จ๊อกกี้ ชี้พิษเศรษฐกิจพ่นตลาดชุดชั้นในไม่โตรอบ 12ปี ปรับตัวเร่งขยายคอลเลกชั่นแฟชั่น หวังทะลวงกลุ่มคนรุ่นใหม่ และขยายตลาดผู้หญิงหลังตลาดโตพรวดมากกว่าชุดชั้นในชาย นำร่องส่งคอลเลกชั่นใหม่”คัลเลอร์ วาย ฟร้อนท์” อัดโปรโมชั่นลดราคา 30-50% รับตลาดแข่งเดือด สิ้นปีโต 15% รั้งตำแหน่งผู้นำกวาดแชร์เพิ่ม 32%
นายวิสิฐ ผรณาปิติ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาดผลิตภัณฑ์ จ๊อกกี้ บริษัท เซ็นทรัลเทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดชุดชั้นในช่องทางห้างสรรพสินค้ามูลค่า 1,000ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าไม่เติบโตหรือโตเล็กน้อย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกรอบ 12ปี หรือตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 จากปกติตลาดชุดชั้นในโต 8-10 %
เนื่องจากผลพวงจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้ผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย และไม่เพียงประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น โดยพบว่าในยุโรปและเอเชีย ตลาดชุดชั้นในก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ
สำหรับแนวทางการตลาดชุดชั้นในจ๊อกกี้ในไทยปีนี้ ปรับตัวเน้นชุดชั้นในแฟชั่นกลุ่มโมเดิร์นและสปอร์ตมากขึ้น โดยบริษัทจะมีคอลเลกชั่นเปิดตัวลงสู่ตลาดทุกไตรมาส จากปัจจุบันจ๊อกกี้เป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งชุดชั้นในเบสิก เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค หันมาสวมใส่ชุดชั้นในเป็นแฟชั่นมากขึ้นอีกทั้งยังสามารถขยายฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันฐานลูกค้าหลักอายุระหว่าง 25-45 ปี
นอกจากนี้บริษัทยังเน้นขยายฐานกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงมากขึ้น เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเติบโตได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ชาย อีกทั้งผู้หญิงยังมีความถี่ในการซื้อสูงสัดส่วน 3 ต่อ 1 อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงรักษาสัดส่วนชุดชั้นในผู้ชาย 60% เนื่องจากจ๊อกกี้ยังเป็นแบรนด์ที่เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ชายเป็นหลัก ส่วนผู้หญิงสัดส่วน 40%
ขณะเดียวกันปีนี้ใช้กลยุทธ์โปรโมชั่นเชิงรุก โดยนำสินค้าลดราคา 30-50% จากปกติ 15% หรือจัดรายการซื้อ 2 แถม 1 การแจกของพรีเมียม ตลอดจนจัดกิจกรรม ณ จุดขายภายใต้การทุ่มงบตลาด 10% ของรายได้
“การมอบส่วนลดที่เพิ่มมากขึ้นของจ๊อกกี้ แม้ว่าเป็นสินค้าที่ตกรุ่นไปแล้วก็ตาม แต่กลยุทธ์ดังกล่าวเพื่อรองรับกับแนวโน้มตลาดชุดชั้นในที่การแข่งขันมีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม ทั้งนี้เพื่อช่วงชิงกำลังการซื้อของผู้บริโภค”
พร้อมกันนี้ทุ่มงบ 3-4 ล้านบาท เปิดตัวร้านในรูปแบบสแตนอโลนเพิ่ม 1 สาขา จากเดิมมีทั้งหมด 3 สาขา และห้างสรรพสินค้า 75 แห่ง ล่าสุดเปิดตัวคอลเลกชันใหม่”คัลเลอร์ วาย ฟร้อนท์” เน้นดีไซน์ทันสมัย สีสันฉูดฉาด โดยเป็นคอลเลกชั่นนำเข้าและเป็นการฉลองโอกาสการครบรอบ 75 ปี เพื่อขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 18– 25ปี จากการดำเนินการตลาดเชิงรุกบริษัทตั้งเป้าขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่ม 10-20% ในช่วง 1-2 ปี
สำหรับผลประกอบการสิ้นปีนี้ตั้งเป้าโต 15% จากปีที่ผ่านมาโต 8% ซึ่งทำให้มีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 30% เป็น 32% รั้งตำแหน่งผู้นำตลาดชุดชั้นในช่องทางห้างสรรพสินค้าอย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็น สัดส่วนชุดชั้นใน 4 กลุ่ม คือ เบสิก โมเดิร์น สปอร์ต และนวัตกรรม ตามลำดับ ส่วนอันดับ 2 คือ กีลาโลส มีส่วนแบ่ง 10%
ด้านนายทิโมธี่ วีลเลอร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท จ๊อกกี้อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวทางการตลาดจ๊อกกี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ปีนี้เพิ่มความถี่ในการเปิดตัวคอลเลกชั่นใหม่ๆ เพราะพบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มผู้ชาย ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของแบรนด์ ชอบซื้อสินค้าใหม่ๆ มาทดลอง
อย่างไรก็ตามเทรนด์ปีนี้เน้นการปรับการใช้งานให้เข้ากับกิจวัตรประจำวันหลากหลาย มุ่งเน้นการใช้งานและตอบโจทย์เรื่องสุขภาพ
นายวิสิฐ ผรณาปิติ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาดผลิตภัณฑ์ จ๊อกกี้ บริษัท เซ็นทรัลเทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดชุดชั้นในช่องทางห้างสรรพสินค้ามูลค่า 1,000ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าไม่เติบโตหรือโตเล็กน้อย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกรอบ 12ปี หรือตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 จากปกติตลาดชุดชั้นในโต 8-10 %
เนื่องจากผลพวงจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้ผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย และไม่เพียงประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น โดยพบว่าในยุโรปและเอเชีย ตลาดชุดชั้นในก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ
สำหรับแนวทางการตลาดชุดชั้นในจ๊อกกี้ในไทยปีนี้ ปรับตัวเน้นชุดชั้นในแฟชั่นกลุ่มโมเดิร์นและสปอร์ตมากขึ้น โดยบริษัทจะมีคอลเลกชั่นเปิดตัวลงสู่ตลาดทุกไตรมาส จากปัจจุบันจ๊อกกี้เป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งชุดชั้นในเบสิก เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค หันมาสวมใส่ชุดชั้นในเป็นแฟชั่นมากขึ้นอีกทั้งยังสามารถขยายฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันฐานลูกค้าหลักอายุระหว่าง 25-45 ปี
นอกจากนี้บริษัทยังเน้นขยายฐานกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงมากขึ้น เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเติบโตได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ชาย อีกทั้งผู้หญิงยังมีความถี่ในการซื้อสูงสัดส่วน 3 ต่อ 1 อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงรักษาสัดส่วนชุดชั้นในผู้ชาย 60% เนื่องจากจ๊อกกี้ยังเป็นแบรนด์ที่เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ชายเป็นหลัก ส่วนผู้หญิงสัดส่วน 40%
ขณะเดียวกันปีนี้ใช้กลยุทธ์โปรโมชั่นเชิงรุก โดยนำสินค้าลดราคา 30-50% จากปกติ 15% หรือจัดรายการซื้อ 2 แถม 1 การแจกของพรีเมียม ตลอดจนจัดกิจกรรม ณ จุดขายภายใต้การทุ่มงบตลาด 10% ของรายได้
“การมอบส่วนลดที่เพิ่มมากขึ้นของจ๊อกกี้ แม้ว่าเป็นสินค้าที่ตกรุ่นไปแล้วก็ตาม แต่กลยุทธ์ดังกล่าวเพื่อรองรับกับแนวโน้มตลาดชุดชั้นในที่การแข่งขันมีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม ทั้งนี้เพื่อช่วงชิงกำลังการซื้อของผู้บริโภค”
พร้อมกันนี้ทุ่มงบ 3-4 ล้านบาท เปิดตัวร้านในรูปแบบสแตนอโลนเพิ่ม 1 สาขา จากเดิมมีทั้งหมด 3 สาขา และห้างสรรพสินค้า 75 แห่ง ล่าสุดเปิดตัวคอลเลกชันใหม่”คัลเลอร์ วาย ฟร้อนท์” เน้นดีไซน์ทันสมัย สีสันฉูดฉาด โดยเป็นคอลเลกชั่นนำเข้าและเป็นการฉลองโอกาสการครบรอบ 75 ปี เพื่อขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 18– 25ปี จากการดำเนินการตลาดเชิงรุกบริษัทตั้งเป้าขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่ม 10-20% ในช่วง 1-2 ปี
สำหรับผลประกอบการสิ้นปีนี้ตั้งเป้าโต 15% จากปีที่ผ่านมาโต 8% ซึ่งทำให้มีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 30% เป็น 32% รั้งตำแหน่งผู้นำตลาดชุดชั้นในช่องทางห้างสรรพสินค้าอย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็น สัดส่วนชุดชั้นใน 4 กลุ่ม คือ เบสิก โมเดิร์น สปอร์ต และนวัตกรรม ตามลำดับ ส่วนอันดับ 2 คือ กีลาโลส มีส่วนแบ่ง 10%
ด้านนายทิโมธี่ วีลเลอร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท จ๊อกกี้อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวทางการตลาดจ๊อกกี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ปีนี้เพิ่มความถี่ในการเปิดตัวคอลเลกชั่นใหม่ๆ เพราะพบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มผู้ชาย ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของแบรนด์ ชอบซื้อสินค้าใหม่ๆ มาทดลอง
อย่างไรก็ตามเทรนด์ปีนี้เน้นการปรับการใช้งานให้เข้ากับกิจวัตรประจำวันหลากหลาย มุ่งเน้นการใช้งานและตอบโจทย์เรื่องสุขภาพ