ASTVผู้จัดการรายวัน-บีโอไอเผยโครงการลงทุนของต่างชาติในไทยไตรมาสแรกปีนี้ลดลง 40.5% และมูลค่าการลงทุนลดลง 71% “ชาญชัย”เตรียมบุกโรดโชว์ออสเตรเลียดึงลงทุนเพิ่ม หลังลุยจีนไปก่อนหน้านี้
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)แจ้งว่า ไตรมาสแรกปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.) การยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนตรงจากนักลงทุนต่างชาติ (FDI) มีจำนวน 141 โครงการจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 237 โครงการหรือลดลง 40.5% ส่วนจำนวนเงินลงทุน 18,737 ล้านบาท ลดลง 71% จากปีก่อนอยู่ที่ 65,247 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าที่ลดลงถึง 46,510 ล้านบาท โดยอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างชาติสนใจยื่นขอส่งเสริมการลงทุนและมีปริมาณเงินลงทุนสูงสุด คือ กิจการบริการและสาธารณูปโภคในภาคอุตสาหกรรม รองลงมา คือ กิจการผลิตชิ้นส่วนโลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง ส่วนนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด ยังคงเป็นญี่ปุ่น
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 27 เม.ย.-2 พ.ค.2552 กระทรวงอุตสาหกรรม และบีโอไอจะเดินทางไปชักจูงการลงทุนที่ประเทศออสเตรเลีย โดยจะมีการพบปะหารือกับบริษัทชั้นนำของออสเตรเลีย และจัดสัมมนาสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยใน 3 เมืองใหญ่ คือ บริสเบน เมลเบิร์น และซิดนีย์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปโรดโชว์ที่จีนเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนจีนสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดจะเข้ามาลงทุนสร้างสถานีจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) และรถขนส่งก๊าซเอ็นจีวีเคลื่อนที่ วงเงินลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)แจ้งว่า ไตรมาสแรกปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.) การยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนตรงจากนักลงทุนต่างชาติ (FDI) มีจำนวน 141 โครงการจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 237 โครงการหรือลดลง 40.5% ส่วนจำนวนเงินลงทุน 18,737 ล้านบาท ลดลง 71% จากปีก่อนอยู่ที่ 65,247 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าที่ลดลงถึง 46,510 ล้านบาท โดยอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างชาติสนใจยื่นขอส่งเสริมการลงทุนและมีปริมาณเงินลงทุนสูงสุด คือ กิจการบริการและสาธารณูปโภคในภาคอุตสาหกรรม รองลงมา คือ กิจการผลิตชิ้นส่วนโลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง ส่วนนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด ยังคงเป็นญี่ปุ่น
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 27 เม.ย.-2 พ.ค.2552 กระทรวงอุตสาหกรรม และบีโอไอจะเดินทางไปชักจูงการลงทุนที่ประเทศออสเตรเลีย โดยจะมีการพบปะหารือกับบริษัทชั้นนำของออสเตรเลีย และจัดสัมมนาสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยใน 3 เมืองใหญ่ คือ บริสเบน เมลเบิร์น และซิดนีย์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปโรดโชว์ที่จีนเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนจีนสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดจะเข้ามาลงทุนสร้างสถานีจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) และรถขนส่งก๊าซเอ็นจีวีเคลื่อนที่ วงเงินลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท