เอเอฟพี - ประธานาธิ่บดีศรีลังกาประกาศวานนี้ (27) ว่า จะยุติการใช้อาวุธหนักและการโจมตีทางอากาศ เพื่อรักษาชีวิตพลเรือนซึ่งติดค้างอยู่ในพื้นที่สู้รบระหว่างกองทัพรัฐบาลและกองกำลังปลดปล่อยพยัคฆ์ทมิฬอีแลม (แอลทีทีอี)
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกบฏออกมาโจมตีในทันทีว่า รัฐบาลศรีลังกากำลังพยายามจะบรรเทาแรงกดดันจากนานาชาติ และบอกว่า การสู้รบรุนแรงยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่อง กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬประกาศด้วยว่า "จะไม่ยอมแพ้" แม้จะมีกำลังน้อยกว่าหรือถูกปิดล้อมก็ตาม
สำหรับคำแถลงของประธานาธิบดีมหินทา ราชาปักษีแห่งศรีลังการะบุว่า "ปฏิบัติการสู้รบดำเนินมาถึงบทสรุปแล้ว" และกองทัพจะยุติการใช้ปืนที่มีอำนาจทำลายรุนแรง, เครื่องบินรบ, และอาวุธทางอากาศ ซึ่งอาจทำให้พลเรือนบาดเจ็บล้มตาย
เจ้าหน้าที่รัฐบาลศรีลังกาผู้หนึ่งเปิดเผยว่า คำแถลงนี้ เป็นเพียงการประโคมข่าวการเปลี่ยนแปลงยุทธวิธี และไม่ใช่การหยุดยิง
"นี่ไม่ใช่การยุติภารกิจการโจมตี และก็ไม่ใช่การหยุดยิงด้วย" เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวบอก
รัฐบาลศรีลังการะบุว่า กองทัพได้ปิดล้อมกองกำลังพยัคฆ์ทมิฬในพื้นที่แคบ ๆ แถบชายฝั่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ แต่ถูกกดดันให้รักษาชีวิตพลเรือนจำนวนหลายแสนที่ติดค้างอยู่ในพื้นที่สู้รบ
ก่อนหน้านี้มีเอกสารฉบับหนึ่งขององค์การสหประชาชาติซึ่งเผยแพร่ไปในหมู่นักการทูตที่กรุงโคลัมโบของศรีลังกาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีใจความว่า อาจมีพลเรือนจำนวนมากถึง 6,500 คนถูกสังหาร และมีผู้บาดเจ็บอีก 14,000 คน จากปฏิบัติการโจมตีของฝ่ายรัฐบาลในปีนี้
ขณะเดียวกัน ทางฝ่ายพยัคฆ์ทมิฬแถลงกล่าวหาว่า กองทัพศรีลังกายังคงกระหน่ำโจมตีดินแดนของพวกเขา
"รัฐบาลเพียงแค่ใช้ลมปากเพื่อบรรเทาแรงกดดันจากนานาชาติ" เอส. ภูลีเทวัน โฆษกของกลุ่มกบฏบอกกับเอเอฟพีทางโทรศัพท์ "พวกเขาโจมตีทางอากาศ 2 ครั้งในช่วงบ่ายนี้"
โฆษกผู้นี้ประกาศด้วยว่า กองกำลังปลดปล่อยพยัคฆ์ทมิฬอีแลม ซึ่งจับอาวุธลุกขึ้นสู้เพื่อปลดปล่อยแผ่นดินเกิดของชาวทมิฬ จะไม่ยอมแพ้
"เรามีจุดยืนอย่างชัดเจน เราจะไม่ยอมแพ้จนกว่าข้อเรียกร้องอันชอบธรรมของเราจะได้รับการตอบสนอง"
ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ของรัฐบาลศรีลังกาในครั้งนี้มีขึ้น ขณะที่จอห์น โฮล์มส์ เจ้าหน้าที่ระดับท็อปด้านมนุษยธรรมของยูเอ็น เดินทางเยือนประเทศศรีลังกา พร้อมกับยื่นข้อเรียกร้องให้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและกบฏพยัคฆ์ทมิฬรักษาชีวิตพลเรือนที่ติดอยู่ในเขตสู้รบ
ทั้งนี้มีพลเรือนราว 110,000 คน อพยพออกจากพื้นที่แคบ ๆ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏในแถบชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงเหนือประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังฝ่ายรัฐบาลทำการรุกทางทหารครั้งใหญ่
องค์การสหประชาชาติประเมินว่า พลเรือนราว 50,000 คน ยังคงติดอยู่ในพื้นที่สู้รบดังกล่าว ขณะที่รัฐบาลอ้างว่า มีประชาชนอยู่เพียงไม่ถึง 20,000 คน
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ทมิฬเน็ตของฝ่ายสนับสนุนกลุ่มกบฏรายงานว่า พลเรือน 160,000 คนยังคงหลบภัยอยู่ในพื้นที่ความขัดแย้งและยังถูกโจมตีอย่างหนัก
โฮล์มส์ยังมีกำหนดเข้าพบประธานาธิบดีมหินทา ราชาปักษีในช่วงค่ำของวันจันทร์ (27) ก่อนจะปิดท้ายภารกิจเยือนศรีลังกาเป็นเวลา 3 วัน ก่อนจะตามด้วยการเดินทางเยือนของรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ, ฝรั่งเศสและสวีเดนในวันพุธ (29)
อนึ่ง ฝ่ายกบฏได้ยื่นข้อเสนอหยุดยิงแบบฝ่ายเดียวเมื่อวันอาทิตย์ (26) แต่ถูกปฏิเสธจากรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของศรีลังกา โดยเย้ยหยันว่าเป็นเรื่อง "ตลก"
"ทำไมต้องมีการหยุดยิง ในขณะที่ฝ่ายกบฏกำลังหนี อันดับแรกพวกเขาต้องวางอาวุธ, ยอมแพ้ และปล่อยให้พลเรือนหนีออกมา" รมต.กลาโหมศรีลังกากล่าว
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกบฏออกมาโจมตีในทันทีว่า รัฐบาลศรีลังกากำลังพยายามจะบรรเทาแรงกดดันจากนานาชาติ และบอกว่า การสู้รบรุนแรงยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่อง กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬประกาศด้วยว่า "จะไม่ยอมแพ้" แม้จะมีกำลังน้อยกว่าหรือถูกปิดล้อมก็ตาม
สำหรับคำแถลงของประธานาธิบดีมหินทา ราชาปักษีแห่งศรีลังการะบุว่า "ปฏิบัติการสู้รบดำเนินมาถึงบทสรุปแล้ว" และกองทัพจะยุติการใช้ปืนที่มีอำนาจทำลายรุนแรง, เครื่องบินรบ, และอาวุธทางอากาศ ซึ่งอาจทำให้พลเรือนบาดเจ็บล้มตาย
เจ้าหน้าที่รัฐบาลศรีลังกาผู้หนึ่งเปิดเผยว่า คำแถลงนี้ เป็นเพียงการประโคมข่าวการเปลี่ยนแปลงยุทธวิธี และไม่ใช่การหยุดยิง
"นี่ไม่ใช่การยุติภารกิจการโจมตี และก็ไม่ใช่การหยุดยิงด้วย" เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวบอก
รัฐบาลศรีลังการะบุว่า กองทัพได้ปิดล้อมกองกำลังพยัคฆ์ทมิฬในพื้นที่แคบ ๆ แถบชายฝั่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ แต่ถูกกดดันให้รักษาชีวิตพลเรือนจำนวนหลายแสนที่ติดค้างอยู่ในพื้นที่สู้รบ
ก่อนหน้านี้มีเอกสารฉบับหนึ่งขององค์การสหประชาชาติซึ่งเผยแพร่ไปในหมู่นักการทูตที่กรุงโคลัมโบของศรีลังกาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีใจความว่า อาจมีพลเรือนจำนวนมากถึง 6,500 คนถูกสังหาร และมีผู้บาดเจ็บอีก 14,000 คน จากปฏิบัติการโจมตีของฝ่ายรัฐบาลในปีนี้
ขณะเดียวกัน ทางฝ่ายพยัคฆ์ทมิฬแถลงกล่าวหาว่า กองทัพศรีลังกายังคงกระหน่ำโจมตีดินแดนของพวกเขา
"รัฐบาลเพียงแค่ใช้ลมปากเพื่อบรรเทาแรงกดดันจากนานาชาติ" เอส. ภูลีเทวัน โฆษกของกลุ่มกบฏบอกกับเอเอฟพีทางโทรศัพท์ "พวกเขาโจมตีทางอากาศ 2 ครั้งในช่วงบ่ายนี้"
โฆษกผู้นี้ประกาศด้วยว่า กองกำลังปลดปล่อยพยัคฆ์ทมิฬอีแลม ซึ่งจับอาวุธลุกขึ้นสู้เพื่อปลดปล่อยแผ่นดินเกิดของชาวทมิฬ จะไม่ยอมแพ้
"เรามีจุดยืนอย่างชัดเจน เราจะไม่ยอมแพ้จนกว่าข้อเรียกร้องอันชอบธรรมของเราจะได้รับการตอบสนอง"
ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ของรัฐบาลศรีลังกาในครั้งนี้มีขึ้น ขณะที่จอห์น โฮล์มส์ เจ้าหน้าที่ระดับท็อปด้านมนุษยธรรมของยูเอ็น เดินทางเยือนประเทศศรีลังกา พร้อมกับยื่นข้อเรียกร้องให้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและกบฏพยัคฆ์ทมิฬรักษาชีวิตพลเรือนที่ติดอยู่ในเขตสู้รบ
ทั้งนี้มีพลเรือนราว 110,000 คน อพยพออกจากพื้นที่แคบ ๆ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏในแถบชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงเหนือประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังฝ่ายรัฐบาลทำการรุกทางทหารครั้งใหญ่
องค์การสหประชาชาติประเมินว่า พลเรือนราว 50,000 คน ยังคงติดอยู่ในพื้นที่สู้รบดังกล่าว ขณะที่รัฐบาลอ้างว่า มีประชาชนอยู่เพียงไม่ถึง 20,000 คน
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ทมิฬเน็ตของฝ่ายสนับสนุนกลุ่มกบฏรายงานว่า พลเรือน 160,000 คนยังคงหลบภัยอยู่ในพื้นที่ความขัดแย้งและยังถูกโจมตีอย่างหนัก
โฮล์มส์ยังมีกำหนดเข้าพบประธานาธิบดีมหินทา ราชาปักษีในช่วงค่ำของวันจันทร์ (27) ก่อนจะปิดท้ายภารกิจเยือนศรีลังกาเป็นเวลา 3 วัน ก่อนจะตามด้วยการเดินทางเยือนของรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ, ฝรั่งเศสและสวีเดนในวันพุธ (29)
อนึ่ง ฝ่ายกบฏได้ยื่นข้อเสนอหยุดยิงแบบฝ่ายเดียวเมื่อวันอาทิตย์ (26) แต่ถูกปฏิเสธจากรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของศรีลังกา โดยเย้ยหยันว่าเป็นเรื่อง "ตลก"
"ทำไมต้องมีการหยุดยิง ในขณะที่ฝ่ายกบฏกำลังหนี อันดับแรกพวกเขาต้องวางอาวุธ, ยอมแพ้ และปล่อยให้พลเรือนหนีออกมา" รมต.กลาโหมศรีลังกากล่าว