xs
xsm
sm
md
lg

จี้เร่งล่าสัตว์นรกลอบยิง “สนธิ” มารับกรรม พันธมิตรฯบุรีรัมย์เชื่อปมการเมือง/ฝีมือคนมีสี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แกนนำพันธมิตรฯบุรีรัมย์ ร่วมเรียกร้องรัฐบาล-ตร. เร่งจับกุมคนร้ายและ“สัตว์นรก” ผู้บงการลอบสังหาร “สนธิ ลิ้มทองกุล” มาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดโดยเร็ว
บุรีรัมย์- พันธมิตรฯบุรีรัมย์ นำโดย ภรรยา “สารวัตรจ๊าบ” วีรชนกู้ชาติ ร่วมเรียกร้องรัฐบาล-ตร.เร่งจับกุมคนร้าย และ “สัตว์นรก” ผู้บงการลอบสังหาร “สนธิ” มาดำเนินคดีตาม กม.อย่างเด็ดขาดโดยเร็ว มั่นใจปมเหตุลอบสังหารมาจากการเมือง และเป็นฝีมือคนมีสีแน่นอน ด้านพันธมิตรฯ สารคาม-ร้อยเอ็ดเรียกร้องให้รัฐบาลเปลี่ยนบุคคลที่รับผิดชอบด้านความมั่นคง เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และรับมือกับการก่อการร้าย เร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุก และควบคุมสื่อที่ก่อให้เกิดความแตกแยก ยุยง และให้ข้อมูลที่เป็นเท็จแก่ประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ที่บ้านเลขที่ 1-4/6 ถ.อิสาณ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ กลุ่มแกนนำเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จ.บุรีรัมย์ นำโดย น.ส.เพ็ญพิมล ใสงาม ภรรยา พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือ “สารวัตรจ๊าบ” หัวหน้าการ์ดและอดีตแกนนำพันธมิตรฯ บุรีรัมย์ ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์รถยนต์จิ๊ปเชโรกีระเบิด เมื่อครั้งรัฐบาลสั่งตำรวจสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ หน้าอาคารรัฐสภา กรุงเทพฯ 7 ตุลาคม 2551 นายเสฎฐวุฒิ ชมภูพงษ์, นายศักดิ์ชาย แต่งงาม กรรมการยามเฝ้าแผ่นดินบุรีรัมย์, นางลำยอง แสงดาว แกนนำพันธมิตรฯ อ.ประโคนชัย และเครือข่ายพันธมิตรฯ อ.เมืองบุรีรัมย์ อีกประมาณ 10 คน ได้ร่วมกันออกมาแถลงการณ์ถึงเหตุการณ์คนร้ายลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมคนขับรถและผู้ติดตาม เมื่อเช้าวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา

น.ส.เพ็ญพิมล ใสงาม ภรรยา พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือ “สารวัตรจ๊าบ” ได้อ่านแถลงการณ์ สรุปได้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ทำให้พวกเราชาวพันธมิตรฯ บุรีรัมย์ หวาดกลัวเสียขวัญกำลังใจแต่อย่างใด เพราะเราเข้าใจดีว่าวิถีการต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมือง และสถาบันสำคัญของประเทศ ย่อมมีอุปสรรคและอันตรายเป็นเรื่องธรรมดา แต่พวกเราเชื่อมั่นในบุญบารมีแห่งความดีและความจริงที่ชาวพันธมิตรฯร่วมกันต่อสู้เพื่อแผ่นดินย่อมเป็นเกราะป้องกันภัยให้แกนนำพันธมิตรฯทุกคน และ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล อยู่รอดปลอดภัยไม่ถึงแก่ชีวิต และมีสุขภาพแข็งแรงฟื้นคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว

ความรู้สึกของชาวพันธมิตรฯบุรีรัมย์ ที่มีต่อ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำทุกๆ คน ก็คือ ความเชื่อมั่น ศรัทธา ที่เกิดจากการอุทิศตัวของเหล่าแกนนำพันธมิตรฯที่ทำหน้าที่เปิดโปงความชั่วร้าย นักโทษชายทักษิณและลูกสมุน มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ท่ามกลางคมปาก คมหอก คมดาบ และห่ากระสุนปืน อาวุธสงครามนานาชนิด

พวกเราชาวพันธมิตรฯทั่วประเทศ ไม่ได้หลงใหลคลั่งไคล้แกนนำแบบไร้สมอง แต่ศรัทธาในเนื้อหาสาระแห่งการนำต่อสู้เพื่อพิทักษ์ชาติ แผ่นดินไทยและสถาบันเบื้องสูง ไม่ว่าแกนนำจะมีกี่คน หรือจะเหลือกี่คน พวกเราชาวพันธมิตรฯ ก็พร้อมที่จะยืนหยัดต่อสู้เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ต่อไป อย่างไม่มีวันยุติอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ขอฝากถึงนักการเมืองและข้าราชการไทยทั่วประเทศ ว่า หลายปีที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่า การต่อสู้เพื่อเปิดโปงความชั่วร้ายของนักโทษชายทักษิณและลูกสมุน ยืนอยู่บนความถูกต้อง และเกิดขึ้นอย่างกล้าหาญไม่กลัวลำบาก ไม่กลัวตาย ได้สร้างชัยชนะแก่ประเทศไทยตลอดมา และนับวันพลังแห่งศีลธรรมนี้มีแต่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งต่างจากฝ่ายนักโทษชายทักษิณ และลูกสมุน ที่มีแต่หดตัวลดน้อยถอยลงทุกวัน

ดังนั้น นับตั้งแต่กระสุนนัดแรกที่ลั่นไกใส่ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ถือเป็นเสียงแห่งการปลุกมโนธรรมสำนึกของพวกท่านให้บังเกิดและตื่นตัวขึ้นมาร่วมกันกำจัด นักโทษชายทักษิณ และลูกสมุน ให้สิ้นซากจากแผ่นดินไทยพร้อมกันนี้ขอเรียกร้องให้รัฐบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งติดตามจับกุมคนร้าย หรือผู้บงการลอบสังหาร คุณสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ มาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดโดยเร็ว เพราะเป็นการกระทำอุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ในกลางกรุงเทพมหานครและเป็นพื้นที่ประกาศบังคับใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

รวมทั้งพวกเรามั่นใจว่า ปมเหตุการลอบสังหาร คุณสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับการเมืองอย่างแน่นอน เพราะ คุณสนธิ ได้เปิดโปงปูมหลังความชั่วร้ายของนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง ประกอบกับอาวุธที่ใช้ก่อเหตุเป็นอาวุธสงครามมีอานุภาพร้ายแรง เชื่อว่า ไม่น่าจะเป็นฝีมือของประชาชนคนธรรมดา น่าจะเป็นกลุ่มคนมีสี จึงเรียกร้องขอความเป็นธรรมในการสืบสวนติดตามคดี ให้แก่ คุณสนธิอย่างถึงที่สุด ซึ่งถือเป็นบุคคลที่ได้อุทิศตนต่อสู้เพื่อประชาชน ประเทศชาติบ้านเมืองมาโดยตลอด
บรรดาพันธมิตรฯมหาสารคามและร้อยเอ็ด ก็ร่วมประณามผู้ที่ลอบทำร้ายนายสนธิ ลิ้มทองกุล ด้วย
“อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้เครือข่ายพันธมิตรฯบุรีรัมย์ จะยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แต่ยืนยันว่า หากมีมติจากแกนนำพันธมิตรฯ หรือมีเหตุการณ์ที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชน สังคม และประเทศชาติบ้านเมือง ก็พร้อมร่วมกันลุกฮือขึ้นมาต่อสู้เคลื่อนไหวร่วมกับพี่น้องพันธมิตรฯทั่วประเทศโดยทันที” น.ส.เพ็ญพิมล กล่าว

ด้าน นายศักดิ์ชาย แต่งงาม กรรมการยามเฝ้าแผ่นดินบุรีรัมย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอฝากถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และรัฐบาลผู้เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงของประเทศว่าการที่ท่าน ผบ.ทบ. และ นายตำรวจใหญ่คนหนึ่ง ได้ออกมาพูดให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับฟังในลักษณะว่า “ประชาชนทั่วไปก็มีอาวุธสงครามเช่นนี้ได้ การลอบสังหารมีหรือไม่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เกิดขึ้นได้และการใช้อาวุธสงครามก็เกิดขึ้นในประเทศหลายครั้ง” นั้น อาวุธที่ท่านระบุเป็นอาวุธที่ใช้ในสงคราม หากประชาชนมีอาวุธดังกล่าวอย่างที่พูดแล้วบ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร ท่านควรพิจารณาตัวเองว่า การที่ออกมาพูดเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาไม่มี ผบ.ทบ.หรือนายตำรวจคนใด ออกมาพูดว่าประชาชนมีอาวุธสงครามอยู่ในครอบครองได้เลย

อีกทั้งยังเป็นที่น่าสังเกตว่า ประชาชนคนธรรมดาจะสามารถนำอาวุธสงครามเข้าไปก่อเหตุกลางกรุง หรือกลางเมืองหลวงของประเทศในช่วงที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้อย่างไร ซ้ำร้ายกล้องโทรทัศน์วงจรปิดก็ยังใช้การไม่ได้ถึง 5 ตัวพร้อมกัน ในขณะเกิดเหตุนั้นหมายความว่าอย่างไร ซึ่งสิ่งไม่ชอบมาพากลเหล่านี้ ประชาชนยังรอฟังคำตอบจากท่านอยู่ นายศักดิ์ชาย กล่าว

พธม.ร้อยเอ็ด-สารคามจี้รัฐคุมสื่อปั้นข้อมูลมอมเมาชาวบ้าน

ส่วนที่ชุมชนสันติสาระ อ.เมือง จ.มหาสารคาม กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดร้อยเอ็ด ออกแถลงการณ์ร่วมกันเรื่องการยุติการใช้ความรุนแรงและละเมิดกฎหมาย โดยมีนางสาวนภาพร พวงช้อย แกนนำพันธมิตรฯจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์

ในแถลงการณ์ระบุว่า ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่ผ่านมาได้เพิ่มการใช้ความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ๆ ตั้งแต่การล้มการประชุมอาเซียนซัมมิต และการก่อจลาจลในกรุงเทพฯ จนเป็นที่ระอาของประชาชน และมีกลุ่มอื่นๆ เริ่มออกมาใช้ความรุนแรงตอบโต้ และเหตุการณ์ล่าสุดกรณีการลอบสังหารคุณสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำคนหนึ่งของกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยอาวุธสงครามอย่างอุกอาจใจกลางเมืองเป็นช่วงที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีทหาร ตำรวจ ปฏิบัติหน้าที่อยู่มากมาย จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เดชะบุญที่ระเบิด M-79 ที่ยิงไปถูกรถเมล์ ขสมก.ไม่ทำงาน มิฉะนั้นคงจะมีคนไทยผู้เคราะห์ร้ายต้องบาดเจ็บล้มตายไปอีกไม่น้อย

จากเหตุการณ์ที่กล่าวมาโดยสรุป ชี้ให้เห็นถึงความด้อยประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองในการรักษาความปลอดภัย และปล่อยให้มีการกระทำที่ละเมิดกฎหมายอย่างอุกอาจ หากปล่อยไว้เช่นนี้คงจะส่งผลร้ายต่อประเทศชาติ และประชาชนคนไทย

กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดร้อยเอ็ด จึงขอแถลงจุดยืน และเรียกร้องต่อรัฐบาล ดังนี้

1. ขอประณามการกระทำที่เลวร้ายของกลุ่มบุคคล และผู้ที่อยู่เบื้องหลังการใช้ความรุนแรงดังกล่าว

2. ขอให้รัฐบาลได้ปรับเปลี่ยนบุคคลที่รับผิดชอบในด้านความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชน และควรตั้งคณะทำงานเพื่อรับมือกับการก่อการร้ายทุกรูปแบบ ทั้งการเมืองภายใน และภายนอกรัฐสภา

3. ขอให้กำลังใจคณะรัฐบาล ทหาร ตำรวจ ข้าราชการที่ยังมีจิตสำนึก ความจริงใจ ตั้งใจลดความรุนแรง

4. ขอให้รัฐบาลเร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุก และควบคุมสื่อที่ก่อให้เกิดความแตกแยก ยุยง และให้ข้อมูลที่เป็นเท็จแก่ประชาชน

ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดร้อยเอ็ด และประชาชนผู้รักสันติ จะเฝ้าดูการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน และการแก้ปัญหาเพื่อยุติการใช้ความรุนแรงของฝ่ายรัฐบาล และพร้อมจะให้ความร่วมมือในการเรียกคืนสันติสุขให้กลับมาสู่ประเทศชาติของเราโดยเร็ว
กำลังโหลดความคิดเห็น