ASTVผู้จัดการรายวัน - ชาญอิสสระฯ โอดวิกฤตเศรษฐกิจการเมืองในประเทศป่วน พ่นพิษ ทุกอุตสาหกรรมชะลอตัว เผยปีนี้ประเมินการเติบโตของบริษัทแค่ช่วงสั้น ตั้งเป้ารายได้ปี 52 ใกล้เคียงกับปี 51 ที่ทำไว้ 1.1 พันล้านบาท เน้นรักษากำไรขั้นต้นไม่ให้ต่ำลง ขณะที่มียอดขาย รอโอน 4 โครงการ ทยอยรับรู้รายได้ 2-3 ปี พร้อมอัดโปรโมชันจูงใจลูกค้า
นายสงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI เปิดเผยว่า บริษัทยอมรับว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่านมาได้รับผลจากวิกฤตการเงินและเศรษฐกิจโลกไม่น้อยไปกว่าธุรกิจกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เกิดการชะลอตัวลงประกอบกับที่ผ่านมาราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น บริษัทตั้งเป้า รายได้ปี 52 เติบโตใกล้เคียงกับปี 51 ที่ 1,127 ล้านบาท พร้อมรักษาอัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนเช่นกัน จากผลดีของงานในมือที่ทยอยรับรู้รายได้จากโครงการต่างๆ ในปีนี้
ทั้งนี้ จากสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวและบรรยากาศทางการเมืองยังไม่นิ่งขณะนี้ บริษัทยังประเมินแนวโน้มทางธุรกิจของช่วงไตรมาสแรกปีนี้ได้ยากว่าผลประกอบการจะออกมาในรูปแบบใด เนื่องจากรายได้ที่บริษัททยอยรับรู้จากโครงการต่างๆ นั้นมีเข้ามาไม่แน่นอน แต่เบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ในอัตราใกล้เคียงกับปี 51 ที่ประมาณ 66 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ 4 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการคอนโด-มิเนียม 2 โครงการ คือบริเวณถนนลาดพร้าว มูลค่า 2,700 ล้านบาท บริเวณถนนสุขุมวิท ซอย 42 มูลค่า 460 ล้านบาท และโครงการ รีสอร์ต 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านชานทะเล ชะอำ มูลค่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถ ทยอยโอนได้หมดช่วงครึ่งแรกของปี 52 และโครงการโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต มูลค่า 2,700 ล้านบาท ที่มีจำนวนทั้งหมด 4 เฟส โครงการเหล่านี้เป็นโครงการก่อสร้างที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว และจะทยอยรับรู้ให้กับบริษัทเป็นระยะเวลาถึง 2-3 ปี
สำหรับปัญหาของวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นส่งผลให้กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เกิดการชะลอตัวลง ซึ่งบริษัทพยายามหาวิธีการจูงใจลูกค้าเข้ามาเพิ่มในเรื่องของตัวสินค้า และการให้บริการ ทั้งในส่วนของลูกค้าใหม่ และลูกค้าเก่า เพื่อให้เกิดจุดเด่นและสร้างความน่าสนใจในแบรนด์ของธุรกิจ ทั้งการจัดรายการโปรโมชันลดราคา หรือแพกเกจที่ประหยัดและคุ้มค่าสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงการจัดกิจกรรมร่วมกับธุรกิจ ได้แก่ การจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจได้เข้าร่วม
'ราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับขึ้นในช่วงแรกก็ส่งผลต่อธุรกิจเราเหมือนกัน ประกอบกับเจอปัญญาเศรษฐกิจโลกอีก ทำให้ธุรกิจชะงักไป แต่พอมาช่วงหลังราคาปรับลงทุกอย่างก็กลับมาดีเหมือนเดิม และถือว่าเป็นเรื่องดีของธุรกิจก่อสร้างที่เป็นธุรกิจในการรับรู้รายได้ระยะยาวขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการอย่างน้อยต้อง 2-3 ปี ทำให้รายได้มีทยอยเข้ามา ตอนนี้เราคงไม่มีโครงการใหม่เพราะรอดูสถานการณ์ไปก่อน' นายสงกรานต์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีมาตรการปลด พนักงานออก รวมถึงในส่วนของลูกค้าก็ไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน เนื่องจากเมื่อเทียบสัดส่วนลูกค้าของบริษัททั้ง 100% มีเพียง 30% เท่านั้นที่มีการทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารในการ เช่าซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัท จึงประเมินได้ว่าลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่ค่อนข้างมีศักยภาพทางการบริโภคสูง และมีประสิทธิภาพที่ดีจึงจะส่งผลดีสะท้อนมาสู่บริษัทในเรื่องรายได้ที่จะเข้าแน่นอน และประเมินภาพรวมการฟื้นตัวของ ธุรกิจเศรษฐกิจโลกที่จะปรับตัวดีขึ้น คาดต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี
นายสงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI เปิดเผยว่า บริษัทยอมรับว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่านมาได้รับผลจากวิกฤตการเงินและเศรษฐกิจโลกไม่น้อยไปกว่าธุรกิจกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เกิดการชะลอตัวลงประกอบกับที่ผ่านมาราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น บริษัทตั้งเป้า รายได้ปี 52 เติบโตใกล้เคียงกับปี 51 ที่ 1,127 ล้านบาท พร้อมรักษาอัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนเช่นกัน จากผลดีของงานในมือที่ทยอยรับรู้รายได้จากโครงการต่างๆ ในปีนี้
ทั้งนี้ จากสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวและบรรยากาศทางการเมืองยังไม่นิ่งขณะนี้ บริษัทยังประเมินแนวโน้มทางธุรกิจของช่วงไตรมาสแรกปีนี้ได้ยากว่าผลประกอบการจะออกมาในรูปแบบใด เนื่องจากรายได้ที่บริษัททยอยรับรู้จากโครงการต่างๆ นั้นมีเข้ามาไม่แน่นอน แต่เบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ในอัตราใกล้เคียงกับปี 51 ที่ประมาณ 66 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ 4 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการคอนโด-มิเนียม 2 โครงการ คือบริเวณถนนลาดพร้าว มูลค่า 2,700 ล้านบาท บริเวณถนนสุขุมวิท ซอย 42 มูลค่า 460 ล้านบาท และโครงการ รีสอร์ต 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านชานทะเล ชะอำ มูลค่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถ ทยอยโอนได้หมดช่วงครึ่งแรกของปี 52 และโครงการโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต มูลค่า 2,700 ล้านบาท ที่มีจำนวนทั้งหมด 4 เฟส โครงการเหล่านี้เป็นโครงการก่อสร้างที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว และจะทยอยรับรู้ให้กับบริษัทเป็นระยะเวลาถึง 2-3 ปี
สำหรับปัญหาของวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นส่งผลให้กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เกิดการชะลอตัวลง ซึ่งบริษัทพยายามหาวิธีการจูงใจลูกค้าเข้ามาเพิ่มในเรื่องของตัวสินค้า และการให้บริการ ทั้งในส่วนของลูกค้าใหม่ และลูกค้าเก่า เพื่อให้เกิดจุดเด่นและสร้างความน่าสนใจในแบรนด์ของธุรกิจ ทั้งการจัดรายการโปรโมชันลดราคา หรือแพกเกจที่ประหยัดและคุ้มค่าสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงการจัดกิจกรรมร่วมกับธุรกิจ ได้แก่ การจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจได้เข้าร่วม
'ราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับขึ้นในช่วงแรกก็ส่งผลต่อธุรกิจเราเหมือนกัน ประกอบกับเจอปัญญาเศรษฐกิจโลกอีก ทำให้ธุรกิจชะงักไป แต่พอมาช่วงหลังราคาปรับลงทุกอย่างก็กลับมาดีเหมือนเดิม และถือว่าเป็นเรื่องดีของธุรกิจก่อสร้างที่เป็นธุรกิจในการรับรู้รายได้ระยะยาวขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการอย่างน้อยต้อง 2-3 ปี ทำให้รายได้มีทยอยเข้ามา ตอนนี้เราคงไม่มีโครงการใหม่เพราะรอดูสถานการณ์ไปก่อน' นายสงกรานต์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีมาตรการปลด พนักงานออก รวมถึงในส่วนของลูกค้าก็ไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน เนื่องจากเมื่อเทียบสัดส่วนลูกค้าของบริษัททั้ง 100% มีเพียง 30% เท่านั้นที่มีการทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารในการ เช่าซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัท จึงประเมินได้ว่าลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่ค่อนข้างมีศักยภาพทางการบริโภคสูง และมีประสิทธิภาพที่ดีจึงจะส่งผลดีสะท้อนมาสู่บริษัทในเรื่องรายได้ที่จะเข้าแน่นอน และประเมินภาพรวมการฟื้นตัวของ ธุรกิจเศรษฐกิจโลกที่จะปรับตัวดีขึ้น คาดต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี