สคบ.เรียกเต็นท์รถมือ 2 เข้าอบรม หวังลดปัญหา สินค้าย้อมแมว-เอาเปรียบผู้ซื้อ พร้อมฝากเตือน เต็นท์รถผิด กม.เจอโทษหนัก ทั้งจำ-ปรับ เตรียมเข็นโครงการติดดาว ปลุกจิตสำนึกผู้ประกอบการ และสร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจนี้
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นประธานเปิดโครงการประชุมสัมมนาในหัวข้อ “แนวทางการปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับธุรกิจรถยนต์ใช้แล้ว” ซึ่งจัดขึ้นโดย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ใช้แล้ว (เต้นรถมือสอง) ประชาชน รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ให้เข้าใจถูกต้องเกี่ยวกับการจำหน่ายรถยนต์ใช้แล้ว ที่เป็นธุรกิจควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ.2550 และต้องจัดทำฉลากให้ถูกต้องตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ 24 พ.ศ.2550
นายนิโรจน์ เจริญประกอบ เลขาธิการ สคบ.กล่าวว่า สคบ.ได้เชิญผู้ประกอบการจำหน่ายรถยนต์ใช้แล้ว (เต็นท์รถ) มาซักซ้อมความเข้าใจการดำเนินธุรกิจให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยแจ้งว่า สคบ.ต้องการย้ำเตือนให้ผู้ประกอบการต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะหลักฐานการรับเงินและการจัดทำฉลากให้ถูกต้อง
“ที่ผ่านมา ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ผู้บริโภคไม่ทราบข้อเท็จจริง หรือข้อมูลของรถยนต์มือสอง ทำให้เสี่ยงกับการตัดสินใจซื้อรถยนต์โดยเฉพาะกรณีที่เกิดความชำรุด ซึ่งถือว่าเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค”
ทั้งนี้ ธุรกิจเต็นท์รถมือสองกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อจำกัดมาก โดยเฉพาะกรณีที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ป้ายแดงรุ่นนิยมให้กับลูกค้าได้ จึงทำให้ลูกค้าหันมาให้ความสนใจกับรถยนต์มือสองแทน ดังนั้น เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค สคบ.จึงต้องย้ำเตือนให้ผู้ประกอบการทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย
เลขาธิการ สคบ.ฝากเตือนว่า หากผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว ไม่ปฏิบัติตามกำหนดการเป็นธุรกิจควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน จะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ไม่จัดทำฉลากให้ถูกต้องตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท
นายจิระชัย ทองมูลโร่ย รองเลขาธิการ สคบ.กล่าวว่า สคบ.ได้หารือกับผู้ประกอบการเต้นท์รถมือสองย่านถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อจัดให้เป็นถนนสายสำหรับเต้นท์รถยนต์ใช้แล้วติดดาว เพื่อเป็นการรณรงค์ให้ผู้ประกอบการเต็นท์รถดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยหลังจากที่ได้จัดสัมมนาเพื่อย้ำเตือนกฎหมายไปแล้ว จะให้เวลาผู้ประกอบการทำให้ถูกต้องตามกฎหมายประมาณ 1 เดือน ทั้งการจัดให้มีหลักฐานการรับเงินหรือใบเสร็จรับเงินที่ถูกต้อง และการติดฉลากรายละเอียดของรถยนต์ใช้แล้วให้ถูกต้องตามกฎหมาย จากนั้น สคบ.และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค จะออกตรวจอย่างเข้มข้น หากพบว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้นจะดำเนินการตามกฎหมายทุกฉบับอย่างเข้มงวด ทั้งกฎหมายควบคุมฉลากและกฎหมายควบคุมสัญญา
อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการรายใดมีความประพฤติที่ดีไม่ทำผิดกฎหมาย สคบ.จะทำการติดดาวให้กับผู้ประกอบการรายนั้นด้วย เพื่อเป็นการการันตีหรือยืนยันคุณภาพของผู้ประกอบการว่ามีคุณสมบัติที่ดีเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคที่จะเข้ามาเลือกซื้อรถยนต์มือสองจากผู้ประกอบการรายนั้นๆ ด้วย เชื่อว่า มาตรการการติดดาวให้กับผู้ประกอบการธุรกิจครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลผู้บริโภคไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบโดยการสร้างจิตสำนึกให้กับผู้ประกอบการให้ทำธุรกิจให้ถูกต้องตามกฎหมาย ในทางกลับกันหากเจ้าของเต้นท์รถตั้งใจฝ่าฝืน จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายโดยกรณีของการเป็นธุรกิจควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ.2550 ตามประกาศของคณะกรรมการว่าด้วยการสัญญา จะถูกปรับเป็นเงินไม่เกิน 1 แสนบาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ หากทำผิดตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ 24 พ.ศ.2550 จะถูกปรับเป็นเงินไม่เกิน 50,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ