ผู้ถือหุ้นชี้การบินไทยวิกฤต ขาดทุนเพราะทุจริต บริหารผิดพลาด ฝ่ายบริหารต้องรับผิดชอบ ขณะที่ประธานสหภาพฯย้ำอีกการเมืองแทรกแซงอย่างหนัก เสนอให้คลังซื้อหุ้นคืนจากรายย่อยแล้วออกจากตลาดหลักทรัพย์ ส่วน“พัชรวาท”แจ้งถอนตัวจากบอร์ดชุดใหม่ อ้างภารกิจมาก
วานนี้ (22 เม.ย.) บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้จัดประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2552 ซึ่งมีนายชัยเกษม นิติสิริ กรรมการบริษัทฯ เป็นประธานที่ประชุม โดยได้มีการเลือกคณะกรรมการชุดใหม่รวม 14 คน ซึ่งก็เป็นไปตามความคาดหมาย ขณะที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ได้แจ้งขอถอนตัว อ้างว่า มีภารกิจหน้าที่มาก ทั้งนี้ ในส่วนของประธานบอร์ดนั้น บอร์ดชุดใหม่จะมีการประชุมเพื่อเลือกอีกครั้งหนึ่ง
โดยตลอดระยะเวลาการประชุม ทางผู้ถือหุ้นได้มีการทักท้วงและมีการเสนอให้มีการเปลี่ยนวาระการพิจารณาในบางวาระที่เห็นว่ามีความสำคัญ ขึ้นมาพิจารณาในอันดับแรก คือ ขอให้เปลี่ยนวาระทั่วไป ที่เป็นวาระสุดท้ายมาแทนวาระที่ 2 คือ การพิจารณารับรองการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2550 โดยเฉพาะเรื่องของการจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัส A 330-300 เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ และทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย เนื่องจากเห็นว่า บอร์ดชุดเก่ายังไม่มีการพิจารณา ประกอบกับจะมีการตั้งบอร์ดชุดใหม่กัน ในขณะที่บอร์ดใหม่ยังไม่มีความรู้ในเรื่องดังกล่าวมากนัก และเลื่อนวาระการพิจารณาการแต่ตั้งคณะกรรมการชุดใหม่มาพิจารณาก่อน เพราะที่ผ่านมาคณะกรรมการชุดเดิมนั้น ทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่ขาดทุน
ผู้ถือหุ้นรายย่อยระบุว่า การดำเนินการจัดซื้อเครื่องบิน A330-300จำนวน 8 ลำของบริษัทฯ มีการดำเนินงานขัดมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่ให้บริษัทเช่าดำเนินงาน (Operation Lease) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ระบุในความเห็นไว้ว่า การจัดซื้อเครื่องบินจะกระทบต่อสถานะการเงินของบริษัท แต่ฝ่ายบริหารก็ยังเดินหน้าการจัดซื้อ และจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้า
การเมืองแทรกแซงหาผลประโยชน์
นางแจ่มศรี สุขโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การบินไทย กล่าวว่า ปัญหาของการบินไทยเกิดขึ้นจากฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซง เพราะบริษัทมีผลประโยชน์ทับซ้อมมากมาย โดยการใช้อำนาจการเมืองเข้าครอบงำฝ่ายบริหาร ในขณะที่พนักงานไม่กล้าต่อต้าน เพราะจะมีผลกระทบต่อหน้าที่การงาน
“ นักการเมืองเข้ามาแสวงหาประโยชน์ 4-5 ปีที่ผ่านมา การบินไทยต้องสูญเสียไปกับการลงทุนซื้อเครื่องบิน การปรับภาพลักษณ์ที่ฝ่ายการเมืองมีผลประโยชน์แอบแฝง มีบริษัท OUTSOURCE ที่มีกลุ่มทุนเป็นเจ้าของ สร้างรายจ่ายแฝงหลายพันล้านบาทให้บริษัท แต่พนักงานต้องมารับผิดชอบ”
เสนอคลังซื้อหุ้นรายย่อยคืน
ผู้ถือหุ้นรายหนึ่งเสนอว่า ต้องการให้กระทรวงการคลังซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นรายย่อย และนำบริษัทออกจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นยังขอคำชี้แจงจากฝ่ายบริหารถึงการบริหารงานในปี 2551 ที่ทำให้บริษัทประสบผลขาดทุนสุทธิ 21,379 ล้านบาท รวมถึงการตั้งสำรองค่าความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากกรณีที่บริษัทถูกฟ้องคดีละเมิดกฎหมายการป้องกันการค้าที่ไม่เป็นธรรม 4,290 ล้านบาท สำรองการขาดทุนจากการด้อยค่าของเครื่องบิน A340-500 จำนวน 4,426 ล้านบาท ซึ่งทำให้บริษัทขาดทุนจำนวนมาก ดังนั้น ควรแยกผลการขาดทุนที่เกิดขึ้นจากการทำธุรกิจจริงๆ กับการขาดทุนที่เกิดจากความผิดพลาดในการบริหารของฝ่ายบริหารออกจากกันให้ชัดเจน
ส่วนวาระการพิจารณางดจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2551 เนื่องจากในปีที่ผ่านมาการบินไทยมีผลขาดทุนที่สูง ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้นั้น ทางกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยระบุว่า ไม่เป็นการยุติธรรมสำหรับผู้ถือหุ้น โดยเสนอให้ที่ประชุมได้มีการพิจารณาการนำยอดเงินกำไรสะสมของบริษัท จำนวน 11,276 ล้านบาท มาจ่ายแทน โดยยกกรณีของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ที่ได้มีการดำเนินการดังกล่าว ในช่วงที่มีผลการดำเนินงานขาดทุนเหมือนกับการบินไทย
ทั้งนี้ นายชัยเกษม ประธานในที่ประชุมได้มีการชี้แจงว่า การนำยอดเงินดังกล่าว มาจ่ายเป็นเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นนั้น ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากยอดเงินดังกล่าวทางบริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องเก็บไว้ใช้ในกรณีที่บริษัทมีปัญหาการขาดสภาพคล่อง และใช้ในการดำเนินงานในอนาคต ดังนั้น จึงไม่สามารที่จะนำยอดเงินดังกล่าวมาจ่ายให้ผู้ถือหุ้นได้
วานนี้ (22 เม.ย.) บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้จัดประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2552 ซึ่งมีนายชัยเกษม นิติสิริ กรรมการบริษัทฯ เป็นประธานที่ประชุม โดยได้มีการเลือกคณะกรรมการชุดใหม่รวม 14 คน ซึ่งก็เป็นไปตามความคาดหมาย ขณะที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ได้แจ้งขอถอนตัว อ้างว่า มีภารกิจหน้าที่มาก ทั้งนี้ ในส่วนของประธานบอร์ดนั้น บอร์ดชุดใหม่จะมีการประชุมเพื่อเลือกอีกครั้งหนึ่ง
โดยตลอดระยะเวลาการประชุม ทางผู้ถือหุ้นได้มีการทักท้วงและมีการเสนอให้มีการเปลี่ยนวาระการพิจารณาในบางวาระที่เห็นว่ามีความสำคัญ ขึ้นมาพิจารณาในอันดับแรก คือ ขอให้เปลี่ยนวาระทั่วไป ที่เป็นวาระสุดท้ายมาแทนวาระที่ 2 คือ การพิจารณารับรองการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2550 โดยเฉพาะเรื่องของการจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัส A 330-300 เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ และทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย เนื่องจากเห็นว่า บอร์ดชุดเก่ายังไม่มีการพิจารณา ประกอบกับจะมีการตั้งบอร์ดชุดใหม่กัน ในขณะที่บอร์ดใหม่ยังไม่มีความรู้ในเรื่องดังกล่าวมากนัก และเลื่อนวาระการพิจารณาการแต่ตั้งคณะกรรมการชุดใหม่มาพิจารณาก่อน เพราะที่ผ่านมาคณะกรรมการชุดเดิมนั้น ทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่ขาดทุน
ผู้ถือหุ้นรายย่อยระบุว่า การดำเนินการจัดซื้อเครื่องบิน A330-300จำนวน 8 ลำของบริษัทฯ มีการดำเนินงานขัดมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่ให้บริษัทเช่าดำเนินงาน (Operation Lease) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ระบุในความเห็นไว้ว่า การจัดซื้อเครื่องบินจะกระทบต่อสถานะการเงินของบริษัท แต่ฝ่ายบริหารก็ยังเดินหน้าการจัดซื้อ และจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้า
การเมืองแทรกแซงหาผลประโยชน์
นางแจ่มศรี สุขโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การบินไทย กล่าวว่า ปัญหาของการบินไทยเกิดขึ้นจากฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซง เพราะบริษัทมีผลประโยชน์ทับซ้อมมากมาย โดยการใช้อำนาจการเมืองเข้าครอบงำฝ่ายบริหาร ในขณะที่พนักงานไม่กล้าต่อต้าน เพราะจะมีผลกระทบต่อหน้าที่การงาน
“ นักการเมืองเข้ามาแสวงหาประโยชน์ 4-5 ปีที่ผ่านมา การบินไทยต้องสูญเสียไปกับการลงทุนซื้อเครื่องบิน การปรับภาพลักษณ์ที่ฝ่ายการเมืองมีผลประโยชน์แอบแฝง มีบริษัท OUTSOURCE ที่มีกลุ่มทุนเป็นเจ้าของ สร้างรายจ่ายแฝงหลายพันล้านบาทให้บริษัท แต่พนักงานต้องมารับผิดชอบ”
เสนอคลังซื้อหุ้นรายย่อยคืน
ผู้ถือหุ้นรายหนึ่งเสนอว่า ต้องการให้กระทรวงการคลังซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นรายย่อย และนำบริษัทออกจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นยังขอคำชี้แจงจากฝ่ายบริหารถึงการบริหารงานในปี 2551 ที่ทำให้บริษัทประสบผลขาดทุนสุทธิ 21,379 ล้านบาท รวมถึงการตั้งสำรองค่าความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากกรณีที่บริษัทถูกฟ้องคดีละเมิดกฎหมายการป้องกันการค้าที่ไม่เป็นธรรม 4,290 ล้านบาท สำรองการขาดทุนจากการด้อยค่าของเครื่องบิน A340-500 จำนวน 4,426 ล้านบาท ซึ่งทำให้บริษัทขาดทุนจำนวนมาก ดังนั้น ควรแยกผลการขาดทุนที่เกิดขึ้นจากการทำธุรกิจจริงๆ กับการขาดทุนที่เกิดจากความผิดพลาดในการบริหารของฝ่ายบริหารออกจากกันให้ชัดเจน
ส่วนวาระการพิจารณางดจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2551 เนื่องจากในปีที่ผ่านมาการบินไทยมีผลขาดทุนที่สูง ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้นั้น ทางกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยระบุว่า ไม่เป็นการยุติธรรมสำหรับผู้ถือหุ้น โดยเสนอให้ที่ประชุมได้มีการพิจารณาการนำยอดเงินกำไรสะสมของบริษัท จำนวน 11,276 ล้านบาท มาจ่ายแทน โดยยกกรณีของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ที่ได้มีการดำเนินการดังกล่าว ในช่วงที่มีผลการดำเนินงานขาดทุนเหมือนกับการบินไทย
ทั้งนี้ นายชัยเกษม ประธานในที่ประชุมได้มีการชี้แจงว่า การนำยอดเงินดังกล่าว มาจ่ายเป็นเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นนั้น ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากยอดเงินดังกล่าวทางบริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องเก็บไว้ใช้ในกรณีที่บริษัทมีปัญหาการขาดสภาพคล่อง และใช้ในการดำเนินงานในอนาคต ดังนั้น จึงไม่สามารที่จะนำยอดเงินดังกล่าวมาจ่ายให้ผู้ถือหุ้นได้
