ASTVผู้จัดการรายวัน/เอเยนซีส์ – “กษิต” พูดที่นิวยอร์ก “น.ช.แม้ว” พัวพันการลอบสังหาร “สนธิ” ตลอดจนพยายามตามล่านายกฯและรัฐมนตรีคนสำคัญ หวังเป็น “ที่พึ่งสุดท้าย”ในการกลับคืนสู่อำนาจ หลังขบวนการ “คนเสื้อแดง” ถูกปราบจากการก่อจลาจล ทางด้าน “จักรภพ” ดีดดิ้นกับสื่อนอกไม่เลิก สุดเหิมไม่กลัวความผิดฐานกบฏ ประกาศผ่านบีบีซีจะต่อสู้รัฐบาลโดยโจมตีด้วยกำลังอาวุธ
สื่อต่างประเทศหลายสำนัก อาทิ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก, เอพี, รอยเตอร์ รวมทั้งเว็บไซต์หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ รายงานว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ไปกล่าวสุนทรพจน์ที่สำนักใหญ่ของสมาคมเอเชีย (Asia Society) นครนิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา เมื่อวันอังคาร(21) โดยทางสมาคมได้นำเอาบันทึกวิดีโอ ตลอดจนการถอดความต้นฉบับของสุนทรพจน์ดังกล่าวนี้ มาเผยแพร่ทางเว็บไซต์ (www.asiasociety.org) ด้วย
รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศเริ่มต้นสุนทรพจน์โดยเล่าว่า ระยะสองสามสัปดาห์ ระยะประมาณ 10 วันที่ผ่านมา ตนเองเหมือนถูกคุมขัง ถูกรายล้อมด้วยนาวิกโยธินติดอาวุธอย่างเต็มที่ประมาณ 10 คน นอกจากนั้นในช่วงต่อมา นายกษิตยังบอกว่า ต้องโยกย้ายเปลี่ยนไปพำนักในเซฟเฮาส์ 2-3 แห่งอีกด้วย
นายกษิตกล่าวว่า “เนื่องจากผมอยู่ในกลุ่มคนไทยที่พิเศษมากๆ นำโดยนายกรัฐมนตรีไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ), ผู้นำของฝ่ายค้านคนหนึ่ง (นายสนธิ ลิ้มทองกุล) ผู้ซึ่งถูกยิงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในเวลาประมาณ 6.00 น.ตอนเช้า เขาควรจะรับประทานอาหารกลางวันกับผมในตอนเที่ยง แต่เขาก็ถูกยิงเสียก่อน ผมคิดว่าอาการของเขากำลังดีขึ้นมากๆ
“จากนั้นบุคคลที่สี่คือตัวผมเอง และผมคิดว่าบุคคลที่ 5 ที่ตกอยู่ในความพยายามลอบสังหารในขณะนี้ด้วย ก็คือรัฐมนตรีว่าการคลัง (นายกรณ์ จาติกวณิช) ดังนั้น พวกเราทั้ง 5 คนในขณะนี้จึงกำลังได้รับการคุ้มครองเป็นอย่างดียิ่งจากกองกำลังรักษาความปลอดภัย” รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศบอก
จากนั้นนายกษิตตั้งคำถามว่า “ประเทศไทยเปลี่ยนมาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร สถานการณ์ที่พวกนักการเมืองไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นอิสระ” แล้วก็ตอบเองว่า “เนื่องจากในเวลา ณ ขณะนี้ ความขัดแย้งทางการเมืองในราชอาณาจักรไทยกำลังเปลี่ยนแปลงมากยิ่งขึ้น จากความแตกต่างในทางอุดมการณ์ กลายมาเป็นว่าใครที่จะเป็นผู้อยู่รอด
“ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องความอยู่รอดของพวกเราบางคน เพื่อให้สามารถที่จะธำรงรักษากระบวนการทางประชาธิปไตยในประเทศไทยเอาไว้ และเพื่อนำพาประเทศไทยให้ออกจากสถานการณ์อันยากลำบากนี้ ไปสู่การเป็นสังคมประชาธิปไตยและเปิดกว้างที่เติบโตเต็มที่
“ส่วนในอีกฝ่ายหนึ่ง ก็คือ ที่พึ่งสุดท้ายของอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) ซึ่งกำลังประสบความล้มเหลวในเรื่องขบวนการประชานิยมและการก่อความไม่สงบของมวลชน และเวลานี้ ผมคิดว่าเขาหันไปพึ่งพาความพยายามที่จะลอบสังหารในบางรูปแบบ”
“นี่คือสถานการณ์ในขณะนี้ ในเวลาตอนนี้ เรามีความมั่นใจหรือไม่ ครับ เรามีความมั่นใจจริงๆ และเราก็สามารถเอาชนะเรื่องนี้ได้ด้วย ... มันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี แต่ผมคิดว่า (ทักษิณ) กำลังสู้ตาย และถ้าหากเขาต้องการสู้จนลงท่อระบายน้ำ ผมก็คิดว่าพวกเราสองสามคน ก็ควรจะต้องสู้จนเป็นขี้เถ้าเหมือนกัน”
นายกษิตกล่าวด้วยว่า ตนเองและคนอื่นๆ ยังจะต้องใช้ชีวิตในท่ามกลางการคุ้มกันแน่นหนาเช่นนี้ไปอีกสองสามสัปดาห์ จนกว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่ปกติ
**"จักรภพ"กร้าวผ่านบีบีซีจะใช้อาวุธล้มรัฐบาล***
นายโจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซีรายงานข่าวเรื่อง Thai protesters 'plan new action'ในวันอังคารที่ผ่านมา (21) โดยนำเสนอบทสัมภาษณ์อันเหิมเกริมของนายจักรภพ เพ็ญแข หนึ่งในแกนนำกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งประกาศกร้าวกับสื่ออังกฤษว่า จะเดินหน้าเคลื่อนไหวใต้ดินเพื่อล้มล้างรัฐบาลชุดปัจจุบัน
นายจักรภพ ซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนีให้สัมภาษณ์กับบีบีซีจากแหล่งกบดานว่า การเคลื่อนไหวต่อจากนี้จะใช้ยุทธวิธีที่ต่างจากเดิมในการเผชิญหน้ากับรัฐบาล ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะใช้การโจมตีด้วยอาวุธด้วย
บีบีซีรายงานว่า ผู้ประท้วงกลุ่มเสื้อแดงอ้างว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐบาลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งใหม่ อย่างไรก็ตาม จากการสลายการชุมนุมอย่างกะทันหันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงตกอยู่ในสภาพสับสนอลหม่าน
ระหว่างการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากสถานที่ที่ไม่เปิดเผย นายจักรภพบอกกับบีบีซีว่า การต่อสู้เพื่อโค่นล้มรัฐบาลจะยังเดินหน้าต่อไป แต่จะไม่อาศัยการประท้วงในรูปแบบการชุมนุมเดิมๆ อีก
“ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะจะทำให้ประชาชนลงไปเคลื่อนไหวใต้ดิน"
"ผมเชื่อว่า พื้นที่ที่ปราศจากการใช้อาวุธและความรุนแรงในการแก้ปัญหาของประเทศไทย กำลังหดแคบลงทุกวัน" แกนนำกลุ่มเสื้อแดงผู้นี้กล่าว
นายจักรภพซึ่งหายตัวไปจากที่ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล เพิ่งปรากฏตัวออกมาในสัปดาห์นี้ โดยที่ก่อนหน้านี้ก็ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์แก่สื่อต่างประเทศหลายสำนัก อาทิ เอเอฟพี, เอพี, บลูมเบิร์ก โดยคุยว่าจะต่อสู้ต่อไปแบบใต้ดิน
สื่อต่างประเทศหลายสำนัก อาทิ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก, เอพี, รอยเตอร์ รวมทั้งเว็บไซต์หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ รายงานว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ไปกล่าวสุนทรพจน์ที่สำนักใหญ่ของสมาคมเอเชีย (Asia Society) นครนิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา เมื่อวันอังคาร(21) โดยทางสมาคมได้นำเอาบันทึกวิดีโอ ตลอดจนการถอดความต้นฉบับของสุนทรพจน์ดังกล่าวนี้ มาเผยแพร่ทางเว็บไซต์ (www.asiasociety.org) ด้วย
รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศเริ่มต้นสุนทรพจน์โดยเล่าว่า ระยะสองสามสัปดาห์ ระยะประมาณ 10 วันที่ผ่านมา ตนเองเหมือนถูกคุมขัง ถูกรายล้อมด้วยนาวิกโยธินติดอาวุธอย่างเต็มที่ประมาณ 10 คน นอกจากนั้นในช่วงต่อมา นายกษิตยังบอกว่า ต้องโยกย้ายเปลี่ยนไปพำนักในเซฟเฮาส์ 2-3 แห่งอีกด้วย
นายกษิตกล่าวว่า “เนื่องจากผมอยู่ในกลุ่มคนไทยที่พิเศษมากๆ นำโดยนายกรัฐมนตรีไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ), ผู้นำของฝ่ายค้านคนหนึ่ง (นายสนธิ ลิ้มทองกุล) ผู้ซึ่งถูกยิงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในเวลาประมาณ 6.00 น.ตอนเช้า เขาควรจะรับประทานอาหารกลางวันกับผมในตอนเที่ยง แต่เขาก็ถูกยิงเสียก่อน ผมคิดว่าอาการของเขากำลังดีขึ้นมากๆ
“จากนั้นบุคคลที่สี่คือตัวผมเอง และผมคิดว่าบุคคลที่ 5 ที่ตกอยู่ในความพยายามลอบสังหารในขณะนี้ด้วย ก็คือรัฐมนตรีว่าการคลัง (นายกรณ์ จาติกวณิช) ดังนั้น พวกเราทั้ง 5 คนในขณะนี้จึงกำลังได้รับการคุ้มครองเป็นอย่างดียิ่งจากกองกำลังรักษาความปลอดภัย” รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศบอก
จากนั้นนายกษิตตั้งคำถามว่า “ประเทศไทยเปลี่ยนมาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร สถานการณ์ที่พวกนักการเมืองไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นอิสระ” แล้วก็ตอบเองว่า “เนื่องจากในเวลา ณ ขณะนี้ ความขัดแย้งทางการเมืองในราชอาณาจักรไทยกำลังเปลี่ยนแปลงมากยิ่งขึ้น จากความแตกต่างในทางอุดมการณ์ กลายมาเป็นว่าใครที่จะเป็นผู้อยู่รอด
“ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องความอยู่รอดของพวกเราบางคน เพื่อให้สามารถที่จะธำรงรักษากระบวนการทางประชาธิปไตยในประเทศไทยเอาไว้ และเพื่อนำพาประเทศไทยให้ออกจากสถานการณ์อันยากลำบากนี้ ไปสู่การเป็นสังคมประชาธิปไตยและเปิดกว้างที่เติบโตเต็มที่
“ส่วนในอีกฝ่ายหนึ่ง ก็คือ ที่พึ่งสุดท้ายของอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) ซึ่งกำลังประสบความล้มเหลวในเรื่องขบวนการประชานิยมและการก่อความไม่สงบของมวลชน และเวลานี้ ผมคิดว่าเขาหันไปพึ่งพาความพยายามที่จะลอบสังหารในบางรูปแบบ”
“นี่คือสถานการณ์ในขณะนี้ ในเวลาตอนนี้ เรามีความมั่นใจหรือไม่ ครับ เรามีความมั่นใจจริงๆ และเราก็สามารถเอาชนะเรื่องนี้ได้ด้วย ... มันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี แต่ผมคิดว่า (ทักษิณ) กำลังสู้ตาย และถ้าหากเขาต้องการสู้จนลงท่อระบายน้ำ ผมก็คิดว่าพวกเราสองสามคน ก็ควรจะต้องสู้จนเป็นขี้เถ้าเหมือนกัน”
นายกษิตกล่าวด้วยว่า ตนเองและคนอื่นๆ ยังจะต้องใช้ชีวิตในท่ามกลางการคุ้มกันแน่นหนาเช่นนี้ไปอีกสองสามสัปดาห์ จนกว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่ปกติ
**"จักรภพ"กร้าวผ่านบีบีซีจะใช้อาวุธล้มรัฐบาล***
นายโจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซีรายงานข่าวเรื่อง Thai protesters 'plan new action'ในวันอังคารที่ผ่านมา (21) โดยนำเสนอบทสัมภาษณ์อันเหิมเกริมของนายจักรภพ เพ็ญแข หนึ่งในแกนนำกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งประกาศกร้าวกับสื่ออังกฤษว่า จะเดินหน้าเคลื่อนไหวใต้ดินเพื่อล้มล้างรัฐบาลชุดปัจจุบัน
นายจักรภพ ซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนีให้สัมภาษณ์กับบีบีซีจากแหล่งกบดานว่า การเคลื่อนไหวต่อจากนี้จะใช้ยุทธวิธีที่ต่างจากเดิมในการเผชิญหน้ากับรัฐบาล ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะใช้การโจมตีด้วยอาวุธด้วย
บีบีซีรายงานว่า ผู้ประท้วงกลุ่มเสื้อแดงอ้างว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐบาลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งใหม่ อย่างไรก็ตาม จากการสลายการชุมนุมอย่างกะทันหันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงตกอยู่ในสภาพสับสนอลหม่าน
ระหว่างการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากสถานที่ที่ไม่เปิดเผย นายจักรภพบอกกับบีบีซีว่า การต่อสู้เพื่อโค่นล้มรัฐบาลจะยังเดินหน้าต่อไป แต่จะไม่อาศัยการประท้วงในรูปแบบการชุมนุมเดิมๆ อีก
“ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะจะทำให้ประชาชนลงไปเคลื่อนไหวใต้ดิน"
"ผมเชื่อว่า พื้นที่ที่ปราศจากการใช้อาวุธและความรุนแรงในการแก้ปัญหาของประเทศไทย กำลังหดแคบลงทุกวัน" แกนนำกลุ่มเสื้อแดงผู้นี้กล่าว
นายจักรภพซึ่งหายตัวไปจากที่ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล เพิ่งปรากฏตัวออกมาในสัปดาห์นี้ โดยที่ก่อนหน้านี้ก็ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์แก่สื่อต่างประเทศหลายสำนัก อาทิ เอเอฟพี, เอพี, บลูมเบิร์ก โดยคุยว่าจะต่อสู้ต่อไปแบบใต้ดิน