ชาวโคราชรวมพลังเข้าแจ้งจับ "หางแดงถ่อย" กับพวกข้อหาหนักฐานหมิ่นเบื้องสูง-ผิดเกี่ยวกับความมั่นคง และหมิ่นประมาท โทษติดคุกถึง15 ปี เหตุเหิมเกริมเผาโลงศพข้างย่าโม ระบุข้อความ"พระองค์ท่าน... , พลเอกเปรม…" พร้อมแจ้งดำเนินคดี ตร.เมืองโคราชยกแผง ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ด้านทหารเสนาธิการ ทัพภาค 2 รุดแจ้งจับแกนนำม็อบหางแดงโคราชด้วย ส่วนกลุ่มหางแดงเชียงใหม่ โชว์ถ่อย ระดมคนพร้อมนำรถสี่ล้อรับจ้าง จอดขวางปิดถนนรอบประตูท่าแพ ขณะที่แก๊งหางแดงเมืองน้ำดำ แฉเหตุเลิกชุมนุมเพราะถูกแกนนำอมเงิน
วานนี้( 10 เม.ย.) ที่สภ.เมืองนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสันติ ถิระวงศ์ ทนายความสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย และนายกฤช ขวัญโภคา เลขาธิการสมัชชาฯ นางสารภี บุญประตูชัย ผู้ประสานงานกลุ่มภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตย พร้อมประชาชนชาวโคราชเครือข่ายพันธมิตรฯ จ.นครราชสีมา กว่า 100 คน ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.บุญเลิศ ว่องวัจนะ ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครราชสีมา เพื่อให้ดำเนินคดีกลุ่มคนเสื้อแดง “กลุ่มคนของแผ่นดินลูกหลานย่าโม” นำโดย นางปภัสชนันท์ ฉิ่งอินทร์ หรือ “เจ๊แดง” ที่ก่อเหตุเผาโลงศพ ระบุข้อความข้างโลงศพว่า “พระองค์ท่าน..., พลเอกเปรม...,พันธมิตร รัฐบาลโจร... ชาตะ...มรณะ 8 เม.ย. 2552” และมี ภาพใบหน้า ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ อยู่ด้านข้าง ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และความผิดเกี่ยวกับความมั่งคงและ หมิ่นประมาท
พร้อมกันนี้ได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ พล.ต.ต.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.บุญเลิศ ว่องวัจน ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา, พ.ต.ท.พิเชษฐ อรชุน รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครราชสีมา, พ.ต.ท.ชลาสินธุ์ ชลาลัย รอง ผกก.ป.สภ.เมืองนครราชสีมา และเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุจำนวน 10 นาย กรณีไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157
พ.ต.อ.บุญเลิศ ว่องวัจนะ ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา ได้มอบหมายให้พ.ต.ท.พิเชษฐ์ อรชุน สารวัตรเวร สภ.เมืองนครราชสีมา เป็นพนักงานสวบสวน รับแจ้งความพร้อมรวบรวมหลักฐานและสอบปากคำพยานบุคคลเพิ่มเติม
ด้านนายสันติ ถิระวงศ์ ทนายความที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เปิดเผยว่าได้นำหลักฐานเป็นภาพถ่าย ทั้งโลงศพ และการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงโคราช ที่เผาโลงศพในช่วงเย็นของวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่บริเวณลานข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ซึ่งการกระทำของ นางปภัสชนันท์ ฉิ่งอินทร์ กับพวก ถือเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน ขัดต่อจารีตประเพณีอันดีงามและขัดต่อกฎหมายของบ้านเมืองต้องรับโทษทางอาญา ดังนี้ คือ
ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี , ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 114 และ 115 , ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามมาตรา 326
นอกจากนี้ ในเหตุการณ์ดังกล่าวปรากฏว่าไม่มีข้าราชการตำรวจ เข้าไปดำเนินการปกป้อง คุ้มครองตามอำนาจหน้าที่แต่อย่างใด ทั้งที่ในวันเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกำกฎหมาย มิได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชาติ พระมหากษัตริย์ ประธานองคมนตรี องคมนตรีและประชาชนโดยทั่วไป
ขณะที่พ.ต.อ.บุญเลิศ ว่องวัจจะ ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความร้องทุกข์ไว้ และ ขอเวลาในการรวบรวมข้อมูลหลักฐานและพยานเพิ่มเติมก่อนถึงจะสามารถบอกได้ว่าจะตั้งข้อหาอะไรกับผู้ที่ถูกแจ้งความบ้าง จนถึงขณะนี้มีผู้เข้าแจ้งความกรณีดังกล่าว 2 รายแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนจะรวมเป็นคดีเดียวกัน และดำเนินการตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนวันที่ 9 เม.ย. เวลา 21.00 น. พ.อ.วีระภัทรพล บุญย์เชี่ยว ทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้นำเอกสารหลักฐาน เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พ.ต.ท.จุลฑิตย์ กิตติรงค์ พนักงานสอบสวน สารวัตรเวร สภ.เมืองนครราชสีมา ให้ดำเนินคดีกับ นางปภัสชนันท์ ฉิ่งอินทร์ หรือ “เจ๊แดง” กับพวกกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ก่อในคดีเดียวกันกับที่กล่าวมาข้างต้นด้วย
“เสื้อแดงชม.”ปิดถนนรอบประตูท่าแพ
ด้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อดงในต่างจังหวัด เวลาประมาณ 13.00 น.วานนี้ (10 เม.ย.) กลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่ประมาณ 200 คน นำโดยกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 พร้อมด้วยกลุ่มคนขับรถสี่ล้อแดงรับจ้าง ได้รวมตัวชุมนุม และปิดกั้นถนนบริเวณโดยรอบประตูท่าแพในตัวเมืองเชียงใหม่ ด้วยการนำรถสี่ล้อแดงประมาณ 20 คัน และรถตุ๊กตุ๊กอีกจำนวนหนึ่ง จอดขวางปิดกั้นถนน รวมทั้งนำเต็นท์มาติดตั้งบนถนนด้วย วัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องนายกรัฐมนตรีลาออก และยุบสภา
การปิดถนนครั้งนี้ทำให้รถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ตามปกติ บนถนนท่าแพตั้งบริเวณหน้าวัดแสนฝางถึงประตูท่าแพ และถนนที่ผ่านประตูท่าแพ ทั้งด้านในและด้านนอกคูเมืองเชียงใหม่ ส่งผลให้การจราจรโดยรอบติดขัดอย่างหนัก
ทั้งนี้กลุ่มเสื้อแดง ได้ใช้หลังคารถสี่ล้อแดงรับจ้างที่จอดขวางถนนด้านหน้าประตูท่าแพ เป็นเวทีปราศรัย ซึ่งเนื้อหาหลักเป็นการโจมตีรัฐบาล และพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ตลอดจนยกย่องคุณงามความดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
การชุมนุมและปิดถนนในครั้งนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่ ประกาศว่า จะปักหลักชุมนุมต่อเนื่องไปอย่างไม่มีกำหนด จนกว่านายกรัฐมนตรี จะลาออก และยุบสภา หรือจะมีคำสั่งแกนนำจากส่วนกลางว่าจะให้ดำเนินการอย่างใดต่อไป
“หางแดงเชียงราย” ขู่ปิดถนนเข้าเมือง
ด้านกลุ่มเสื้อแดงในจ.เชียงราย ประมาณ 50-100 คน ยังปักหลักชุมนุมกันอยู่ภายในเต็นท์หน้าโรงแรมแสนภูเพลส ถนนบรรพปราการ อ.เมือง จ.เชียงราย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมกันในหมู่แกนนำเสื้อแดงเชียงราย เพื่อดำเนินมาตรการรองรับการเคลื่อนไหวที่กรุงเทพฯ โดยมีรายงานข่าวว่าการประชุมของแกนนำคนเสื้อแดงที่ จ.เชียงราย มีการถกกันในประเด็นปลีกย่อยมากมาย แต่ท้ายที่สุดกลับได้ข้อสรุปเพียงว่า หากรัฐบาลหรือหน่วยงานด้านความมั่นคง มีการกระทำการรุนแรง หรือสลายการชุมนุมที่กรุงเทพฯ กลุ่มคนเสื้อแดงเชียงราย ก็จะรวมตัวกันเข้ายึดศาลากลางจังหวัด กองบังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงราย และปิดถนนพหลโยธินสายเชียงราย-แม่ลาว บริเวณสี่แยกแม่กรณ์ ต.แม่กรณ์ อ.เมือง ซึ่งเป็นประตูเข้าออกเมืองเชียงราย
ต่อมา นายศรีนวล นวลหงษ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดงเชียงราย ได้แถลงข่าวที่บริเวณหน้าอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช โดยออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ระบุหัวข้อว่า คนเสื้อแดงเชียงรายประกาศหนุนข้อเรียกร้อง นปช.หากใช้ความรุนแรง หรือใช้กำลังสลายการชุมนุมจะปิดถนนประท้วงทันที
แดงกาฬสินธุ์โวยถูกอมเงิน
ด้านความเคลื่อนไหวกลุ่มคนแดงใน จ.กาฬสินธุ์ พบว่า บรรดาแกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลิ่วล้อบรรดาหัวคะแนนนช.แม้ว ส.ส. เพื่อไทย กาฬสินธุ์ ตลอดทั้งวันมีความพยายามในการปลุกระดม เกณฑ์ชาวบ้านส่งไปป่วนกรุงฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวมี ส.ส.กาฬสินธุ์ เป็นธุระในการจัดหาชาวบ้านส่งเข้าไปสมทบ โดยมีบริษัทเดินรถแห่งหนึ่ง เป็นผู้สนับสนุนการเดินทาง อีกทั้งยังมีบรรดาอดีต สจ.กาฬสินธุ์ และนักการเมืองท้องถิ่น ช่วยกันเกณฑ์ชาวบ้าน ส่งเข้าไปป่วนกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม การเกณฑ์คนต้องมาสะดุด เนื่องจากพบว่า มีการอมเงินค่าจ้าง จ่ายไม่เต็มราคา ซึ่งตามเงื่อนไข หากเป็นตัวป่วนแถวหน้าจะต้องจ่าย 2 พันบาท แต่ปรากฏว่ามีการจ่ายเพียง 200 บาท โดยใส่ไปในกล่องอาหาร ทำให้ให้บรรดาคนเสื้อแดงไม่พอใจ บางคนตกรถไม่สามารถกลับบ้านได้ จึงมีการโวยวายว่า แกนนำอมเงิน และหลอกให้ไปตายฟรี
แหล่งข่าวคนเสื้อแดงคนเดิมยังระบุอีกว่า การจ่ายเงินที่ไม่เต็มราคาว่าจ้าง ทำให้พี่น้องเสื้อแดงเมืองน้ำดำ เริ่มถอดใจเนื่องจากสิ่งที่เคลื่อนไหวก็เพื่อที่จะนำเงินที่ได้จาก นช.แม้ว ไปเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อีกทั้งปัญหาการยกระดับของ 3 เกลอความจริงวันนี้ ที่ต้องการสร้างความรุนแรงนั้นเป็นความต้องการที่สวนกระแสของชาวบ้าน ที่ต้องการเพียงแสดงความรัก แล้วรับเงินค่าจ้างของทักษิณเท่านั้น
ด้านคนเมืองน้ำดำรักในหลวง ระบุว่า สิ่งที่กลุ่มคนเสื้อแดงทำคงจะไปตำหนิ พวกชาวบ้านทั่วไปที่ไม่รู้เรื่องอะไรไม่ได้ แต่จะต้องร่วมกันด่า บรรดาลิ่วล้อ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ออกไปปลุกระดมให้พวกชาวบ้านไปปกป้อง นช.แม้ว เพราะใครๆ ก็รู้ว่า นช.แม้วเป็นนักโทษ แต่มันรวยจึงใช้ความรวยสร้างความแตกแยกให้กับสังคมไทย ที่กำลังลุกลามไปทั่วประเทศ จึงขอห้ ส.ส.เพื่อไทย จ.กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะนางบุญรื่น ศรีธเรศ ได้หยุดยุติปลุกปั่นประชาชนในจังหวัดไปเคลื่อนไหวซะที ไม่ว่าจะเป็นการรวมตัวที่หน้าศาลากลางหรือแม้แต่เข้าไปที่กรุงเทพฯ
วานนี้( 10 เม.ย.) ที่สภ.เมืองนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสันติ ถิระวงศ์ ทนายความสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย และนายกฤช ขวัญโภคา เลขาธิการสมัชชาฯ นางสารภี บุญประตูชัย ผู้ประสานงานกลุ่มภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตย พร้อมประชาชนชาวโคราชเครือข่ายพันธมิตรฯ จ.นครราชสีมา กว่า 100 คน ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.บุญเลิศ ว่องวัจนะ ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครราชสีมา เพื่อให้ดำเนินคดีกลุ่มคนเสื้อแดง “กลุ่มคนของแผ่นดินลูกหลานย่าโม” นำโดย นางปภัสชนันท์ ฉิ่งอินทร์ หรือ “เจ๊แดง” ที่ก่อเหตุเผาโลงศพ ระบุข้อความข้างโลงศพว่า “พระองค์ท่าน..., พลเอกเปรม...,พันธมิตร รัฐบาลโจร... ชาตะ...มรณะ 8 เม.ย. 2552” และมี ภาพใบหน้า ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ อยู่ด้านข้าง ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และความผิดเกี่ยวกับความมั่งคงและ หมิ่นประมาท
พร้อมกันนี้ได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ พล.ต.ต.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.บุญเลิศ ว่องวัจน ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา, พ.ต.ท.พิเชษฐ อรชุน รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครราชสีมา, พ.ต.ท.ชลาสินธุ์ ชลาลัย รอง ผกก.ป.สภ.เมืองนครราชสีมา และเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุจำนวน 10 นาย กรณีไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157
พ.ต.อ.บุญเลิศ ว่องวัจนะ ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา ได้มอบหมายให้พ.ต.ท.พิเชษฐ์ อรชุน สารวัตรเวร สภ.เมืองนครราชสีมา เป็นพนักงานสวบสวน รับแจ้งความพร้อมรวบรวมหลักฐานและสอบปากคำพยานบุคคลเพิ่มเติม
ด้านนายสันติ ถิระวงศ์ ทนายความที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เปิดเผยว่าได้นำหลักฐานเป็นภาพถ่าย ทั้งโลงศพ และการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงโคราช ที่เผาโลงศพในช่วงเย็นของวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่บริเวณลานข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ซึ่งการกระทำของ นางปภัสชนันท์ ฉิ่งอินทร์ กับพวก ถือเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน ขัดต่อจารีตประเพณีอันดีงามและขัดต่อกฎหมายของบ้านเมืองต้องรับโทษทางอาญา ดังนี้ คือ
ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี , ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 114 และ 115 , ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามมาตรา 326
นอกจากนี้ ในเหตุการณ์ดังกล่าวปรากฏว่าไม่มีข้าราชการตำรวจ เข้าไปดำเนินการปกป้อง คุ้มครองตามอำนาจหน้าที่แต่อย่างใด ทั้งที่ในวันเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกำกฎหมาย มิได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชาติ พระมหากษัตริย์ ประธานองคมนตรี องคมนตรีและประชาชนโดยทั่วไป
ขณะที่พ.ต.อ.บุญเลิศ ว่องวัจจะ ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความร้องทุกข์ไว้ และ ขอเวลาในการรวบรวมข้อมูลหลักฐานและพยานเพิ่มเติมก่อนถึงจะสามารถบอกได้ว่าจะตั้งข้อหาอะไรกับผู้ที่ถูกแจ้งความบ้าง จนถึงขณะนี้มีผู้เข้าแจ้งความกรณีดังกล่าว 2 รายแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนจะรวมเป็นคดีเดียวกัน และดำเนินการตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนวันที่ 9 เม.ย. เวลา 21.00 น. พ.อ.วีระภัทรพล บุญย์เชี่ยว ทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้นำเอกสารหลักฐาน เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พ.ต.ท.จุลฑิตย์ กิตติรงค์ พนักงานสอบสวน สารวัตรเวร สภ.เมืองนครราชสีมา ให้ดำเนินคดีกับ นางปภัสชนันท์ ฉิ่งอินทร์ หรือ “เจ๊แดง” กับพวกกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ก่อในคดีเดียวกันกับที่กล่าวมาข้างต้นด้วย
“เสื้อแดงชม.”ปิดถนนรอบประตูท่าแพ
ด้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อดงในต่างจังหวัด เวลาประมาณ 13.00 น.วานนี้ (10 เม.ย.) กลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่ประมาณ 200 คน นำโดยกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 พร้อมด้วยกลุ่มคนขับรถสี่ล้อแดงรับจ้าง ได้รวมตัวชุมนุม และปิดกั้นถนนบริเวณโดยรอบประตูท่าแพในตัวเมืองเชียงใหม่ ด้วยการนำรถสี่ล้อแดงประมาณ 20 คัน และรถตุ๊กตุ๊กอีกจำนวนหนึ่ง จอดขวางปิดกั้นถนน รวมทั้งนำเต็นท์มาติดตั้งบนถนนด้วย วัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องนายกรัฐมนตรีลาออก และยุบสภา
การปิดถนนครั้งนี้ทำให้รถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ตามปกติ บนถนนท่าแพตั้งบริเวณหน้าวัดแสนฝางถึงประตูท่าแพ และถนนที่ผ่านประตูท่าแพ ทั้งด้านในและด้านนอกคูเมืองเชียงใหม่ ส่งผลให้การจราจรโดยรอบติดขัดอย่างหนัก
ทั้งนี้กลุ่มเสื้อแดง ได้ใช้หลังคารถสี่ล้อแดงรับจ้างที่จอดขวางถนนด้านหน้าประตูท่าแพ เป็นเวทีปราศรัย ซึ่งเนื้อหาหลักเป็นการโจมตีรัฐบาล และพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ตลอดจนยกย่องคุณงามความดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
การชุมนุมและปิดถนนในครั้งนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่ ประกาศว่า จะปักหลักชุมนุมต่อเนื่องไปอย่างไม่มีกำหนด จนกว่านายกรัฐมนตรี จะลาออก และยุบสภา หรือจะมีคำสั่งแกนนำจากส่วนกลางว่าจะให้ดำเนินการอย่างใดต่อไป
“หางแดงเชียงราย” ขู่ปิดถนนเข้าเมือง
ด้านกลุ่มเสื้อแดงในจ.เชียงราย ประมาณ 50-100 คน ยังปักหลักชุมนุมกันอยู่ภายในเต็นท์หน้าโรงแรมแสนภูเพลส ถนนบรรพปราการ อ.เมือง จ.เชียงราย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมกันในหมู่แกนนำเสื้อแดงเชียงราย เพื่อดำเนินมาตรการรองรับการเคลื่อนไหวที่กรุงเทพฯ โดยมีรายงานข่าวว่าการประชุมของแกนนำคนเสื้อแดงที่ จ.เชียงราย มีการถกกันในประเด็นปลีกย่อยมากมาย แต่ท้ายที่สุดกลับได้ข้อสรุปเพียงว่า หากรัฐบาลหรือหน่วยงานด้านความมั่นคง มีการกระทำการรุนแรง หรือสลายการชุมนุมที่กรุงเทพฯ กลุ่มคนเสื้อแดงเชียงราย ก็จะรวมตัวกันเข้ายึดศาลากลางจังหวัด กองบังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงราย และปิดถนนพหลโยธินสายเชียงราย-แม่ลาว บริเวณสี่แยกแม่กรณ์ ต.แม่กรณ์ อ.เมือง ซึ่งเป็นประตูเข้าออกเมืองเชียงราย
ต่อมา นายศรีนวล นวลหงษ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดงเชียงราย ได้แถลงข่าวที่บริเวณหน้าอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช โดยออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ระบุหัวข้อว่า คนเสื้อแดงเชียงรายประกาศหนุนข้อเรียกร้อง นปช.หากใช้ความรุนแรง หรือใช้กำลังสลายการชุมนุมจะปิดถนนประท้วงทันที
แดงกาฬสินธุ์โวยถูกอมเงิน
ด้านความเคลื่อนไหวกลุ่มคนแดงใน จ.กาฬสินธุ์ พบว่า บรรดาแกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลิ่วล้อบรรดาหัวคะแนนนช.แม้ว ส.ส. เพื่อไทย กาฬสินธุ์ ตลอดทั้งวันมีความพยายามในการปลุกระดม เกณฑ์ชาวบ้านส่งไปป่วนกรุงฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวมี ส.ส.กาฬสินธุ์ เป็นธุระในการจัดหาชาวบ้านส่งเข้าไปสมทบ โดยมีบริษัทเดินรถแห่งหนึ่ง เป็นผู้สนับสนุนการเดินทาง อีกทั้งยังมีบรรดาอดีต สจ.กาฬสินธุ์ และนักการเมืองท้องถิ่น ช่วยกันเกณฑ์ชาวบ้าน ส่งเข้าไปป่วนกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม การเกณฑ์คนต้องมาสะดุด เนื่องจากพบว่า มีการอมเงินค่าจ้าง จ่ายไม่เต็มราคา ซึ่งตามเงื่อนไข หากเป็นตัวป่วนแถวหน้าจะต้องจ่าย 2 พันบาท แต่ปรากฏว่ามีการจ่ายเพียง 200 บาท โดยใส่ไปในกล่องอาหาร ทำให้ให้บรรดาคนเสื้อแดงไม่พอใจ บางคนตกรถไม่สามารถกลับบ้านได้ จึงมีการโวยวายว่า แกนนำอมเงิน และหลอกให้ไปตายฟรี
แหล่งข่าวคนเสื้อแดงคนเดิมยังระบุอีกว่า การจ่ายเงินที่ไม่เต็มราคาว่าจ้าง ทำให้พี่น้องเสื้อแดงเมืองน้ำดำ เริ่มถอดใจเนื่องจากสิ่งที่เคลื่อนไหวก็เพื่อที่จะนำเงินที่ได้จาก นช.แม้ว ไปเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อีกทั้งปัญหาการยกระดับของ 3 เกลอความจริงวันนี้ ที่ต้องการสร้างความรุนแรงนั้นเป็นความต้องการที่สวนกระแสของชาวบ้าน ที่ต้องการเพียงแสดงความรัก แล้วรับเงินค่าจ้างของทักษิณเท่านั้น
ด้านคนเมืองน้ำดำรักในหลวง ระบุว่า สิ่งที่กลุ่มคนเสื้อแดงทำคงจะไปตำหนิ พวกชาวบ้านทั่วไปที่ไม่รู้เรื่องอะไรไม่ได้ แต่จะต้องร่วมกันด่า บรรดาลิ่วล้อ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ออกไปปลุกระดมให้พวกชาวบ้านไปปกป้อง นช.แม้ว เพราะใครๆ ก็รู้ว่า นช.แม้วเป็นนักโทษ แต่มันรวยจึงใช้ความรวยสร้างความแตกแยกให้กับสังคมไทย ที่กำลังลุกลามไปทั่วประเทศ จึงขอห้ ส.ส.เพื่อไทย จ.กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะนางบุญรื่น ศรีธเรศ ได้หยุดยุติปลุกปั่นประชาชนในจังหวัดไปเคลื่อนไหวซะที ไม่ว่าจะเป็นการรวมตัวที่หน้าศาลากลางหรือแม้แต่เข้าไปที่กรุงเทพฯ