กรณีคนร้ายใช้อาวุธสงครามนานาชนิดยิงถล่มคุณสนธิ ลิ้มทองกุล และ ผู้ติดตามอีก 2 คนกว่า 100 นัดเมื่อวันศุกร์ที่เพิ่งผ่านมา
ใครก็ตามที่ได้รับทราบข่าว หรือเห็นสภาพของที่เกิดเหตุรถยนต์ที่ถูกกระสุนปืนรัวใส่เป็นรูพรุนด้วยตาตนเอง ยิ่งหากทราบต่อมาถึงอาการบาดเจ็บของคนทั้งสาม ซึ่งหนึ่งในนี้บาดเจ็บสาหัสเข้าขั้นโคม่า ข้อเท็จจริงย่อมปรากฏอยู่อย่างชัดเจน
ตลอดทั้งวันนั้นสื่อทุกแขนง ฟรีทีวี วิทยุ เว็บไซต์ ฯลฯ ทั้งในและต่างประเทศรายงานข่าวนี้ตรงกัน ยกเว้น…ทีวีช่องหนึ่ง ช่องที่เรียกตัวเองว่าเป็น ‘สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ’ หรือช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ที่เราท่านรู้จักกันดี
ช่อง 11 เป็นทีวีช่องเดียวที่ได้รายงานข่าวโดยไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี เอาเป็นว่าแค่คำว่า ‘บิดเบือน’ ไม่พอ เพราะเนื้อหาและภาพที่แพร่ออกมาในแต่ละช่วงนั้น คนส่วนใหญ่ที่ได้ดูทีวีหลายๆ ช่องแล้วเปรียบเทียบกันล้วนตั้งคำถามว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับทีวีช่องนี้
ข่าวหรือสกู๊ปข่าวเกี่ยวกับคุณสนธิของช่อง 11 ทำไมมันถึงแสดงให้เห็นถึงความ ‘อคติ’ และ ‘เจตนาทำลายความน่าเชื่อถือกัน’ อย่างโจ่งแจ้ง!!
ความพิรุธที่ส่อเจตนาที่ว่ามากมายหลายจุด อย่าว่าแต่สื่อด้วยกันเท่านั้นที่มองออก คนดูข่าวที่ใจเป็นกลางเขาก็มีวิจารณญาณคิดอ่านออก
ทีวีเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคข้อมูลข่าวสาร ดีๆ ชั่วๆ พลั้งเผลอในบางทียังพอให้อภัย แต่พฤติกรรมการใช้วิชาชีพมุ่งทำร้ายผู้อื่น มันก็ไม่ต่างไปจากอาชญากร หมาลอบกัด สัตว์นรกที่ก่อการร้ายพวกนั้น
บางคนมองถึงขั้นว่า เมื่ออาชญากร หมาลอบกัด สัตว์นรกที่ทำงานพลาด ปลิดชีวิตคุณสนธิ และผู้ติดตามไม่สำเร็จแล้ว ยังมีช่อง 11 ที่เป็นดาบสองคอยซ้ำ!
หัวหน้าข่าวหรือบรรณาธิการข่าว ผู้รับผิดชอบเนื้อหาข่าวประจำวันนั้นของช่อง 11 หรือกระทั่งนายสุริยงค์ หุณฑสาร ผู้อำนวยการสถานี ก็ดี มีเวลาลองสอบถามญาติพี่น้อง คนใกล้ชิดที่ไว้วางใจ เชื่อใจที่สุดของตัวเองมาพูดคุยดูก็ได้ถามพวกเขาว่า ดูข่าวของช่อง 11 แล้วรู้สึกเหมือนคนส่วนใหญ่เขารู้สึกหรือไม่
หากยังไม่รู้ตัวเลยก็ลองเอาเทปเก่ามาเปิดดูอีกทีก็ได้ ดูอย่างมีสติคิดตามแล้วพวกคุณจะพบว่า จริงอย่างที่เขาว่ากันหรือไม่?
ประมวลตรงนี้คร่าวๆ ให้ก่อนก็ได้ว่า หลังจากเสี้ยววินาทีเหตุการณ์อุกอาจผ่านพ้นไปนาน โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอะไร ช่องของคุณรายงานข่าวทันทีว่า ในรถของคุณสนธิ ไม่ได้มีเพียงคุณสนธิ คนขับรถ และผู้ติดตามรวม 3 คนเท่านั้น หากแต่มี ‘หญิงสาว’ นั่งมารถด้วยแล้วพยายามเชื่อมโยงไปถึงปมสังหารว่า มีเรื่อง ‘ส่วนตัว-ชู้สาว’
คำถามง่ายๆ หากเป็นเช่นนั้นแล้วผู้หญิงคนนั้นไปไหน ทำไมพยานผู้เห็นเหตุการณ์ไม่มีใครรู้เลย?
ต่อมาทีมข่าวของคุณได้เสนอเส้นทางการเดินทางของคุณสนธิ ก่อนจะมาถึงที่จุดเกิดเหตุ ออกจากบ้านที่ตรงไหน ซอยอะไร ใช้ถนนอะไร เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาตรงไหน
สกู๊ปข่าวนี้มุ่งหมายอะไร? ไม่มีคำสัมภาษณ์จากผู้ใดนักข่าวคาดคะเนไปเองราวกับนักข่าวคนนั้นนั่งมากับทีมสังหารที่ประกบติดตามรถคุณสนธิมาโดยตลอด คิดเป็นอื่นไม่ได้เลยว่าช่อง 11 ต้องการจะชี้เป้าให้คนที่หวังลอบทำร้ายคุณสนธิมาถล่มซ้ำได้เลยที่บ้านกระนั้นหรือ?
ต่อมาการนำเสนอปูมประวัติของคุณสนธิ ซึ่งหากใครรู้จักคุณสนธิดี ทั้งในบทบาทของผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ เว็บไซต์ ทีวี และสื่อในเครือมากมาย ในฐานะสื่อมวลชนที่ต่อสู้มีประสบการณ์มายาวนาน และ บทบาทของการเป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ย่อมมองเห็นรายงานข่าวของช่อง 11 ที่มุ่งย้ำประเด็นที่ ‘คนเสื้อแดง’ หรือฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองมุ่งโจมตี ทั้งในเรื่องการล้มละลาย โดยปิดท้ายด้วยภาพของคุณสนธิในชุดขาวกำลังนำน้ำมนตร์ประพรมให้คนในทำเนียบรัฐบาลซึ่งได้ถูกคนใจทรามนำไปบิดเบือนว่าเป็นเจ้าลัทธิ
เจตนาไม่บริสุทธิ์ และชวนให้เคลือบแคลงการทำงานของทีมข่าวช่อง 11 ยังไม่สิ้นสุดแค่นั้น กระทั่งข่าวภาคค่ำรายงานพิเศษคุณสรุปด้วยการตีโจทย์ปมการลอบสังหารคุณสนธิครั้งนี้ว่า เป็นแค่การข่มขู่ ไม่ใช่การหมายเอาชีวิต
อาวุธสงครามนับ 100 นัด คนขับรถขณะนี้ชีวิตยังวิกฤต คุณสนธิต้องผ่าตัดศีรษะเอาเศษกระสุนที่กระทบกะโหลก เลือดคั่งในสมอง บาดเจ็บตามลำตัว และผู้ติดตามถูกกระสุน
“ข่มขู่ ไม่ได้หมายเอาชีวิต!!” ช่อง 11 รายงาน
จบข่าว ..คิดกันได้อย่างไร?
ไม่รู้เลยหรือว่านี่มันขัดแย้งต่อข้อเท็จจริง การสรุปของตำรวจ หรือ สมาคมวิชาชีพสื่อ ซึ่งสรุปชัดเจนว่า เป็นเหตุการณ์ที่หมายมุ่งเอาชีวิตโดยสิ้นเชิง
เห็นจะมีแต่คนพวกนี้เท่านั้นที่คิดได้แค่นี้ คนที่ไม่เคยคิดถึงคนส่วนใหญ่ของช่อง 11 ที่ยืดหยัดอยู่ในวิชาชีพ ทำหน้าที่ของตนอย่างสุจริต ทำอะไรเอาแต่สะใจหรืออะไรที่ ‘นายสั่ง’ ก็ตามที
น่าเห็นใจที่สุดกับข้าราชการ กองบรรณาธิการข่าว หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในกรมประชาสัมพันธ์ทั้งหลายที่เพียรพยายามสู้ทำงานอย่างหนักแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบ่อย แต่ก็ยังมีจิตวิญญาณในการจะพาองค์กรที่พวกเขารักไปสู่ความเป็นมืออาชีพ เป็นทางเลือกของประชาชนให้สมกับ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ ต้องพลอยมาเสื่อมเสียกับคนเหล่านี้
ป่วยการจะถามย้อนกลับไปว่า หากเป็นคนที่พวกคุณรัก หรือตัวคุณเอง เจออย่างนี้แล้วจะรู้สึกอย่างไร ป่วยการจะเรียกร้องต่อนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมว.ประจำสำนักนายกฯ ซึ่งกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ เพราะท่านว่า ท่านก็ทำงานหนักโดนกดดันหนักมากอยู่คนเดียว ป่วยการจะเรียกร้องต่อสมาคมสื่อ หรือองค์กรใดๆ ที่ควบคุมจริยธรรมจรรยาบรรณของสื่อ
เนื่องเพราะคนพวกนี้เป็นทาสรับใช้นักการเมือง รับใช้ผู้มีอิทธิพลชั่วๆจนละทิ้งหน้าที่และจิตวิญญาณไปนานแล้ว เกินกว่าจะเรียกว่าเป็นคนสื่อ
คนอย่างพวกคุณก็แค่เป็นเศษสวะที่ลอยไปลอยมาตามน้ำหาประโยชน์อะไรไม่ได้ต่อสังคม...ก็เท่านั้น.
ใครก็ตามที่ได้รับทราบข่าว หรือเห็นสภาพของที่เกิดเหตุรถยนต์ที่ถูกกระสุนปืนรัวใส่เป็นรูพรุนด้วยตาตนเอง ยิ่งหากทราบต่อมาถึงอาการบาดเจ็บของคนทั้งสาม ซึ่งหนึ่งในนี้บาดเจ็บสาหัสเข้าขั้นโคม่า ข้อเท็จจริงย่อมปรากฏอยู่อย่างชัดเจน
ตลอดทั้งวันนั้นสื่อทุกแขนง ฟรีทีวี วิทยุ เว็บไซต์ ฯลฯ ทั้งในและต่างประเทศรายงานข่าวนี้ตรงกัน ยกเว้น…ทีวีช่องหนึ่ง ช่องที่เรียกตัวเองว่าเป็น ‘สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ’ หรือช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ที่เราท่านรู้จักกันดี
ช่อง 11 เป็นทีวีช่องเดียวที่ได้รายงานข่าวโดยไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี เอาเป็นว่าแค่คำว่า ‘บิดเบือน’ ไม่พอ เพราะเนื้อหาและภาพที่แพร่ออกมาในแต่ละช่วงนั้น คนส่วนใหญ่ที่ได้ดูทีวีหลายๆ ช่องแล้วเปรียบเทียบกันล้วนตั้งคำถามว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับทีวีช่องนี้
ข่าวหรือสกู๊ปข่าวเกี่ยวกับคุณสนธิของช่อง 11 ทำไมมันถึงแสดงให้เห็นถึงความ ‘อคติ’ และ ‘เจตนาทำลายความน่าเชื่อถือกัน’ อย่างโจ่งแจ้ง!!
ความพิรุธที่ส่อเจตนาที่ว่ามากมายหลายจุด อย่าว่าแต่สื่อด้วยกันเท่านั้นที่มองออก คนดูข่าวที่ใจเป็นกลางเขาก็มีวิจารณญาณคิดอ่านออก
ทีวีเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคข้อมูลข่าวสาร ดีๆ ชั่วๆ พลั้งเผลอในบางทียังพอให้อภัย แต่พฤติกรรมการใช้วิชาชีพมุ่งทำร้ายผู้อื่น มันก็ไม่ต่างไปจากอาชญากร หมาลอบกัด สัตว์นรกที่ก่อการร้ายพวกนั้น
บางคนมองถึงขั้นว่า เมื่ออาชญากร หมาลอบกัด สัตว์นรกที่ทำงานพลาด ปลิดชีวิตคุณสนธิ และผู้ติดตามไม่สำเร็จแล้ว ยังมีช่อง 11 ที่เป็นดาบสองคอยซ้ำ!
หัวหน้าข่าวหรือบรรณาธิการข่าว ผู้รับผิดชอบเนื้อหาข่าวประจำวันนั้นของช่อง 11 หรือกระทั่งนายสุริยงค์ หุณฑสาร ผู้อำนวยการสถานี ก็ดี มีเวลาลองสอบถามญาติพี่น้อง คนใกล้ชิดที่ไว้วางใจ เชื่อใจที่สุดของตัวเองมาพูดคุยดูก็ได้ถามพวกเขาว่า ดูข่าวของช่อง 11 แล้วรู้สึกเหมือนคนส่วนใหญ่เขารู้สึกหรือไม่
หากยังไม่รู้ตัวเลยก็ลองเอาเทปเก่ามาเปิดดูอีกทีก็ได้ ดูอย่างมีสติคิดตามแล้วพวกคุณจะพบว่า จริงอย่างที่เขาว่ากันหรือไม่?
ประมวลตรงนี้คร่าวๆ ให้ก่อนก็ได้ว่า หลังจากเสี้ยววินาทีเหตุการณ์อุกอาจผ่านพ้นไปนาน โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอะไร ช่องของคุณรายงานข่าวทันทีว่า ในรถของคุณสนธิ ไม่ได้มีเพียงคุณสนธิ คนขับรถ และผู้ติดตามรวม 3 คนเท่านั้น หากแต่มี ‘หญิงสาว’ นั่งมารถด้วยแล้วพยายามเชื่อมโยงไปถึงปมสังหารว่า มีเรื่อง ‘ส่วนตัว-ชู้สาว’
คำถามง่ายๆ หากเป็นเช่นนั้นแล้วผู้หญิงคนนั้นไปไหน ทำไมพยานผู้เห็นเหตุการณ์ไม่มีใครรู้เลย?
ต่อมาทีมข่าวของคุณได้เสนอเส้นทางการเดินทางของคุณสนธิ ก่อนจะมาถึงที่จุดเกิดเหตุ ออกจากบ้านที่ตรงไหน ซอยอะไร ใช้ถนนอะไร เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาตรงไหน
สกู๊ปข่าวนี้มุ่งหมายอะไร? ไม่มีคำสัมภาษณ์จากผู้ใดนักข่าวคาดคะเนไปเองราวกับนักข่าวคนนั้นนั่งมากับทีมสังหารที่ประกบติดตามรถคุณสนธิมาโดยตลอด คิดเป็นอื่นไม่ได้เลยว่าช่อง 11 ต้องการจะชี้เป้าให้คนที่หวังลอบทำร้ายคุณสนธิมาถล่มซ้ำได้เลยที่บ้านกระนั้นหรือ?
ต่อมาการนำเสนอปูมประวัติของคุณสนธิ ซึ่งหากใครรู้จักคุณสนธิดี ทั้งในบทบาทของผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ เว็บไซต์ ทีวี และสื่อในเครือมากมาย ในฐานะสื่อมวลชนที่ต่อสู้มีประสบการณ์มายาวนาน และ บทบาทของการเป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ย่อมมองเห็นรายงานข่าวของช่อง 11 ที่มุ่งย้ำประเด็นที่ ‘คนเสื้อแดง’ หรือฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองมุ่งโจมตี ทั้งในเรื่องการล้มละลาย โดยปิดท้ายด้วยภาพของคุณสนธิในชุดขาวกำลังนำน้ำมนตร์ประพรมให้คนในทำเนียบรัฐบาลซึ่งได้ถูกคนใจทรามนำไปบิดเบือนว่าเป็นเจ้าลัทธิ
เจตนาไม่บริสุทธิ์ และชวนให้เคลือบแคลงการทำงานของทีมข่าวช่อง 11 ยังไม่สิ้นสุดแค่นั้น กระทั่งข่าวภาคค่ำรายงานพิเศษคุณสรุปด้วยการตีโจทย์ปมการลอบสังหารคุณสนธิครั้งนี้ว่า เป็นแค่การข่มขู่ ไม่ใช่การหมายเอาชีวิต
อาวุธสงครามนับ 100 นัด คนขับรถขณะนี้ชีวิตยังวิกฤต คุณสนธิต้องผ่าตัดศีรษะเอาเศษกระสุนที่กระทบกะโหลก เลือดคั่งในสมอง บาดเจ็บตามลำตัว และผู้ติดตามถูกกระสุน
“ข่มขู่ ไม่ได้หมายเอาชีวิต!!” ช่อง 11 รายงาน
จบข่าว ..คิดกันได้อย่างไร?
ไม่รู้เลยหรือว่านี่มันขัดแย้งต่อข้อเท็จจริง การสรุปของตำรวจ หรือ สมาคมวิชาชีพสื่อ ซึ่งสรุปชัดเจนว่า เป็นเหตุการณ์ที่หมายมุ่งเอาชีวิตโดยสิ้นเชิง
เห็นจะมีแต่คนพวกนี้เท่านั้นที่คิดได้แค่นี้ คนที่ไม่เคยคิดถึงคนส่วนใหญ่ของช่อง 11 ที่ยืดหยัดอยู่ในวิชาชีพ ทำหน้าที่ของตนอย่างสุจริต ทำอะไรเอาแต่สะใจหรืออะไรที่ ‘นายสั่ง’ ก็ตามที
น่าเห็นใจที่สุดกับข้าราชการ กองบรรณาธิการข่าว หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในกรมประชาสัมพันธ์ทั้งหลายที่เพียรพยายามสู้ทำงานอย่างหนักแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบ่อย แต่ก็ยังมีจิตวิญญาณในการจะพาองค์กรที่พวกเขารักไปสู่ความเป็นมืออาชีพ เป็นทางเลือกของประชาชนให้สมกับ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ ต้องพลอยมาเสื่อมเสียกับคนเหล่านี้
ป่วยการจะถามย้อนกลับไปว่า หากเป็นคนที่พวกคุณรัก หรือตัวคุณเอง เจออย่างนี้แล้วจะรู้สึกอย่างไร ป่วยการจะเรียกร้องต่อนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมว.ประจำสำนักนายกฯ ซึ่งกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ เพราะท่านว่า ท่านก็ทำงานหนักโดนกดดันหนักมากอยู่คนเดียว ป่วยการจะเรียกร้องต่อสมาคมสื่อ หรือองค์กรใดๆ ที่ควบคุมจริยธรรมจรรยาบรรณของสื่อ
เนื่องเพราะคนพวกนี้เป็นทาสรับใช้นักการเมือง รับใช้ผู้มีอิทธิพลชั่วๆจนละทิ้งหน้าที่และจิตวิญญาณไปนานแล้ว เกินกว่าจะเรียกว่าเป็นคนสื่อ
คนอย่างพวกคุณก็แค่เป็นเศษสวะที่ลอยไปลอยมาตามน้ำหาประโยชน์อะไรไม่ได้ต่อสังคม...ก็เท่านั้น.