คำถามที่ผมทิ้งเอาไว้ว่า มันเป็นคนชนิดไหน หัวใจมันทำด้วยอะไรในฉบับก่อนนี้ เชื่อว่าหลายต่อหลายคนก็คงจะสงสัยเช่นเดียวกัน
นักโทษหนีคุก ทักษิณ ชินวัตร กล้าปลุกระดมให้ประชาชนออกมาแข็งขืนกับอำนาจรัฐ ทั้งๆ ที่ตัวเคยเป็นหัวหน้า เป็นผู้นำของรัฐได้อย่างไร
หรือคับแค้นที่ถูกปฏิวัติรัฐประหาร สูญเสียอำนาจ จนกระทั่งเสียสติไปแล้ว
ทักษิณ ชินวัตรพูดได้อย่างไรกับการที่แท็กซี่เอารถไปปิดตามแยกต่างๆ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิว่า ถ้าหากจะผิดก็ผิดแค่กฎหมายจราจร ปรับไม่เกิน 500 บาท มีแต่คนบ้า คนเสียสติเท่านั้นที่คิดได้อย่างนี้ คนเคยเป็นนายกรัฐมนตรีมา 5-6 ปี ไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่จะต้องสัญจรไปมา เด็กจะต้องไปโรงเรียน พนักงานลูกจ้าง ข้าราชการชั้นผู้น้อย จะต้องกลับบ้านกลับช่อง
ที่สำคัญ คนเจ็บป่วย จะต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
นอกจากคนบ้า และคนที่เห็นแก่ตัวเท่านั้น ที่มันคิดไม่ได้
ที่บอกว่าปิดถนนวันนี้เพื่อเปิดทางให้กับประชาธิปไตย ถามหน่อยเถอะว่าในยุคที่ทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นประชาธิปไตยตรงไหน
พรรคไทยรักไทยได้เสียงข้างมากในสภาฯ ก็โดยทักษิณรวบรวมพรรคต่างๆ มุ้งต่างๆ กลุ่มต่างๆ มาไว้ที่พรรคไทยรักไทย กี่กลุ่ม กี่มุ้ง
เอาล่ะ ถ้าหากจะบอกว่า นั่นเป็นยุทธวิธี หรือพูดอย่างหน้าด้านๆ ว่า แต่ละพรรค แต่ละกลุ่มศรัทธาต่อนโยบายของพรรคไทยรักไทย ชื่นชมนโยบายของพรรคไทยรักไทย แม้กระทั่งวุฒิสมาชิกบางคนก็ยังลาออกเพื่อที่จะมาเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย แต่ระหว่างเป็นรัฐบาลนั้น ทักษิณ ชินวัตรเข้าประชุมสภาฯ กี่ครั้ง ตอบกระทู้ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสภาฯ กี่หน ฟังเสียงสมาชิกสภาฯ บ้างหรือไม่ หรือคิดว่า เมื่อสามารถกวาดต้อนบรรดานักการเมืองหน้าโง่เข้ามาเป็นบริษัทบริวารได้แล้ว ก็สามารถดำเนินนโยบายไปตามที่ตนต้องการ สิ่งใดที่จะเอื้อประโยชน์ให้แก่ตัวและครอบครัวได้ก็รีบทำ เพราะบรรดานักการเมืองหน้าโง่ทั้งหลายที่เข้ามาอยู่ในพรรคร่วมสนับสนุนเขา เสมอเพียงข้าทาสบริวารเท่านั้น
ก่อน 8 เมษายน ทักษิณ ชินวัตร ปลุกข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ไม่มีเส้นเข้าร่วมชุมนุมกับพลพรรคคนเสื้อแดงประหนึ่งว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะที่เพิ่งเข้ามาบริหารประเทศได้ 3 เดือน เล่นพรรคเล่นพวก ต่างกับรัฐบาลที่มีทักษิณ ชินวัตรบริหารประเทศด้วยความซื่อสัตย์ เที่ยงธรรม ข้าราชการต่างก็ได้เลื่อนชั้น เลื่อนขั้น เป็นไปด้วยความเหมาะสมกับความสามารถ ความอาวุโสทุกผู้ทุกคน ทุกกระทรวง ทบวง กรม
แล้วตำรวจคนไหนที่มันข้ามหัวคนอื่นมาเกือบ 20 ตำแหน่ง เพื่อเตรียมตัวจะเป็นผู้บัญชาการตำรวจสูงสุด
แล้วทหารคนไหนที่มันขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการทหารบกโดยที่ไม่ได้คุมกำลังมาก่อน
แล้วใครที่มันเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมที่ยาวนานที่สุด ต่ออายุแล้วก็ต่ออีก
แล้วใครที่ได้เป็นปลัดกระทรวงการคลัง
แล้วใครที่เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย มิไอ้คนที่มันเคยช่วยคลี่คลายปัญหาที่ดินวัดที่นักการเมืองชั่วๆ เอาที่วัดมาสร้างสนามกอล์ฟหรอกหรือ
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐบาลที่ประชาชนต่างก็ตั้งความหวังเอาไว้ว่า จะต้องไม่ปล่อยปละละเลยต่อคนที่มันหนีคุก แล้วยังมีหน้ามาแว้งเอากับประเทศชาติ ด้วยการให้ท้ายพลพรรคเสื้อแดง ปิดกั้นถนนหนทาง แล้วพูดง่ายๆ ว่า แค่ผิดกฎจราจร หรือให้ท้ายคนที่ไปป่วนการประชุมระดับนานาชาติ ที่เราเป็นเจ้าภาพ
3 เดือนของการเป็นรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เป็น 3 เดือนที่อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษหนีคุกสะสมกำลัง รอคอยโอกาส ฉกฉวยจังหวะที่จะเล่นงานรัฐบาลนายอภิสิทธิ์และประเทศไทยอยู่ตลอดเวลา ด้วยการโฟนอิน หรือไม่ก็ใช้วิดีโอลิงก์เข้าสู่รายการที่มีการชุมนุมของผู้ที่สนับสนุนเขา
เข้าใจล่ะ การติดต่อสื่อสารทุกวันนี้ก้าวหน้า และประชาชนมีสิทธิที่จะใช้วิธีการอันทันสมัยในการสื่อสาร แต่ไม่มีสิทธิให้ร้ายใครหรือพูดในสิ่งที่เป็นเท็จ ปลุกปั่นให้ล้มรัฐบาล ปลุกปั่นให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อสถาบันสำคัญๆ เช่น สถาบันตุลาการ
ทักษิณ ชินวัตรและพลพรรคของเขาพูดอยู่ตลอดเวลาว่า ศาลไม่เป็นธรรม เช่น ทำกับข้าวถูกปลด เป็นกบฏถูกปล่อย โดยที่ทักษิณพูดไม่หมดไม่สิ้นกระแสความว่า ทำกับข้าวแล้วรับเงินเขา เป็นนายกรัฐมนตรี จะไปทำอย่างนั้นไม่ได้ หรือเป็นกบฏได้เป็นรัฐมนตรี อย่างนายกษิต ภิรมย์ โดยที่ความเป็นจริง นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังไม่เคยถูกจับ ยังไม่เคยเป็นผู้ต้องหา ยังไม่เคยขึ้นศาลใดๆ เลย แตกต่างอย่างยิ่งกับทักษิณ ชินวัตรที่ถูกตัดสินโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือช่วงที่ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกก็ซุกหุ้น แล้วอ้างว่าบกพร่องโดยสุจริต และใช้วิธีหักดิบศาลรัฐธรรมนูญอย่างหน้าด้านๆ เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่บอกว่าทักษิณไม่ผิด มีเพียง 4 คนเท่านั้น ยังทะลึ่งเอาไปรวมกับตุลาการที่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น
ข้อเท็จจริงเหล่านี้พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำของรัฐบาลและในฐานะที่ดูแลด้านสื่อสารมวลชนกลับไม่เอาข้อเท็จจริงเหล่านี้ให้ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงรู้
พวกพร้อมที่จะโง่อยู่แล้ว พร้อมที่จะสนับสนุนทักษิณ ชินวัตรอยู่แล้ว พวกเขาก็ยิ่งเชื่อหนักเข้าไปอีกว่า ทักษิณถูกกลั่นแกล้ง ถูกกล่าวหา เช่น ซื้อขายหุ้นไม่เสียภาษี ก็เชื่อว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะการซื้อขายหุ้นในตลาดไม่เสียภาษีอยู่แล้ว โดยที่ไม่ได้ดูในรายละเอียดว่า ทักษิณ ใช้วิธีซิกแซกสลับซับซ้อนอย่างไรในการขาย
หรือทักษิณเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย มาจากการเลือกตั้ง แต่ทหารกลับปฏิวัติยึดอำนาจเป็นการถอยหลัง แต่ไม่มีใครบอกว่า ถ้าหากไม่ยึดอำนาจ 19 กันยายน ป่านนี้ทักษิณจะกลายเป็นเทพเจ้าไปหรือยัง ทรัพย์สินจะกลายเป็นล้านล้านบาทไปหรือยัง หรืออาจจะมีคนตายด้วยการถูกฆ่าตัดตอนทำนองเดียวกับการปราบปรามยาเสพติดอีกกี่ร้อยกี่พันศพ
พฤติการณ์ในช่วงมีนาคมจนกระทั่งถึงเมษายนนี้ ถ้าหากรัฐบาลจัดการกับทักษิณ ประกาศจับในข้อหากบฏภายในและภายนอกราชอาณาจักร ทักษิณก็หมดหนทางเคลื่อนไหวแล้ว
ใครให้การช่วยเหลือกบฏภายในและภายนอกราชอาณาจักร ก็จับมันเสีย เหตุการณ์ก็จะไม่ลุกลาม
แต่รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่รอการประนีประนอม รอการเจรจา เพราะต้องพึ่งพาเสียงสนับสนุนจากบริษัทบริวารเก่าของทักษิณ แนวคิดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แนวคิดที่จะนิรโทษกรรมให้นักการเมืองที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุติบทบาท 111 คนในครั้งแรกและครั้งที่สองอีกร้อยกว่าคน จึงเกิดขึ้นตลอดเวลา
แทนที่จะเดินหน้าทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย แทนที่จะจัดการกับระบอบทักษิณอันกักขฬะและชั่วร้ายให้หมดไปจากประเทศไทย
ระวังประชาธิปัตย์จะเจ็บในภายหลัง แล้วจะหาว่าหล่อไม่เตือน
นักโทษหนีคุก ทักษิณ ชินวัตร กล้าปลุกระดมให้ประชาชนออกมาแข็งขืนกับอำนาจรัฐ ทั้งๆ ที่ตัวเคยเป็นหัวหน้า เป็นผู้นำของรัฐได้อย่างไร
หรือคับแค้นที่ถูกปฏิวัติรัฐประหาร สูญเสียอำนาจ จนกระทั่งเสียสติไปแล้ว
ทักษิณ ชินวัตรพูดได้อย่างไรกับการที่แท็กซี่เอารถไปปิดตามแยกต่างๆ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิว่า ถ้าหากจะผิดก็ผิดแค่กฎหมายจราจร ปรับไม่เกิน 500 บาท มีแต่คนบ้า คนเสียสติเท่านั้นที่คิดได้อย่างนี้ คนเคยเป็นนายกรัฐมนตรีมา 5-6 ปี ไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่จะต้องสัญจรไปมา เด็กจะต้องไปโรงเรียน พนักงานลูกจ้าง ข้าราชการชั้นผู้น้อย จะต้องกลับบ้านกลับช่อง
ที่สำคัญ คนเจ็บป่วย จะต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
นอกจากคนบ้า และคนที่เห็นแก่ตัวเท่านั้น ที่มันคิดไม่ได้
ที่บอกว่าปิดถนนวันนี้เพื่อเปิดทางให้กับประชาธิปไตย ถามหน่อยเถอะว่าในยุคที่ทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นประชาธิปไตยตรงไหน
พรรคไทยรักไทยได้เสียงข้างมากในสภาฯ ก็โดยทักษิณรวบรวมพรรคต่างๆ มุ้งต่างๆ กลุ่มต่างๆ มาไว้ที่พรรคไทยรักไทย กี่กลุ่ม กี่มุ้ง
เอาล่ะ ถ้าหากจะบอกว่า นั่นเป็นยุทธวิธี หรือพูดอย่างหน้าด้านๆ ว่า แต่ละพรรค แต่ละกลุ่มศรัทธาต่อนโยบายของพรรคไทยรักไทย ชื่นชมนโยบายของพรรคไทยรักไทย แม้กระทั่งวุฒิสมาชิกบางคนก็ยังลาออกเพื่อที่จะมาเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย แต่ระหว่างเป็นรัฐบาลนั้น ทักษิณ ชินวัตรเข้าประชุมสภาฯ กี่ครั้ง ตอบกระทู้ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสภาฯ กี่หน ฟังเสียงสมาชิกสภาฯ บ้างหรือไม่ หรือคิดว่า เมื่อสามารถกวาดต้อนบรรดานักการเมืองหน้าโง่เข้ามาเป็นบริษัทบริวารได้แล้ว ก็สามารถดำเนินนโยบายไปตามที่ตนต้องการ สิ่งใดที่จะเอื้อประโยชน์ให้แก่ตัวและครอบครัวได้ก็รีบทำ เพราะบรรดานักการเมืองหน้าโง่ทั้งหลายที่เข้ามาอยู่ในพรรคร่วมสนับสนุนเขา เสมอเพียงข้าทาสบริวารเท่านั้น
ก่อน 8 เมษายน ทักษิณ ชินวัตร ปลุกข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ไม่มีเส้นเข้าร่วมชุมนุมกับพลพรรคคนเสื้อแดงประหนึ่งว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะที่เพิ่งเข้ามาบริหารประเทศได้ 3 เดือน เล่นพรรคเล่นพวก ต่างกับรัฐบาลที่มีทักษิณ ชินวัตรบริหารประเทศด้วยความซื่อสัตย์ เที่ยงธรรม ข้าราชการต่างก็ได้เลื่อนชั้น เลื่อนขั้น เป็นไปด้วยความเหมาะสมกับความสามารถ ความอาวุโสทุกผู้ทุกคน ทุกกระทรวง ทบวง กรม
แล้วตำรวจคนไหนที่มันข้ามหัวคนอื่นมาเกือบ 20 ตำแหน่ง เพื่อเตรียมตัวจะเป็นผู้บัญชาการตำรวจสูงสุด
แล้วทหารคนไหนที่มันขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการทหารบกโดยที่ไม่ได้คุมกำลังมาก่อน
แล้วใครที่มันเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมที่ยาวนานที่สุด ต่ออายุแล้วก็ต่ออีก
แล้วใครที่ได้เป็นปลัดกระทรวงการคลัง
แล้วใครที่เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย มิไอ้คนที่มันเคยช่วยคลี่คลายปัญหาที่ดินวัดที่นักการเมืองชั่วๆ เอาที่วัดมาสร้างสนามกอล์ฟหรอกหรือ
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐบาลที่ประชาชนต่างก็ตั้งความหวังเอาไว้ว่า จะต้องไม่ปล่อยปละละเลยต่อคนที่มันหนีคุก แล้วยังมีหน้ามาแว้งเอากับประเทศชาติ ด้วยการให้ท้ายพลพรรคเสื้อแดง ปิดกั้นถนนหนทาง แล้วพูดง่ายๆ ว่า แค่ผิดกฎจราจร หรือให้ท้ายคนที่ไปป่วนการประชุมระดับนานาชาติ ที่เราเป็นเจ้าภาพ
3 เดือนของการเป็นรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เป็น 3 เดือนที่อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษหนีคุกสะสมกำลัง รอคอยโอกาส ฉกฉวยจังหวะที่จะเล่นงานรัฐบาลนายอภิสิทธิ์และประเทศไทยอยู่ตลอดเวลา ด้วยการโฟนอิน หรือไม่ก็ใช้วิดีโอลิงก์เข้าสู่รายการที่มีการชุมนุมของผู้ที่สนับสนุนเขา
เข้าใจล่ะ การติดต่อสื่อสารทุกวันนี้ก้าวหน้า และประชาชนมีสิทธิที่จะใช้วิธีการอันทันสมัยในการสื่อสาร แต่ไม่มีสิทธิให้ร้ายใครหรือพูดในสิ่งที่เป็นเท็จ ปลุกปั่นให้ล้มรัฐบาล ปลุกปั่นให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อสถาบันสำคัญๆ เช่น สถาบันตุลาการ
ทักษิณ ชินวัตรและพลพรรคของเขาพูดอยู่ตลอดเวลาว่า ศาลไม่เป็นธรรม เช่น ทำกับข้าวถูกปลด เป็นกบฏถูกปล่อย โดยที่ทักษิณพูดไม่หมดไม่สิ้นกระแสความว่า ทำกับข้าวแล้วรับเงินเขา เป็นนายกรัฐมนตรี จะไปทำอย่างนั้นไม่ได้ หรือเป็นกบฏได้เป็นรัฐมนตรี อย่างนายกษิต ภิรมย์ โดยที่ความเป็นจริง นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังไม่เคยถูกจับ ยังไม่เคยเป็นผู้ต้องหา ยังไม่เคยขึ้นศาลใดๆ เลย แตกต่างอย่างยิ่งกับทักษิณ ชินวัตรที่ถูกตัดสินโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือช่วงที่ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกก็ซุกหุ้น แล้วอ้างว่าบกพร่องโดยสุจริต และใช้วิธีหักดิบศาลรัฐธรรมนูญอย่างหน้าด้านๆ เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่บอกว่าทักษิณไม่ผิด มีเพียง 4 คนเท่านั้น ยังทะลึ่งเอาไปรวมกับตุลาการที่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น
ข้อเท็จจริงเหล่านี้พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำของรัฐบาลและในฐานะที่ดูแลด้านสื่อสารมวลชนกลับไม่เอาข้อเท็จจริงเหล่านี้ให้ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงรู้
พวกพร้อมที่จะโง่อยู่แล้ว พร้อมที่จะสนับสนุนทักษิณ ชินวัตรอยู่แล้ว พวกเขาก็ยิ่งเชื่อหนักเข้าไปอีกว่า ทักษิณถูกกลั่นแกล้ง ถูกกล่าวหา เช่น ซื้อขายหุ้นไม่เสียภาษี ก็เชื่อว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะการซื้อขายหุ้นในตลาดไม่เสียภาษีอยู่แล้ว โดยที่ไม่ได้ดูในรายละเอียดว่า ทักษิณ ใช้วิธีซิกแซกสลับซับซ้อนอย่างไรในการขาย
หรือทักษิณเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย มาจากการเลือกตั้ง แต่ทหารกลับปฏิวัติยึดอำนาจเป็นการถอยหลัง แต่ไม่มีใครบอกว่า ถ้าหากไม่ยึดอำนาจ 19 กันยายน ป่านนี้ทักษิณจะกลายเป็นเทพเจ้าไปหรือยัง ทรัพย์สินจะกลายเป็นล้านล้านบาทไปหรือยัง หรืออาจจะมีคนตายด้วยการถูกฆ่าตัดตอนทำนองเดียวกับการปราบปรามยาเสพติดอีกกี่ร้อยกี่พันศพ
พฤติการณ์ในช่วงมีนาคมจนกระทั่งถึงเมษายนนี้ ถ้าหากรัฐบาลจัดการกับทักษิณ ประกาศจับในข้อหากบฏภายในและภายนอกราชอาณาจักร ทักษิณก็หมดหนทางเคลื่อนไหวแล้ว
ใครให้การช่วยเหลือกบฏภายในและภายนอกราชอาณาจักร ก็จับมันเสีย เหตุการณ์ก็จะไม่ลุกลาม
แต่รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่รอการประนีประนอม รอการเจรจา เพราะต้องพึ่งพาเสียงสนับสนุนจากบริษัทบริวารเก่าของทักษิณ แนวคิดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แนวคิดที่จะนิรโทษกรรมให้นักการเมืองที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุติบทบาท 111 คนในครั้งแรกและครั้งที่สองอีกร้อยกว่าคน จึงเกิดขึ้นตลอดเวลา
แทนที่จะเดินหน้าทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย แทนที่จะจัดการกับระบอบทักษิณอันกักขฬะและชั่วร้ายให้หมดไปจากประเทศไทย
ระวังประชาธิปัตย์จะเจ็บในภายหลัง แล้วจะหาว่าหล่อไม่เตือน