai Army) และอาจมีหมายเลขด้วย กรมสรรพาวุธผลิตกระสุนนี้ตั้งแต่ พ.ศ. 2545 มาแล้ว และมีตัวเลขเพื่อบอกให้รู้ว่าเป็นล็อตที่เท่าไรเสียด้วย

ดังนั้นสืบค้นได้ไม่ยาก

ยิ่งถ้ารู้ล็อตก็จะทราบว่าล็อตที่ว่านี้ถูกเบิกจ่ายไปใช้ในราชการยังหน่วยใด และค้นได้นะครับว่าใครเป็นคนรับ

อย่างน้อยก็รู้ว่าผู้บังคับบัญชาขณะที่รับมอบกระสุนเป็นใคร?

ไปเอาตัวมาสอบปากคำก็จะได้ข้อมูล

แม้ว่าทุกอย่างดูจะชัดเจน

แต่ทหารที่พอจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ก็ปิดปากเงียบอาจเป็นไปได้ว่า กลัวเสียรูปคดี

หรือไม่ก็ถูกทางตำรวจขอร้องว่า ไม่ควรให้ข้อมูลเพิ่มเพื่อไม่ให้คนร้ายไหวตัวหรือทำลายหลักฐานเพิ่มเติม

ความเห็นของผมนั้น คนร้ายไม่น่าจะใช้รถกระบะที่สืบค้นที่มาได้ชัดเจน น่าจะขโมยมาหรือไม่ก็สวมทะเบียนปลอม

ที่แน่ๆ ก็คือรถอาจถูกแยกส่วน ไม่ก็ถูกขายต่อหรือส่งออกชายแดนไปเรียบร้อยแล้ว
การใช้วิธีการของตำรวจที่มักได้ผลอยู่ไม่น้อย หากรู้ตัวคนร้ายซึ่งแม้ยังตามตัวไม่พบก็คือรีบไปหาหรือประกบครอบครัวพ่อแม่ลูกเมียคนร้ายไว้ก่อน อย่างน้อยก็เป็นหลักประกันว่าคนร้ายไปไม่ไกลจากที่นั่น

ผมเชื่อว่าตำรวจทำอย่างนั้นอยู่แล้วครับ

ถ้าคนร้ายมีสีและมีเส้น ป่านนี้ก็คงเปิดไปนอกประเทศแล้ว ซึ่งก็ยากที่จะติดตามตัวอีก

คงเป็นหน้าที่ของทางการตำรวจต้องสอบลึกไปถึงผู้บงการให้ได้ โดยใช้ปัจจัยแวดล้อมเชื่อมโยงกับคดีอื่น ซึ่งใกล้เคียงกัน

เรื่องการลอบสังหารนี้ กองทัพบกเสียหายมาก และควรมีทีท่าในการให้ความร่วมมือกับทางตำรวจอย่างปราศจากเงื่อนไข

และเงื่อนไขแรกก็คือช่วยดูว่าลูกน้องของตนไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่

ลูกน้องที่ว่านี้ มี “นาย” คอยกำกับหรือไม่ และ “นาย” นี้ทำงานให้ใคร

อย่าปัดไปว่าเป็นแค่ “มือปืนรับจ้าง” ที่บังเอิญเป็นทหารเท่านั้น

เพราะการที่เป็นมือปืนอยู่ในกองทัพมันไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรียิ่งนัก !!!
กำลังโหลดความคิดเห็น