เอเอฟพี-อินเดียส่งผู้แทนเดินทางไปยังกรุงโคลัมโบวันนี้ (24) เพื่อกดดันรัฐบาลศรีลังกาให้ยุติการโจมตีกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬโดยเร็ว หลังจากมีรายงานว่า ยังมีพลเรือนจำนวนมากติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ
ทางการอินเดียแถลงว่า ศิวะชันการ์ เมนอน ปลัดกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย พร้อมด้วยเอ็ม.เค. นารายานัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ได้เดินทางไปยังเมืองหลวงของศรีลังกาแล้ว เพื่อร่วมกันกดดันรัฐบาลศรีลังกา และหาทางช่วยเหลือพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ที่ยังคงไม่สามารถอพยพออกมาจากพื้นที่การสู้รบ ในแถบชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของศรีลังกาได้
นักวิเคราะห์ระบุว่า การตัดสินใจของอินเดีย ในการส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปยังศรีลังกาในครั้งนี้ เป็นเพราะรัฐบาลนายกรัฐมนตรีมานโมหัน ซิงห์ ซึ่งกำลังสู้ศึกการเลือกตั้งทั่วไปอยู่ในขณะนี้ จำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทเพื่อยุติการสู้รบระหว่างรัฐบาลศรีลังกากับกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลม เนื่องจากในอินเดียเองก็มีชนกลุ่มน้อยชาวทมิฬอาศัยอยู่ในรัฐทมิฬ นาดูทางภาคใต้ของประเทศ ราว 60 ล้านคน และชาวทมิฬเหล่านี้ต่างกดดันให้รัฐบาลอินเดียเร่งหาทางช่วยเหลือพี่น้องชาวทมิฬในศรีลังกาโดยเร็ว
ทางด้านประนาบ มุขรจี รัฐมนตรีต่างประเทศของอินเดียได้ออกมาสนับสนุนการเดินทางไปยังศรีลังกาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้ง 2 ของรัฐบาลอินเดีย พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการยุติการสู้รบที่เป็นเหตุให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตในทันที
ประนาบกล่าวว่า รัฐบาลศรีลังกามีความรับผิดชอบที่จะต้องปกป้องต่อชีวิตของพลเมืองของตน และขอให้กลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลม ยุติการจับประชาชนไว้เป็นตัวประกันเพื่อใช้เป็นโล่มนุษย์เช่นกัน
รายงานข่าวระบุว่า พลเรือนชาวทมิฬราว 100,000 คน ได้อพยพออกจากพื้นที่ซึ่งเป็นเขตยึดครองของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ขณะที่องค์การสหประชาชาติระบุว่า ยังคงมีพลเรือนอีกประมาณ 50,000 ที่ไม่สามารถออกมาจากพื้นที่ดังกล่าวได้
บันคีมุน เลขาธิการใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติออกมาประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี (23)ที่ผ่านมาว่า ได้จัดตั้งทีมช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไว้แล้ว และทีมช่วยเหลือนี้เตรียมพร้อมที่จะเดินทางเข้าไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือของศรีลังกาเพื่อให้การช่วยเหลือต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์โดยเร็ว แม้ทางรัฐบาลศรีลังกา จะยังคงยืนกรานไม่อนุญาตให้ทีมช่วยเหลือใดๆเดินทางเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวก็ตาม โดยทางการศรีลังการะบุว่า ทางกองทัพจะเป็นผู้ให้การดูแลและปกป้องพลเรือนในพื้นที่เอง
ยังไม่อาจสรุปได้ว่าการเดินทางไปยังศรีลังกาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอินเดียในครั้งนี้จะประสบผลสำเร็จหรือไม่ เนื่องจากทางการศรีลังกายืนยัน
จะไม่ยุติการสู้รบกับกลุ่มกบฏจนกว่าจะได้รับชัยชนะขั้นเด็ดขาด และก่อนหน้านี้ศรีลังกาก็เพิ่งปฏิเสธที่จะยอมรับการไกล่เกลี่ยจากทูตพิเศษของกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษมาแล้ว
เช่นกัน
ประธานาธิบดีมหินทรา ราชปักษี ผู้นำศรีลังกา ยืนยันว่า สมาชิกของกลุ่มกบฏจะต้องยอมวางอาวุธสถานเดียวเท่านั้น และจะไม่มีการนิรโทษกรรมให้แก่เวลูพิลไล ประภาการัน หัวหน้ากลุ่มกบฏเป็นอันขาด
ทางด้าน พลจัตวา อุทยา นานายัครา โฆษกกองทัพรัฐบาลศรี
ลังกา แถลงว่า การสู้รบยังคงดำเนินต่อไปโดยทางกองทัพศรีลังกาสามารถควบคุมพื้นที่ของฝ่ายกบฏได้เกือบทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงพื้นที่อีกราว 13 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถือเป็นที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มกบฏเท่านั้น
ขณะที่พลจัตวาชเวนทรา ศิวะ ผู้บัญชาการทหารศรีลังกา ได้อ้างคำให้การของโฆษกกลุ่มกบฏซึ่งมอบตัวต่อทหารรัฐบาลเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ระบุว่าเวลูพิลไล ประภาการัน หัวหน้ากลุ่มพยัคฆ์ทมิฬและสมาชิกที่เหลือถูกต้อนเข้าสู่พื้นที่ที่เป็นมุมอับ แถบชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว แต่ยังคงยืนยันว่าจะต่อสู้กับทหารของรัฐบาลจนถึงนาทีสุดท้าย โดยมีรายงานว่า เวลูพิลไล พกไซยาไนด์ติดตัวไว้เพื่อพร้อมสำหรับฆ่าตัวตายทันทีหากถูกจับได้
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารศรีลังกา ยังเผยว่า ทหารรัฐบาลได้สังหารนักรบของฝ่ายกบฏไปแล้ว 5,953 คนและมีสมาชิกกลุ่มกบฏได้รับบาดเจ็บอีก 2,938 คนนับตั้งแต่เริ่มเปิดฉากการสู้รบระลอกใหม่ เมื่อเดือนกันยายน 2550 เป็นต้นมา