รอยเตอร์ - เรือพิฆาต "เบนบริดจ์" ของสหรัฐฯ เดินทางถึงน่านน้ำนอกชายฝั่งของโซมาเลียแล้วตอนเช้าวานนี้ (9) ด้วยภารกิจเข้าช่วยเหลือกัปตันเรือสินค้าชาวอเมริกัน ซึ่งถูกพวกโจรสลัดจับเป็นตัวประกัน ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่พลเรือนสัญชาติอเมริกันถูกโจรสลัดจี้จับตัว
ก่อนหน้านี้ในวันพุธ (8) พวกโจรสลัดได้เข้าปล้นยึดเรือบรรทุกสินค้า "เมิร์สก์ แอละบามา" ซึ่งมีระวางขับน้ำ 17,000 ตัน และเป็นของบริษัทเมิร์สก์แห่งเดนมาร์ก แต่ต่อมาลูกเรือชาวอเมริกัน 20 คนสามารถยึดเรือกลับคืนมาได้ ในขณะที่สองฝ่ายเผชิญหน้ากันอยู่นอกมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งในชวงสัปดาห์ที่ผ่านมากลุ่มโจรสลัดได้ปล้นยึดเรือไปถึงห้าลำด้วยกัน
เคน ควินน์ ผู้ช่วยกัปตันเรือเมิร์สก์ แอละบามา เล่าว่ากัปตันถูกจับลงเรือชูชีพไปและพวกลูกเรือกำลังหาทางเจรจาเพื่อให้ปล่อยตัวเขา ส่วนสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่าเรือเมิร์สก์ แอละบามาคอยเฝ้าจับตาดูเรือชูชีพลำดังกล่าวซึ่งมีกัปตันเรือกับโจรสลัดอีกสี่คนอยู่บนนั้น แต่หน่วยงานด้านการเดินเรือระบุว่าสถานการณ์อาจจะเปลี่ยนแปลงไป
"ขณะนี้เราได้รับรายงานว่าเรือแอละบามากำลังแล่นเข้าสู่บริเวณน่านน้ำที่ปลอดภัย" แอนดรูว์ เอ็มวางกูรา ผู้ประสานงานของโครงการช่วยเหลือผู้เดินเรือทะเลในแอฟริกาตะวันออก บอกและเสริมว่า "แต่เราไม่รู้ว่ากัปตันเรือเป็นยังไงบ้าง และไม่รู้ว่าพวกโจรสลัดพาตัวเขาไปแล้ว หรือว่าส่งกลับขึ้นเรืออย่างปลอดภัยแล้ว"
ทั้งนี้ เรือแอละบามากำลังอยู่ในระหว่างการนำเสบียงอาหารเข้าไปช่วยเหลือชาวโซมาเลียและยูกันดา โดยใช้เส้นทางจากกรุงจิบูตี ประเทศจิบูตี ไปยังเมืองมอมบาซา ประเทศเคนยา แต่ถูกปล้นขณะอยู่ห่างจากชายฝั่งโซมาเลียราว 300 ไมล์
เหตุการณ์ปล้นยึดเรือคราวนี้นับเป็นครั้งล่าสุดของการกระทำอันอุกอาจเหิมเกริมในบริเวณน่านน้ำนอกชายฝั่งโซมาเลีย โดยที่พวกโจรสลัดได้ปล้นยึดเรือเป็นจำนวนสิบกว่าลำในช่วงปีที่แล้ว และได้จับลูกเรือไว้เป็นตัวประกันหลายร้อยคน รวมทั้งได้เงินค่าไถ่ไปแล้วหลายล้านดอลลาร์ด้วยกัน และเพิ่งเมื่อวันจันทร์(6)ที่ผ่านมา โจรสลัดโซมาเลียก็ได้ยึดเรือสัญชาติอังกฤษลำหนึ่ง หลังจากที่ได้ปล้นเรือไปแล้วสามลำในช่วงสุดสัปดาห์ด้วย
การก่อเหตุอย่างยืดเยื้อยาวนานดังกล่าวนี้ทำให้การเดินเรือบริเวณอ่าวเอเดนและมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ที่มีการจราจรคับคั่ง เกิดปัญหาอย่างมาก และยังทำให้ค่าประกันภัยเพิ่มสูงขึ้นจนมีบางบริษัทตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือสินค้าโดยยอมเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินเรืออ้อมแอฟริกาใต้ไปแทนที่จะตัดเข้าทางคลองสุเอซ
ยิ่งกว่านั้น การก่อเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่าของพวกโจรสลัดยังทำให้ความพยายามของนานาชาติที่ส่งเรือรบเข้าไปสกัดพวกโจรสลัดกลายเป็นเรื่องตลกขบขันไปด้วย ทั้งนี้มีเรือรบทั้งจากยุโรป สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศที่เข้าไปประจำการในบริเวณดังกล่าว
จิม วิลสัน นักวิเคราะห์จากลอยดส์ รีจิสเตอร์-แฟร์เพลย์ให้ความเห็นว่าสงครามกลางเมืองในโซมาเลียที่ยืดเยื้อมา 18 ปีคือต้นเหตุของปัญหา และว่า "ทางแก้ก็คือเรื่องเดิม ต้องแก้ที่สถานการณ์ทางการเมืองในโซมาเลียก่อน ถ้ายังไม่มีสันติภาพในประเทศนี้ ก็ไม่มีทางปราบปรามโจรสลัดได้หรอก"
ด้านเมิร์สก์กล่าวว่าลูกเรือของตนยึดเรือแอละบามาคืนได้ในวันพุธหลังจากที่โจรสลัดหลบหนีจากเรือใหญ่ไปพร้อมกับตัวประกันหนึ่งคนซึ่งยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นกัปตันเรือหรือไม่ โฆษกของเมิร์สก์บอกว่าไม่มีลูกเรือคนใดได้รับบาดเจ็บ ส่วนซีเอ็นเอ็นรายงานว่าลูกเรือของแอละบามาเห็นเรือรบเบนบริดจ์แล้วและทำการติดต่อกันอยู่
"ทั่วโลกจะต้องร่วมมือกันเพื่อยุติการกระทำของพวกโจรสลัด" ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าสหรัฐฯ กำลังจับตาดูเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
ก่อนหน้านี้ในวันพุธ (8) พวกโจรสลัดได้เข้าปล้นยึดเรือบรรทุกสินค้า "เมิร์สก์ แอละบามา" ซึ่งมีระวางขับน้ำ 17,000 ตัน และเป็นของบริษัทเมิร์สก์แห่งเดนมาร์ก แต่ต่อมาลูกเรือชาวอเมริกัน 20 คนสามารถยึดเรือกลับคืนมาได้ ในขณะที่สองฝ่ายเผชิญหน้ากันอยู่นอกมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งในชวงสัปดาห์ที่ผ่านมากลุ่มโจรสลัดได้ปล้นยึดเรือไปถึงห้าลำด้วยกัน
เคน ควินน์ ผู้ช่วยกัปตันเรือเมิร์สก์ แอละบามา เล่าว่ากัปตันถูกจับลงเรือชูชีพไปและพวกลูกเรือกำลังหาทางเจรจาเพื่อให้ปล่อยตัวเขา ส่วนสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่าเรือเมิร์สก์ แอละบามาคอยเฝ้าจับตาดูเรือชูชีพลำดังกล่าวซึ่งมีกัปตันเรือกับโจรสลัดอีกสี่คนอยู่บนนั้น แต่หน่วยงานด้านการเดินเรือระบุว่าสถานการณ์อาจจะเปลี่ยนแปลงไป
"ขณะนี้เราได้รับรายงานว่าเรือแอละบามากำลังแล่นเข้าสู่บริเวณน่านน้ำที่ปลอดภัย" แอนดรูว์ เอ็มวางกูรา ผู้ประสานงานของโครงการช่วยเหลือผู้เดินเรือทะเลในแอฟริกาตะวันออก บอกและเสริมว่า "แต่เราไม่รู้ว่ากัปตันเรือเป็นยังไงบ้าง และไม่รู้ว่าพวกโจรสลัดพาตัวเขาไปแล้ว หรือว่าส่งกลับขึ้นเรืออย่างปลอดภัยแล้ว"
ทั้งนี้ เรือแอละบามากำลังอยู่ในระหว่างการนำเสบียงอาหารเข้าไปช่วยเหลือชาวโซมาเลียและยูกันดา โดยใช้เส้นทางจากกรุงจิบูตี ประเทศจิบูตี ไปยังเมืองมอมบาซา ประเทศเคนยา แต่ถูกปล้นขณะอยู่ห่างจากชายฝั่งโซมาเลียราว 300 ไมล์
เหตุการณ์ปล้นยึดเรือคราวนี้นับเป็นครั้งล่าสุดของการกระทำอันอุกอาจเหิมเกริมในบริเวณน่านน้ำนอกชายฝั่งโซมาเลีย โดยที่พวกโจรสลัดได้ปล้นยึดเรือเป็นจำนวนสิบกว่าลำในช่วงปีที่แล้ว และได้จับลูกเรือไว้เป็นตัวประกันหลายร้อยคน รวมทั้งได้เงินค่าไถ่ไปแล้วหลายล้านดอลลาร์ด้วยกัน และเพิ่งเมื่อวันจันทร์(6)ที่ผ่านมา โจรสลัดโซมาเลียก็ได้ยึดเรือสัญชาติอังกฤษลำหนึ่ง หลังจากที่ได้ปล้นเรือไปแล้วสามลำในช่วงสุดสัปดาห์ด้วย
การก่อเหตุอย่างยืดเยื้อยาวนานดังกล่าวนี้ทำให้การเดินเรือบริเวณอ่าวเอเดนและมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ที่มีการจราจรคับคั่ง เกิดปัญหาอย่างมาก และยังทำให้ค่าประกันภัยเพิ่มสูงขึ้นจนมีบางบริษัทตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือสินค้าโดยยอมเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินเรืออ้อมแอฟริกาใต้ไปแทนที่จะตัดเข้าทางคลองสุเอซ
ยิ่งกว่านั้น การก่อเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่าของพวกโจรสลัดยังทำให้ความพยายามของนานาชาติที่ส่งเรือรบเข้าไปสกัดพวกโจรสลัดกลายเป็นเรื่องตลกขบขันไปด้วย ทั้งนี้มีเรือรบทั้งจากยุโรป สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศที่เข้าไปประจำการในบริเวณดังกล่าว
จิม วิลสัน นักวิเคราะห์จากลอยดส์ รีจิสเตอร์-แฟร์เพลย์ให้ความเห็นว่าสงครามกลางเมืองในโซมาเลียที่ยืดเยื้อมา 18 ปีคือต้นเหตุของปัญหา และว่า "ทางแก้ก็คือเรื่องเดิม ต้องแก้ที่สถานการณ์ทางการเมืองในโซมาเลียก่อน ถ้ายังไม่มีสันติภาพในประเทศนี้ ก็ไม่มีทางปราบปรามโจรสลัดได้หรอก"
ด้านเมิร์สก์กล่าวว่าลูกเรือของตนยึดเรือแอละบามาคืนได้ในวันพุธหลังจากที่โจรสลัดหลบหนีจากเรือใหญ่ไปพร้อมกับตัวประกันหนึ่งคนซึ่งยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นกัปตันเรือหรือไม่ โฆษกของเมิร์สก์บอกว่าไม่มีลูกเรือคนใดได้รับบาดเจ็บ ส่วนซีเอ็นเอ็นรายงานว่าลูกเรือของแอละบามาเห็นเรือรบเบนบริดจ์แล้วและทำการติดต่อกันอยู่
"ทั่วโลกจะต้องร่วมมือกันเพื่อยุติการกระทำของพวกโจรสลัด" ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าสหรัฐฯ กำลังจับตาดูเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
