สถานการณ์ในประเทศไทย เหมือนถูก “โจมตี” อย่างหนัก เรากำลังอยู่ในเวทีระดับโลก เป็นผู้นำที่ภูมิภาคยอมรับ กลับถูก “ผู้ไม่หวังดี” โจมตีจนเสียหาย ทั้งความน่าเชื่อถือ ทั้งความสุข ทั้งการงานต่างๆที่ควรจะได้คืบหน้า กลับไม่สามารถคืบหน้าได้
การถูกโจมตีนี้ เป็นเหมือนกรณีสหรัฐอเมริกา ถูกโจมตีโดยเครื่องบินชนตึก เหมือนอังกฤษถูกวางระเบิดรถไฟใต้ดิน “ผู้ไม่หวังดี” โจมตีอย่าง “เถื่อน” ไร้มนุษยธรรม และไร้ศักดิ์ศรีเหมือนกัน คือ โจมตีผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง ไม่มีใครอยากเห็นสิ่งนี้เกิด และอาจจะอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า ผู้นำที่เผชิญเหตุการณ์วิกฤตเหล่านั้น เก่งพอหรือไม่ ทำไมจึงเป็นเช่นนี้
แต่ในความเป็นจริง โจทย์ของกรณีนั้นๆ หรือโจทย์ของประเทศไทย ก็เป็นโจทย์ที่ยากจริงๆ แต่คนไทยพึงมีสำนึกร่วมกันว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญ “ศัตรู” ผู้ทำร้ายประเทศชาติ หากเรายิ่งแตกความสามัคคี เราจะยิ่งพ่ายแพ้ เราจึงต้องเป็นดังอารยประเทศเหล่านั้น คือ ยืนหยัดสนับสนุนผู้นำของเรา ขับเคลื่อนไปด้วยกัน
ผมมีความเห็นต่อสถานการณ์ขณะนี้ ดังต่อไปนี้ครับ
1. คนไทยที่บริสุทธิ์ใจต้องเริ่มต้นด้วยการให้กำลังใจกันก่อน : สถานการณ์ไทยถูกโจมตีเช่นนี้ คนไทยย่อมเครียด เป็นทุกข์ โกรธใครก็ตามที่ได้สร้างปัญหา โกรธคนที่ควรมีหน้าที่แก้ไขปัญหาแต่แก้ไขไม่ได้ สภาพที่ “จิตใจอ่อนแอ” เช่นนี้ จะร่วมกันต่อสู้ ให้ไทยพ้นภัยก็คงยาก คงต้องให้กำลังใจกัน ให้ตั้งสติ ให้มีความหวัง และให้มีความรัก เพื่อจะร่วมแรงร่วมใจฟันฝ่าศึกครั้งนี้ไปให้ได้ โดยเฉพาะการเผชิญปัญหาของชาติ คนไทยต้องร่วมแรงร่วมใจ เป็นกำลังใจแก่กันและกัน และเป็นกำลังใจต่อผู้นำของเรา จะได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างมีเอกภาพจนกว่าการกระทำของศัตรูของแผ่นดินจะจบสิ้นลงไป
2. เป้าหมายของการต่อสู้ ไม่ใช่ “สีแดง” “สีเหลือง” “สีน้ำเงิน” หรือ สีใดๆ : เท่าที่ติดตามศึกษาพฤติกรรมต่อเนื่องของ “ผู้ไม่ประสงค์ดี” ต่อประเทศ ได้ใช้เทคโนโลยี ทั้งๆ ที่เป็นผู้หนีคดี หนีคุกไปต่างประเทศกลับใช้วิธีนำความคิดประชาชนผ่านระบบวีดีโอลิงค์ เข้ามา “ยุยง” ทำให้คนไทย โกรธ เกลียด พร้อมทำร้ายกัน พร้อมสร้างความลำบากให้คนอื่น พร้อมทำร้ายประเทศชาติ จึงถือเป็นศึกใหญ่ของแผ่นดินไทย ขณะนี้ คนไทยที่รู้ทัน ก็ต้องเข้าใจว่า นี่คือการโจมตีครั้งใหญ่ ให้คนไทยแตกกัน หากคนไทยถูกยุยงให้แตกแยกเป็น เหลือง-แดง-น้ำเงิน-ขาว ทะเลาะกันอย่างกว้างขวาง “ผู้ไม่ประสงค์ดี” ก็จะบรรลุความประสงค์ และประเทศไทยก็ยิ่งพ่ายแพ้
จะว่าไป การใช้วิธีการที่เร่งรีบ และรุนแรง ก็อาจไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น หากดูวิธีคิดของ “ผู้ยุยง” ที่หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะมีเหตุใดๆ ก็นำไปอ้างเพื่อทำร้ายประเทศ และหวังผลจุดชนวนให้เกิดความวุ่นวายระดับ “สงครามกลางเมือง” ได้เสมอ ลองนึกภาพที่หลายคนเห็นว่า น่าจะเอารถมาลากแท็กซี่ที่เกะกะออกไปเลยตั้งแต่ครั้งแรก น่าเอารถถังออกมา น่าจับแกนนำเข้าคุกเลย เรื่องอาจจะยิ่งบานปลายเร็วขึ้น ภาพการใช้กำลัง ภาพการขัดขืน ก็ถูกนำไปใช้เป็นจุดยุยงคนไทยเร็วกว่านี้ กว้างขวางกว่านี้ ไทยทนจึงไม่แปลกใจ ที่รัฐบาลได้ใช้วิธีการสันติมาใช้ในการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด และอยากให้คนไทยทุกคนเชื่อ และเข้าใจว่า ผู้นำของเรา ต้องตัดสินใจที่ยาก ในการรักษาสมดุลของการรักษาความรักความสามัคคี และการป้องกันการก่อกวนความวุ่นวายโดยคนไทยร่วมชาติจำนวนมาก ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง
3. เป้าหมายของการต่อสู้ยิ่ง ไม่ใช่ “นายกฯ” : ประเทศเพิ่งถูกโจมตี ด้วยความรัก เมตตา อยากจะเชื่อว่าคนไทยด้วยกัน จะไม่มีใครเลวถึงขั้นทำลายเกียรติภูมิและผลประโยชน์ของประเทศชาติ และนายกฯ อภิสิทธิ์ ก็มีแนวทางที่ไม่อยากหลงกล เปิดช่องให้หาเหตุให้ฝ่าย “ผู้ยุยง” ตอกลิ่มสร้างความแตกแยกในแผ่นดินมากขึ้น แต่ผู้ก่อการร้าย ก็ทำสิ่งที่เลวเกินความคาดหมาย เราคนไทยหลายๆคน กลับเริ่มท้อแท้ โกรธแค้น และอาจพุ่งเป้าไปที่นายกฯ ซึ่งกำลังอยู่ในภารกิจที่ยากและท้าทายเป็นอย่างมาก ในสภาพที่ถูกแอบโจมตีทำร้ายประเทศเช่นนี้ เมื่อเราเริ่มรู้ว่าประเทศกำลังอยู่กลางศึก ที่มี “ผู้ไม่หวังดี” โจมตีประเทศ เรายิ่งต้องรักสามัคคีกัน
กลุ่มผู้ไม่หวังดี ยามเป็นรัฐบาล ก็โหดร้ายอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจชีวิตของคนไทยร่วมชาติ
ยามเป็นผู้ก่อการประท้วง ก็ไม่นำเสนอความคิดและเหตุผลที่ชัดเจน นัดกันไม่กี่ชั่วโมง ก็ต้องรีบเคลื่อนไหวสร้างความเดือดร้อน เป็นผู้นำที่ “ขี้ขลาด” หลบหนีไปต่างประเทศทั้งครอบครัว กลับหลอกให้กลุ่มผู้รักตน ไปเสี่ยงชีวิตทำความผิด การประชุมนานาชาติเช่นนั้น ย่อมชอบที่จะมีมาตรการความปลอดภัยเป็นพิเศษ ทหารและตำรวจก็มากมาย กลับเอาประชาชนผู้บริสุทธิ์ และจงรักภักดีต่อตัวไปเสี่ยงชีวิตขนาดนี้ ไทยทนไม่เข้าใจว่าบรรดาผู้เข้าร่วม จะยังทนถูกหลอกใช้ทำลายชาติไปทำไป
นี่หากผู้คุมอำนาจรัฐ คิดเห็นแก่ตัวเองฝ่ายเดียว แสดงอำนาจรัฐป้องกันไม่ให้คนเสื้อแดงเข้าใกล้รบกวนการประชุมนานาชาติ ก็คงเสียเลือดเสียเนื้อสะใจกันไปแล้ว แต่คนเสื้อแดงก็คนไทย คนเสื้อสีไหนก็คนไทย ยังดีที่รัฐบาลยังมีจิตใจเป็นมนุษย์ เราจึงไม่ต้องมีเหตุที่น่าเศร้าสลดถึงชีวิตไปมากกว่านี้
แม้เราจะเสียหน้าว่า คนไทยเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง ถูกหลอกให้ทำร้ายชาติโดยไม่รู้ตัว เพียงเพื่อช่วยนักโทษสร้างความวุ่นวายหนีคดี แต่ผมยังเชื่อว่า นานาชาติจะได้เห็นถึงความเมตตาธรรม และคุณธรรมในการแก้ไขปัญหาเพื่อพยายามนำสันติสุขกลับคืนประเทศ และความรักสามัคคีคืนสู่คนไทยร่วมชาติทุกกลุ่มทุกสีในสถานการณ์ที่แสนจะท้าทาย
4. เป้าหมายของการต่อสู้ยิ่ง ไม่ใช่ “ฆ่า” กันเอง แต่ต้อง “หยุด” คนผิด : ในประวัติศาสตร์ทุกยุคทุกสมัย เช่น สามก๊กในเมืองจีน สงครามโลกชิงอำนาจ สงครามล้างเผ่าพันธุ์ในเขมร ฯลฯ การฆ่ากัน ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่เคยทำให้ความขัดแย้งยุติ การต่อสู้ ความโหดร้าย การทำลาย ต้องต่อสู้ด้วยความรัก ความเมตตาธรรม เขาจะเลวเป็นมารร้ายของแผ่นดิน เราต้องระวังไม่โต้ตอบด้วยความเลวแบบเดียวกันด้วย เรายังต้องรักษาความเป็นมนุษย์ ด้วยการรักษามนุษยธรรมกันต่อไป เช่นนั้นจึงเป็นเรื่องยาก และต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจกันต่อไป
5. คนไทยจึงต้องร่วมแรงร่วมใจกันอย่างกว้างขวาง : ไทยทนขอชื่นชม คนไทยที่บริเวณถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งได้แสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับการที่คนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง แสดงอำนาจปิดถนนสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน คนสร้างความเดือดร้อน น้อยกว่าพวกคนเดือดร้อนไม่ว่าสีใดๆตั้งมากมาย ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกัน เราจึงไม่ต้องกลัวผู้มาสร้างความเดือดร้อน และชอบที่จะร่วมมือกัน ปกป้องสิทธิเสรีภาพของเรา
และสิ่งที่น่าชื่นชมที่สุด คือภาพของการเข้าไปพูดคุยให้เข้าใจความถูกผิดดีชั่ว เข้าไปเลื่อนตัวขวางกั้น แต่ไม่เข้าไปทำร้ายกัน ซึ่งไม่ว่าใครเจ็บ “ผู้ยุยงเลือดเย็น” ก็บรรลุเป้าของการสร้างความแตกแยกในชาติมากขึ้น
เมื่อประเทศต้องเผชิญปัญหา ความรัก ความสามัคคี กำลังใจที่คนไทยให้แก่กัน การรักษาความสุขใจในทุกสถานการณ์ ความเป็นเอกภาพสนับสนุนผู้นำ ความเข้มแข็งอดทน เป็นสิ่งสำคัญ ผู้ก่อการร้ายสามัคคี ด้วยผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง ผู้ปกป้องรักษา คือประชาชนไทยทั้งแผ่นดินต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างยิ่ง และไทยทนเชื่อครับว่า เมื่อเราผ่านปัญหานี้ไปได้ ประเทศไทยจะเข้มแข็งขึ้นอีกมากครับ
การถูกโจมตีนี้ เป็นเหมือนกรณีสหรัฐอเมริกา ถูกโจมตีโดยเครื่องบินชนตึก เหมือนอังกฤษถูกวางระเบิดรถไฟใต้ดิน “ผู้ไม่หวังดี” โจมตีอย่าง “เถื่อน” ไร้มนุษยธรรม และไร้ศักดิ์ศรีเหมือนกัน คือ โจมตีผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง ไม่มีใครอยากเห็นสิ่งนี้เกิด และอาจจะอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า ผู้นำที่เผชิญเหตุการณ์วิกฤตเหล่านั้น เก่งพอหรือไม่ ทำไมจึงเป็นเช่นนี้
แต่ในความเป็นจริง โจทย์ของกรณีนั้นๆ หรือโจทย์ของประเทศไทย ก็เป็นโจทย์ที่ยากจริงๆ แต่คนไทยพึงมีสำนึกร่วมกันว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญ “ศัตรู” ผู้ทำร้ายประเทศชาติ หากเรายิ่งแตกความสามัคคี เราจะยิ่งพ่ายแพ้ เราจึงต้องเป็นดังอารยประเทศเหล่านั้น คือ ยืนหยัดสนับสนุนผู้นำของเรา ขับเคลื่อนไปด้วยกัน
ผมมีความเห็นต่อสถานการณ์ขณะนี้ ดังต่อไปนี้ครับ
1. คนไทยที่บริสุทธิ์ใจต้องเริ่มต้นด้วยการให้กำลังใจกันก่อน : สถานการณ์ไทยถูกโจมตีเช่นนี้ คนไทยย่อมเครียด เป็นทุกข์ โกรธใครก็ตามที่ได้สร้างปัญหา โกรธคนที่ควรมีหน้าที่แก้ไขปัญหาแต่แก้ไขไม่ได้ สภาพที่ “จิตใจอ่อนแอ” เช่นนี้ จะร่วมกันต่อสู้ ให้ไทยพ้นภัยก็คงยาก คงต้องให้กำลังใจกัน ให้ตั้งสติ ให้มีความหวัง และให้มีความรัก เพื่อจะร่วมแรงร่วมใจฟันฝ่าศึกครั้งนี้ไปให้ได้ โดยเฉพาะการเผชิญปัญหาของชาติ คนไทยต้องร่วมแรงร่วมใจ เป็นกำลังใจแก่กันและกัน และเป็นกำลังใจต่อผู้นำของเรา จะได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างมีเอกภาพจนกว่าการกระทำของศัตรูของแผ่นดินจะจบสิ้นลงไป
2. เป้าหมายของการต่อสู้ ไม่ใช่ “สีแดง” “สีเหลือง” “สีน้ำเงิน” หรือ สีใดๆ : เท่าที่ติดตามศึกษาพฤติกรรมต่อเนื่องของ “ผู้ไม่ประสงค์ดี” ต่อประเทศ ได้ใช้เทคโนโลยี ทั้งๆ ที่เป็นผู้หนีคดี หนีคุกไปต่างประเทศกลับใช้วิธีนำความคิดประชาชนผ่านระบบวีดีโอลิงค์ เข้ามา “ยุยง” ทำให้คนไทย โกรธ เกลียด พร้อมทำร้ายกัน พร้อมสร้างความลำบากให้คนอื่น พร้อมทำร้ายประเทศชาติ จึงถือเป็นศึกใหญ่ของแผ่นดินไทย ขณะนี้ คนไทยที่รู้ทัน ก็ต้องเข้าใจว่า นี่คือการโจมตีครั้งใหญ่ ให้คนไทยแตกกัน หากคนไทยถูกยุยงให้แตกแยกเป็น เหลือง-แดง-น้ำเงิน-ขาว ทะเลาะกันอย่างกว้างขวาง “ผู้ไม่ประสงค์ดี” ก็จะบรรลุความประสงค์ และประเทศไทยก็ยิ่งพ่ายแพ้
จะว่าไป การใช้วิธีการที่เร่งรีบ และรุนแรง ก็อาจไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น หากดูวิธีคิดของ “ผู้ยุยง” ที่หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะมีเหตุใดๆ ก็นำไปอ้างเพื่อทำร้ายประเทศ และหวังผลจุดชนวนให้เกิดความวุ่นวายระดับ “สงครามกลางเมือง” ได้เสมอ ลองนึกภาพที่หลายคนเห็นว่า น่าจะเอารถมาลากแท็กซี่ที่เกะกะออกไปเลยตั้งแต่ครั้งแรก น่าเอารถถังออกมา น่าจับแกนนำเข้าคุกเลย เรื่องอาจจะยิ่งบานปลายเร็วขึ้น ภาพการใช้กำลัง ภาพการขัดขืน ก็ถูกนำไปใช้เป็นจุดยุยงคนไทยเร็วกว่านี้ กว้างขวางกว่านี้ ไทยทนจึงไม่แปลกใจ ที่รัฐบาลได้ใช้วิธีการสันติมาใช้ในการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด และอยากให้คนไทยทุกคนเชื่อ และเข้าใจว่า ผู้นำของเรา ต้องตัดสินใจที่ยาก ในการรักษาสมดุลของการรักษาความรักความสามัคคี และการป้องกันการก่อกวนความวุ่นวายโดยคนไทยร่วมชาติจำนวนมาก ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง
3. เป้าหมายของการต่อสู้ยิ่ง ไม่ใช่ “นายกฯ” : ประเทศเพิ่งถูกโจมตี ด้วยความรัก เมตตา อยากจะเชื่อว่าคนไทยด้วยกัน จะไม่มีใครเลวถึงขั้นทำลายเกียรติภูมิและผลประโยชน์ของประเทศชาติ และนายกฯ อภิสิทธิ์ ก็มีแนวทางที่ไม่อยากหลงกล เปิดช่องให้หาเหตุให้ฝ่าย “ผู้ยุยง” ตอกลิ่มสร้างความแตกแยกในแผ่นดินมากขึ้น แต่ผู้ก่อการร้าย ก็ทำสิ่งที่เลวเกินความคาดหมาย เราคนไทยหลายๆคน กลับเริ่มท้อแท้ โกรธแค้น และอาจพุ่งเป้าไปที่นายกฯ ซึ่งกำลังอยู่ในภารกิจที่ยากและท้าทายเป็นอย่างมาก ในสภาพที่ถูกแอบโจมตีทำร้ายประเทศเช่นนี้ เมื่อเราเริ่มรู้ว่าประเทศกำลังอยู่กลางศึก ที่มี “ผู้ไม่หวังดี” โจมตีประเทศ เรายิ่งต้องรักสามัคคีกัน
กลุ่มผู้ไม่หวังดี ยามเป็นรัฐบาล ก็โหดร้ายอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจชีวิตของคนไทยร่วมชาติ
ยามเป็นผู้ก่อการประท้วง ก็ไม่นำเสนอความคิดและเหตุผลที่ชัดเจน นัดกันไม่กี่ชั่วโมง ก็ต้องรีบเคลื่อนไหวสร้างความเดือดร้อน เป็นผู้นำที่ “ขี้ขลาด” หลบหนีไปต่างประเทศทั้งครอบครัว กลับหลอกให้กลุ่มผู้รักตน ไปเสี่ยงชีวิตทำความผิด การประชุมนานาชาติเช่นนั้น ย่อมชอบที่จะมีมาตรการความปลอดภัยเป็นพิเศษ ทหารและตำรวจก็มากมาย กลับเอาประชาชนผู้บริสุทธิ์ และจงรักภักดีต่อตัวไปเสี่ยงชีวิตขนาดนี้ ไทยทนไม่เข้าใจว่าบรรดาผู้เข้าร่วม จะยังทนถูกหลอกใช้ทำลายชาติไปทำไป
นี่หากผู้คุมอำนาจรัฐ คิดเห็นแก่ตัวเองฝ่ายเดียว แสดงอำนาจรัฐป้องกันไม่ให้คนเสื้อแดงเข้าใกล้รบกวนการประชุมนานาชาติ ก็คงเสียเลือดเสียเนื้อสะใจกันไปแล้ว แต่คนเสื้อแดงก็คนไทย คนเสื้อสีไหนก็คนไทย ยังดีที่รัฐบาลยังมีจิตใจเป็นมนุษย์ เราจึงไม่ต้องมีเหตุที่น่าเศร้าสลดถึงชีวิตไปมากกว่านี้
แม้เราจะเสียหน้าว่า คนไทยเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง ถูกหลอกให้ทำร้ายชาติโดยไม่รู้ตัว เพียงเพื่อช่วยนักโทษสร้างความวุ่นวายหนีคดี แต่ผมยังเชื่อว่า นานาชาติจะได้เห็นถึงความเมตตาธรรม และคุณธรรมในการแก้ไขปัญหาเพื่อพยายามนำสันติสุขกลับคืนประเทศ และความรักสามัคคีคืนสู่คนไทยร่วมชาติทุกกลุ่มทุกสีในสถานการณ์ที่แสนจะท้าทาย
4. เป้าหมายของการต่อสู้ยิ่ง ไม่ใช่ “ฆ่า” กันเอง แต่ต้อง “หยุด” คนผิด : ในประวัติศาสตร์ทุกยุคทุกสมัย เช่น สามก๊กในเมืองจีน สงครามโลกชิงอำนาจ สงครามล้างเผ่าพันธุ์ในเขมร ฯลฯ การฆ่ากัน ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่เคยทำให้ความขัดแย้งยุติ การต่อสู้ ความโหดร้าย การทำลาย ต้องต่อสู้ด้วยความรัก ความเมตตาธรรม เขาจะเลวเป็นมารร้ายของแผ่นดิน เราต้องระวังไม่โต้ตอบด้วยความเลวแบบเดียวกันด้วย เรายังต้องรักษาความเป็นมนุษย์ ด้วยการรักษามนุษยธรรมกันต่อไป เช่นนั้นจึงเป็นเรื่องยาก และต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจกันต่อไป
5. คนไทยจึงต้องร่วมแรงร่วมใจกันอย่างกว้างขวาง : ไทยทนขอชื่นชม คนไทยที่บริเวณถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งได้แสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับการที่คนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง แสดงอำนาจปิดถนนสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน คนสร้างความเดือดร้อน น้อยกว่าพวกคนเดือดร้อนไม่ว่าสีใดๆตั้งมากมาย ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกัน เราจึงไม่ต้องกลัวผู้มาสร้างความเดือดร้อน และชอบที่จะร่วมมือกัน ปกป้องสิทธิเสรีภาพของเรา
และสิ่งที่น่าชื่นชมที่สุด คือภาพของการเข้าไปพูดคุยให้เข้าใจความถูกผิดดีชั่ว เข้าไปเลื่อนตัวขวางกั้น แต่ไม่เข้าไปทำร้ายกัน ซึ่งไม่ว่าใครเจ็บ “ผู้ยุยงเลือดเย็น” ก็บรรลุเป้าของการสร้างความแตกแยกในชาติมากขึ้น
เมื่อประเทศต้องเผชิญปัญหา ความรัก ความสามัคคี กำลังใจที่คนไทยให้แก่กัน การรักษาความสุขใจในทุกสถานการณ์ ความเป็นเอกภาพสนับสนุนผู้นำ ความเข้มแข็งอดทน เป็นสิ่งสำคัญ ผู้ก่อการร้ายสามัคคี ด้วยผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง ผู้ปกป้องรักษา คือประชาชนไทยทั้งแผ่นดินต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างยิ่ง และไทยทนเชื่อครับว่า เมื่อเราผ่านปัญหานี้ไปได้ ประเทศไทยจะเข้มแข็งขึ้นอีกมากครับ