xs
xsm
sm
md
lg

ครอบครัวชินวัตรเผ่นนอก แม้วขอม็อบอยู่ 3 วัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – “หญิงอ้อ” พร้อมลูก “นช.แม้ว” และเครือญาติแอบเผ่นหนีไปนอก หลังปลุกม็อบเสื้อแดงปิดล้อมบ้าน “ป๋าเปรม” กดดัน “3องคมนตรี-นายกฯ” ลาออก “มาร์ค” ให้ม็อบดูเอาเองคนชวนให้มาชุมนุมกับหนี ด้าน “กษิต” ยื่นคำขาดให้ทุกประเทศเลือกระหว่างประเทศไทยกับ “นช.แม้ว” ส่วนม็อบถ่อยรุมถล่มนักข่าว ช่อง 3 ,7 , 9 อ้างรายงานตัวเลขม็อบน้อย ยกทีมประชิดรั่วบ้านสี่เสาเทเวศร์ ตั้งเวทีถล่ม "ป๋าเปรม" ขณะที่ 2 น้องสาว “ทักษิณ” โดดร่วมม็อบ ตำรวจประเมินตัวเลขเสื้อแดงมีแค่ 35,000 คน ฝ่ายความมั่นคงจับตากลุ่มคนเตรียมก่อเหตุสร้างสถานการณ์ เผาสถานที่ราชการ วางระเบิด ปิดถนน เพื่อนำไปสู่เหตุจลาจล “ทักษิณ” วีดีโอลิงก์ปลุกม็อบให้มามากขึ้นอย่ากลับบ้านมือเปล่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่ นช.ทักษิณ ชินวัตร ปลุกระดมม็อบกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ให้ออกมาชุมนุมใหญ่ วานนี้ (8 เม.ย.) เพื่อขับไล่รัฐบาล และ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ออกจากองคมนตรี ทั้งที่เป็นตำแหน่งที่แต่งตั้งตามพระราชอัธยาศัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ปรากฎว่า อดีตภริยา และบุตรชาย บุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับหนีออกนอกประเทศไปก่อนการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เม.ย.

อดีตเมีย-ลูกแม้วเผ่นนอก

ทั้งนี้มีรายงานจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ว่า คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร (ชินวัตร) พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร ได้เดินทางออกนอกประเทศไทยด้วย สายการบิน คาเธ่ย์แปซิฟิค เที่ยวบินที่ CX 750 ปลายทางเกาะฮ่องกง โดยเดินทางไปตั้งแต่คืนวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งในคืนวันเดียวกันนั้น น.ส.พิณทองทา (เอม) ชินวัตร ก็ได้เดินทางออกนอกประเทศ โดยเดินทางไปประเทศอังกฤษ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 910

ขณะที่ เมื่อคืนวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี น้องเขยของนช.ทักษิณพร้อมด้วย นายพานทองแท้ ชินวัตร (โอ๊ค) ได้ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ปลายทาง นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้วยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EX 419 นอกจากนี้ พล.อ.ชัยสิทธิ ชินวัตร ญาติผู้พี่นช.ทักษิณ ก็เดินทางไปไต้หวัน ด้วยเที่ยวบิน BR 419 ซึ่งคาดว่าทั้งหมดที่สุดจะไปรวมกันที่นครดูไบ เพื่อพบ นช.ทักษิณ และเพื่อความปลอดภัย เพราะการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงอาจจะใช้ความรุนแรง หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน โดยคาดว่า บุคคลทั้งหมดจะไปพบ นช.ทักษิณ ที่นครดูไบ

มาร์คให้ดูคนชวนม็อบยังชิ่งหนี

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่า อดีตภริยา และลูกชาย ลูกสาว เดินทางออกนอกประเทศ แต่อยากฝากให้ผู้ชุมนุมคิดว่า มีการเรียกร้องให้ท่านทั้งหลายมาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ก็มีความเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มต้องการให้เกิดความรุนแรง ขณะที่คนที่ชักชวนท่านมาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตร ยอมรับว่าได้รับรายงานว่า อดีตภริยา และลูกทั้ง 3 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางออกนอกประเทศแล้ว รู้สึกว่า ลูกชายจะเดินทางออกไปเป็นคนสุดท้าย ซึ่งได้ข่าวว่าออกไปหมดแล้ว เมื่อถามว่า การเดินทางออกไปครั้งนี้มองว่าเป็นอย่างไร นายสุเทพ กล่าวพร้อมหัวเราะว่า”ไม่ขอแสดงความเห็นอะไรทั้งสิ้น อย่ามาถาม ให้ผมแสดงอะไรมาก เดี๋ยวจะเป็นเรื่อง”

สุเทพรับสั่งระวังเหตุบึ้ม-วางเพลิง

ส่วนมีกระแสข่าวว่ามีผู้ไม่หวังดี ต้องการที่จะก่อความรุนแรง นายสุเทพ กล่าวว่า ที่ตนพูดอย่าไปตื่นตระหนก แต่เราไม่ประมาทไว้ก็ดีคือให้ระวังการลอบวางเพลิง สถานที่นั้น สถานที่นี้ การลอบวางระเบิด ซึ่งตนได้กำชับเจ้าหน้าที่ทำงานเต็มที่ และระดมมาทั้งหมดเดินตามถนน และเอาเทศกิจเข้ามาช่วย รวมทั้งประชาชนก็เป็นหูเป็นตา เราจะได้ป้องกันได้

“ประเทศไทยมีบุญจริงๆ ดูกรณีท่านชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี เราก็ทำได้ทัน ถือเป็นบุญของท่าน บุญของประเทศ จะได้ไม่เกิดเหตุวุ่นวาย”

กษิตประสานตร.-อัยการล่าแม้ว

นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่าไม่ทราบเรื่องที่ครอบครัว ชินวัตร เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ยังอาศัยอยู่ในต่างประเทศนั้น ก็ยังติดตามเท่าที่จะทำได้ ส่วนเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดนก็ต้องดำเนินการ ผ่านช่องทางการทูต

“เราได้บอกกล่าวประเทศต่างๆ แล้วว่าสถานะของคุณทักษิณเป็นผู้ที่หนีคุก เราได้แปลสำนวนและคำพิพากษาของศาลเป็นภาษาอังกฤษส่งให้ทุกประเทศ ทุกสถานเอกอัครราชทูตของต่างประเทศในไทย และมีการประสานงานกับสำนักงานอัยการเรื่องการเจรจาตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน นอกจากนั้น ก็มีอีกช่องทางคือการประสานงานกับตำรวจสากลเป็นการร่วมมือกัน 3 เส้า ระหว่าง สตช. สำนักงานอัยการสูงสุดและกระทรวงการต่างประเทศ”

ตปท.ต้องเลือกระหว่างไทยกับทักษิณ

ส่วนความคืบหน้าเรื่องส่งเจ้าหน้าที่ไปดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อติดตามตัว นช.ทักษิณนั้น นายกษิตกล่าวว่า มีความคืบหน้า มีการเจรจาข้อตกลงและบอกกล่าวว่าไม่ต้องการให้ประเทศไหนให้อดีตนายกรัฐมนตรีใช้เป็นเวทีโจมตีประเทศไทย รวมถึงการออกหนังสือเดินทางต่างๆ ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ประเทศนั้นๆ ก็ต้องคิดหน้าคิดหลังว่าจะรักกับประเทศไทยหรือจะรักกับ อดีตนายกฯทักษิณ มากกว่า อันนี้ อยู่ในดุลพินิจหรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Judgment ของเขาเองว่าอันไหนถูกต้องไม่ถูกต้องและจะไปปกป้องใครสถานะของบุคคลคนนั้นเป็นอย่างไร ถ้าเผื่อคนคนนั้นเป็นคนหนีคุกหนีตะรางแล้วเขาจะไปปกป้องก็ต้องคิดให้ดี เท่านั้นเอง

นายกษิต กล่าวว่า สถานการณ์ของประเทศไทยขณะนี้สถานทูตต่างๆ ไม่ได้สอบถามอะไรเข้ามา เพราะเราให้ความมั่นใจว่าจะรักษาสถานกาณณ์ได้ นายกฯเองก็พูดว่า ต้องเป็นการเมืองในระบอบรัฐสภา ท่านได้พูดชัดเมื่อ 2-3 วันที่แล้วว่าถ้าเปลี่ยนแปลงการปกครองบนท้องถนนจะไม่จบไม่สิ้นจะเป็นวัฏจักรวันนี้เสื้อแดงออกมาถ้าชนะเสื้อเหลืองก็ออกมา วันมะรืน อาจะเป็นเสื้อเขียวหรือเสื้ออะไรออกมาไม่จบไม่สิ้น ดังนั้นต้องว่ากันในกรอบด้วยสติของทุกฝ่ายที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ในเรื่องการเมืองของไทย และเราต้องทำเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่พรรคพวกหรือบุคคล ไม่เลือกปฏิบัติ รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของประชาชน

ส.ส.เพื่อไทยเรียงหน้าขึ้นเวทีปลุกม็อบ

สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง เช้าวานนี้ (8 เม.ย.) ซึ่งเป็นวันนัดชุมนุมใหญ่กดดันรัฐบาล และ พล.อ.เปรม มีคนเสื้อแดงต่างทยอยมารวมตัวกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ด้านสะพานชมัยมรุเชฐ ซึ่งเป็นเวที่ปราศรัย บางส่วนไปรออยู่ บริเวณสี่แยกด้านลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อรอสมทบกับแกนนำที่จะนำม็อบจากทำเนียบฯไปยังบ้านสี่เสาเทเวศร์ ซึ่งเป็นบ้านพักของ พล.อ.เปรม

ขณะที่ ส.ส. พรรคเพื่อไทยจากภาคเหนือได้ทยอยขึ้นเวที หน้าทำเนียบฯ อาทิ นางละออง ติยะไพรัช น.ส.วิสาระดี เตชะธีรวัฒน์ ส.ส.เชียงราย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ เป็นตัวแทนกล่าวกับผู้ชุมนุมว่า เราต้องสู้จนกว่าจะชนะ ตนขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่าน โดยในวันนี้มีคนเสื้อแดงมาจาก จ.เชียงราย 20รถตู้และ 20 รถบัส และยังมีที่เชียงรายอีกพันคนที่จะร่วมสู้กับพวกเรา ดังนั้นวันนี้ไม่ว่าจะแดดร้อนจะหนาวเราจะสู้จนกว่าจะได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา

ต่อมาเวลา 10.00 น. นายจตุพร พรหมพันธ์ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงได้นำม็อบออกเดินจากเวทีปราศรัยสะพานชมัยมรุเชฐ ไปยัง ถ.พระราม 5 เลี้ยวซ้ายเข้า ถ.ศรีอยุธยา เพื่อไปยังบ้านสีเสาเทเวศร์ โดยให้ นายวีระ มุสิกพงษ์ แกนนำอีกคนอยู่เฝ้าเวทีปราศรัยสะพานชมัยมรุเชฐ

ตร.ตรึงบ้านสี่เสาฯ-ป๋าไม่หนีม็อบ

ส่วนบรรยากาศหน้าบ้านสีเสาเทเวศร์ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากกองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 ตำรวจจาก ตชด.และหน่วบปฏิบัตจิการพิเศษ 191 และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 รวม 3 พันนาย เปลี่ยนเวรยามคอยดูแล รักษาความปลอดภัย โดยมีการนำคอนกรีตขนาดใหญ่ และลวดหนามวางขวาง ทางเข้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ และนำรถน้ำมาจาอเป็นแนวป้องกันในสโมสรกองทัพบก ซึ่งตั้งอยู่ติดกับบ้านสีเสาเทเวศร์ นอกจากนี้ยังปิดถนนศรีอยุธยา ตังแต่สี่แยกเทเวศร์ จนถึงลานพระบรมรูปทรงม้า

ระหว่างสั้น กลุ่มคนรักป๋าเปรมจากภาคใต้ จำนวนกว่า 50 คน ได้เดินทางมาให้ กำลังใจ พล.อ.เปรม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้เดินทางผ่านเข้าไปด้านใน

พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป นายทหารคนสนิท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ป กล่าวว่า กรณีม็อบ นปช.จะบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์นั้น พล.อ.เปรม ยืนยันว่า จะไม่หนีไปไหน จะอยู่ที่บ้านพัก และไม่เคยประสานขอกำลังทหารให้มาคุ้มกันเพิ่มแต่อย่างใด

ม็อบถ่อยรุมถล่มนักข่าวช่อง3-7-9

สำหรับม็อบด้านบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งมี นพ.เหวง โตจิราการ แกนนกอีกคนควบคุมอยู่ ได้นำม็อบเดินไปยังบ้านสี่เสาเทเวศร์ในเวลา 09.30 น. ผ่านถ.ศรีอยุธยา ผ่าน บช.น. มาหยุดอยู่บริเวณกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ เนื่องจาก มีตำรวจ 50 นายตั้งด่านสะกัด ขณะเดียวกันม็อบจากทำเนียบฯ ก็เริ่มทยอยมาสมทบ ที่สุดตำรวจจึงยอมเปิดทางให้ผ่านไปได้ ทำให้ม็อบเสื้อแดงผ่านไปชุมนุม หน้าบ้านสี่เสาร์เทเวศน์ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างม็อบเสื้อแดง เดินมาถึงซอยวัดเทวราชกุลชร ซึ่งสถานทีโทรทัศน์ทุกช่องได้มาตั้งรถโมบายถ่ายทอดสด ขณะนักข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 นางวารุณี ซื่อสัตย์สกุลชัย ได้รายงานจำนวนกลุ่มผู้ชุมนุมว่า เป็นหลักหมื่น ทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจ เพราะเข้าใจว่า คนเสื้อแดงมารวมตัวกันหลายแสนคน โดยผู้ชุมนุมได้เข้ากดดันและล้อมรถถ่ายทอดสด ช่อง 3 บางคนก็ล้วงหยิบขวดเหล้าออกมา โดยอ้างว่า หยิบมาจากรถผู้สื่อข่าวที่นำเข้ามาดื่ม ทำให้ผู้ชุมนุมกรูเข้ามาล้อมรถถ่ายทอดสดอีก

พร้อมทั้งนำเอาน้ำสาดและขว้างปาขวดพลาสติกใส่นักข่าวช่อง 3 และบรรดาผู้สื่อข่าวที่รายงานข่าวอยู่บริเวณนั้น ผู้สื่อข่าวกลัวจะไม่ได้รับความปลอดภัยต้องยุติการรายงานข่าว และเข้าไปหลบอยู่รถ

ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่นเงื่อนไขให้ย้ายรถข่าวของช่อง 3 ออกไปจากพื้นที่ชุมนุม โดยมี พล.ต.ท.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น. 1 เข้ามาไกล่เกลี่ยแต่ผู้ชุมนุมไม่ยอมยังคงขับไล่ผู้สื่อข่าวและช่างภาพให้ออกไป ทำให้ผู้สื่อข่าวและช่างภาพทีวี หนังสือพิมพ์จากสำนักข่าวต่างๆ ยอมถอยออกจากกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมยังตามมาด่า และถุยน้ำลายใส่ นักข่าวที่มาทำข่าวทำให้เกิดความวุ่นวาย

ต่อมา เวลา 12.45 น.การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงได้คุกคามสื่อขึ้นมาอีกครั้งที่หนึ่งบริเวณแยกสี่เสาเทเวศน์ โดยคนเสื้อแดงใช้ตีนตบพร้อมกับลุกฮือไล่ ผู้สื่อข่าวช่อง 9 ออกจากพื้นที่ โดยระบุว่า รายงานข่าวไม่เป็นกลาง ทำให้แกนนำ กลุ่มคนเสื้อแดงมาเชิญออกจากพื้นที่ไปทางวัดเทวราชกุลชร

ในช่วงเวลาใกล้เคียวกัน ระหว่างที่นายสมโภช โตรักษา ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ได้รายงานสดการชุมนุมของ กลุ่มมคนเสื้อแดงที่รถโมบาย ซึ่งจอดอยู่บริเวณท่าปล่อยรถประจำทางสาย 72 ถนนพิษณุโลก ปากซอยพิษณุโลก 8 โดยกลุ่มคนเสื้อแดงแสดงความไม่พอใจ ที่นายสมโภชรายงานจำนวนผู้ชุมนุมแค่หลักหมื่น อ้างว่ามากันเป็นหลักแสน จากนั้นพากันตะโกนด่าใส่นายสมโภชด้วยถ้อยคำหยาบคาย พร้อมกับใช้ขวดน้ำปาเข้าใส่ สาดน้ำใส่ และขับไล่ให้ออกไปจากบริเวณดังกล่าว รวมทั้งพากันฮือเข้าไปล้อมกรอบ กว่าร้อยคน จนทางเจ้าหน้าที่ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ต้องพากันรีบเก็บของและเคลื่อนรถโมบายออกไปจากบริเวณดังกล่าว แต่กลุ่มคนเสื้อแดงก็ยังพากันขว้างขวดน้ำเข้าใส่รถตามเป็นระยะ

ตร.นับเสื้อแดงได้ 35,000 คน

พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมประเมินสถานการณ์ กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนขบวนการชุมนุมไปยังหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ว่า จากการประเมินยอดผู้ชุมนุม ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 35,000 คน โดยมีการตั้งด่านตรวจอาวุธที่บริเวณแยก พล.1 แต่เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมมีจำนวนมาก การตรวจค้นจึงอาจจะหละหลวมไปบ้าง จึงอยากฝากไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมช่วยเป็นหูเป็นตาในการตรวจสอบด้วย เนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายได้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการพกพาอาวุธเข้ามา

พล.ต.ต.สุพรกล่าวว่า ที่ประชุมกำชับให้ตำรวจผู้ปฏิบัติมีความอดทน และวอนผู้ชุมนุมอย่าบุกรุกเข้าไปในบ้านประธานองคมนตรีอย่างเด็ดขาด และให้ชุมนุมด้วยความสงบ และตำรวจจะดูแลความเรียบร้อยให้ดีที่สุด

ส่วนกระแสข่าวที่ว่าอาจจะมีการลอบเผาธนาคารหรือสถานที่ราชการนั้น ขณะนี้ได้สั่งการไปยังทุกพื้นที่เฝ้าระวังเหตุ และจัดชุดออกหาข่าว รวมถึงการตั้งด่าน ให้เชื่อมโยงเครือข่ายเป็นใยแมงมุม อย่างน้อยพื้นที่จะ 2 จุด ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งยังไม่พบเหตุผิดปกติ

อ้างแม้วโทร.ให้กำลังใจม็อบ

จากนั้นเวลา 12.35 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่รับผิดชอบรถปราศรัยหน้าบ้านสี่เสาฯ ได้กล่าวกับผู้ชุมนุมบนรถว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โทรศัพท์เข้ามาพูดคุยกับตน และได้แสดงความห่วงใยและขอเป็นกำลังใจให้คนเสื้อแดง ในการต่อสู้ ซึ่งนายณัฐวุฒิได้ขอให้ผู้ชุมนุมส่งเสียงให้พ.ต.ท.ทักษิณได้ยิน

สำหรับการรักษาความปลอดภัยด้านหน้าบ้านสี่เสาฯ ไม่มีกำลังทหาร แต่อย่างใด มีเพียงตำรวจ ประมาณ 250 นาย โดยมีการตั้งแผงเหล็กเป็น แนวยาวตลอดหน้าบ้าน เพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าประชิดกำแพงบ้าน ทั้งนี้แม้จะห้ามผู้ชุมนุมเข้าไปภายในแผงเหล็ก แต่ก็อนุญาตให้ผู้ชมุนมที่เป็นลมกว่า 30-40 คนที่ล้วนเป็นผู้หญิงและคนชรา เข้าไปนั่งพักหลบแดดได้

รายงานข่าวแจ้งว่า จะมีการตั้งเวทีถาวรเพื่อปราศรัยหน้าบ้านพักสี่เสาฯ โดยมีกระแสข่าวว่า จะมีการปักหลักค้างแรมขั้นต่ำเป็นเวลา 3 วันโดยอ้างว่า จะเป็นเวทีหลักที่จะกดดันพล.อ.เปรม และไม่บุกเข้าตัวบ้าน ซึ่งเห็นว่า จะสามารถกดดันได้

เสิ้อแดงบุกประชิดกำแพงบ้านป๋าเปรม

ต่อมาเวลา 13.45 น. แกนนำคนเสื้อแดงก็ได้สลับกันขึ้นเวทีปราศรัยจะโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีฯ ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามแม้ว่าตำรวจจะตรึงกำลังตั้งแผงเหล็กป้องกันไม่ให้ชิดกำแพงบ้าน แต่ทว่ากลุ่มคนเสื้อแดงก็ได้ทยอย ฝ่าแนวตำรวจเข้ามาทีละคนสองคนอย่างตือเนื่อง จนทำให้มีคนเสื้อแดงยืนติดกำแพง ประมาณ 300-400 คน จนกระทั่งเวลา 13.55 น. คนเสื้อแดงสามารถทลาย กำแพงตำรวจ เข้าไปประชิดตัวบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้ชุมนุมบางคนปีนและชะโงกหน้าผ่านรั้วเข้าไปดูภายในบ้าน อย่างไรก็ตามสถานการณ์ทั่วไปยังปกติ ส่วนบนเวทีหน้าบ้านสีเสาฯ แกนนำต่างขึ้นเวทีโจมตี พล.อ.เปรม และนายอภิสิทธิ์ อย่างหนัก

เหิมจี้มาร์ค-3องคมนตรีออกทันที

ต่อมาเวลา 16.50 น.นายวีระ นายจตุพร และนายณัฐวุฒิ พร้อมด้วย นายจักรภพ เพ็ญแข ได้ขึ้นบนเวทีหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่ออ่านแถลงการณ์ข้อเรียกร้อง ของคนเสื้อแดง ว่า 1. พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.สุรยุทธิ์ จุลานนท์ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ต้องต้องลาออกจากองคมนตรี 2.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องลาออกจากนายกรัฐมนตรี ทั้ง 2 ข้อต้องเกิดขึ้นในทันที

3.การบริหารราชการแผ่นดิน การปรับปรุงใดๆ ให้ดีขึ้นตามหลักสากล ต้องมีการปรึกษาหารือกันระหว่างนักประชาธิปไตยผู้มีประวัติและพฤติกรรมเชิดชูระบอบประชาธิปไตยเป็นที่ประจักษ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่าย ผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่ปิดล้อม หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ และเส้นทางโดยรอบส่งผลให้การจราจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก รถโดยสาร ที่มีปลายทางเทเวศร์ ต้องเปลี่ยนเส้นทางการวิ่งใหม่ โดนอ้อมไปเส้นทางสะพานขาวผ่านหน้ามหาวิทยาราชภัฏสวนสุนันทา ซึ่งใช้เวลาเดินทางมากกว่า

2น้องสาวแม้วโผล่ดูแลม็อบ

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน น.ส.ยิงลักษณ์ ชินวัตร นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว นช.ทักษฺณ พร้อม น.ส.ชินชา น.ส.ชยาภา วงศ์สวัสดิ์ ลูกสาวนางเยาวภา ได้เดินทางมาร่วมกับม็อบเสื้อแดงที่ทำเนียบรัฐบาล โดยนายเยาวภา กล่าวว่า ยังไม่ได้ติดต่อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และยังไม่ได้เดินทางไปพบที่ต่างประเทศด้วย ส่วนกรณีนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน ออกมาแถลงข่าวตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ขอแสดงความคิดเห็น

“การชุมนุมเป็นสิทธิและเสรีภาพของประชาชนชาวไทยทุกคนที่อยากให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่ไม่จริง ไม่ได้เดินทางไปไหนตามที่เป็นข่าวและที่เดินทางก็เพื่อให้กำลังบุคคลที่มีอุดมการณ์เดียวกันรักในประชาธิปไตย”

อภิสิทธิ์ปูดมีคนจ้องใช้ความรุนแรง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ซักซ้อมทำความเข้าใจกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และผู้เกี่ยวข้องถึงแนวทางของรัฐบาลในการดูแลผู้ชุมนุมให้ทุกอย่งอยู่ในความสงบ ขอให้ประชาชนทุกคนเป็นหู เป็นตา หากมีอะไรผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ขอให้ผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบ เชื่อว่า ส่วนใหญ่ที่มาต้องการแสดงออกอย่างสงบ ขอให้ระมัดระวัง เพราะมีคนบาง กลุ่มต้องการให้ความรุนแรงเกิดขึ้น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ข่าวความรุนแรง ออกมาจากเหตุการณ์กลุ่มคนเสื้อแดง ปิดล้อมและทุบรถตนแสดงว่า มีคนต้องการให้เกิดความรุนแรง แต่รัฐบาลจะระมัดระวังไม่ให้ใช้ความรุนแรง ถ้าใครทำผิดกฎหมายก็ต้องจับกุม

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากเหตุการณ์หลายอย่างตั้งแต่มีการปิดล้อมทำร้ายนายกรัฐมนตรี และมีการจับกุมผู้ที่วางแผนลอบสังหารองคมนตรี จะเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ ประกาศแตกหักของกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าคิดว่าไม่ใช่เหตุบังเอิญ รัฐบาลไม่ประมาท มีการซักซ้อมความเข้าใจอยู่ตลอดเวลา ขอให้ความมั่นใจเรื่อง ความเป็นเอกภาพของทุกหน่วยงานในการดูแลความเรียบร้อย

“เหตุการณ์ที่พัทยา ต้องทบทวนว่าจริงๆแล้ว สถานการณ์อย่างนั้นไม่ควรจะเกิดขึ้น สำหรับผมไม่เป็นไร ที่ห่วง คือประชาชน ไม่อยากให้ประชาชนกับเจ้าหน้าที่มีปัญหากัน”

ลั่นไม่ยุบสภา-ลาออกจากการกดดัน

ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มเสื้อแดงขีดเส้นตาย 24 ชั่วโมงให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจตามข้อเรียกร้องในแถลงการณ์ นายอภิสิทธิ์ ย้อนถามว่า “ใครตอบ แล้ว 24 ชั่วโมงเขาตอบผมได้หรือไม่ว่า นักประชาธิปไตยของเขาคือใคร”

“เขาไม่มีสิทธิ ๆ ทำผิดกฎหมาย ถ้าคุณบอกว่าจะใช้ความรุนแรง คุณไม่ใช่ประชาธิปไตย ถ้าคุณเรียกร้องประชาธิปไตย คุณต้องใช้หลักประชาธิปไตย รัฐบาลจะไม่ยุบสภา เพราะมีคนมาทำผิดกฎหมาย รัฐบาลจะยุบสภาก็ต่อเมื่อเป็นทางออก ที่เหมาะสมสำหรับบ้านเมือง ถ้าใช้ความรุนแรง จะไม่ยุบสภา แต่จะจัดการกับความรุนแรง แต่ถ้าเรียกร้องประชาธิปไตย แล้วมาปรึกษาหารือ พูดคุย ทำความเข้าใจในกระบวนการปฏิรูปการเมืองเหมือนกัน อย่างนี้เป็นไปได้ แต่ถ้าจะมาใช้ความรุนแรงข่มขู่ให้รัฐบาลยุบสภา ไม่ทำ รัฐบาลจะไม่ยอมให้คนทำผิดกฎหมาย”

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะจัดการกับตำรวจหรือไม่หากตรวจสอบพบว่าไปสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มผู้ชุมนุม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แน่นอน หากตำรวจไม่ปฏิบัติหน้าที่รักษากฎหมาย ก็เท่ากับตำรวจทำผิดกฎหมาย ตำรวจไม่มีสิทธิอยู่เหนือกฎหมาย เมื่อถามว่า บุคคลสำคัญมีความจำเป็นต้องวางมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีแน่นอน เมื่อวันจันทร์ที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา มีการประชุมพูดคุยกัน ส่วนข่าวต่างๆ เบาะแสต่างๆที่ได้รับ มีการตอบสนองดูแลอยู่

ต่อข้อถามว่า ช่วง 3 วันนี้ถือเป็นช่วง 3 วันอันตรายกรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถือว่ามีความเสี่ยงในการชุมนุมในคนหมู่มาก แต่ถือว่าเป็นสิทธิที่ทำได้ ซึ่งจะดูแลไม่ให้มีอะไรที่รุกลามออกไป

ไม่นั่งรถกันกระสุนมั่นใจปลอดภัย

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการลอบทำร้ายนายกฯทำไมถึงไม่เปลี่ยนไปใช้รถยนต์กันกระสุน นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ ตนยังเชื่อว่าตนยังปลอดภัยอยู่ ส่วนข่าวที่เกิดขึ้น ไม่มีผลต่อผู้นำในการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ซึ่งตนได้สอบถามกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีนั้น ซึ่งทาง ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ(ศรภ.) ได้คุ้มกันนายกรัฐมนตรีกันตามปกติ มีจำนวนเจ้าหน้าที่แบ่งชุดกันเหมือนเช่นเดิม คือ ทีมล่วงหน้า และทีมติดตามนายกฯ ทีมละ 15 คน

ส่วนการวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอารักขานั้น เป็นไปด้วยความเข้มงวด ตลอดเส้นทางที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไป ซึ่งมีการประสานงานผ่านวิทยุสื่อสารกันเป็นระยะ

เทพเทือกประเมินม็อบ5หมื่นคน

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่าตนประเมินว่ากลุ่มคนเสื้อแดงมีประมาณ 5 หมื่นคน ซึ่งหวังว่าทุกอย่างจะสงบเรียบร้อย เมื่อเช้าตนได้เดินทางไปตรวจสอบความเรียบร้อยที่บริเวณหน้าบ้านสี่เสาร์เทเวศร์ แต่ไมได้เข้าไปในบริเวณบ้าน ซึ่งเราได้ไปทำหน้าที่เพื่อปกป้องคนดี ยอมรับว่ามีความกังวลใจเพราะกลัวว่าจะมีมวลชนมาสนับสนุนและให้กำลังใจองคมนตรี และมาเจอกับกลุ่มเสื้อแดง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 เม.ย. โดยได้พูดจา ขอร้อง ซึ่งก็ยอมร่วมมือ ตนก็เลยสบายใจ

ตร.แฉมือที่3จ้องสร้างสถานการณ์

ต่อมาเวลา 16.00 น. พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น. เดินทางเข้าพบ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อรายงานสถานการณ์ม็อบเสื้อแดง โดยใช้เวลา 1 ชม. หลังการเข้าพบ พล.ต.ต.จักรทิพย์ กล่าวว่า นายกฯไม่ได้สั่งอะไรเป็นพิเศษ แต่ตำรวจก็ต้องระวัง เพราะมีรายงานว่าอาจจะมีมือที่ 3 เข้ามาก่อความวุ่นวายโดยการใช้ระเบิดเพลิงขว้างปาใส่สถานที่สำคัญรวมทั้งสถาบันการเงิน หรือมีการนำรถไปกีดขวางการจราจรเพื่อให้การจราจรในกรุงเทพฯเป็นอัมพาตทั้งเมือง ซึ่งพล.ต.ต.ภานุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.ที่รับผิดชอบงานจราจรได้สั่งการให้ทุกสน.เตรียมรถยกเอาไว้รับสถานการณ์แล้ว

“มือที่สามมีจำนวนมากพอสมควร อยู่รอบนอกม็อบเสื้อแดง และการปฏิบัติการมีรูปแบบที่น่าห่วง พร้อมวางระเบิดเพลิงเผาสร้างสถานการณ์ตามจุดต่าง ๆ รวมทั้งสถาบันการเงิน ซึ่งทางผู้การภานุได้สั่งให้เฝ้าระวังทุกจุด ยืนยันว่าเรามีเจ้าหน้าที่ อย่างเพียงพอ”

หน่วยข่าวจับตาเสื้อแดงเผา-บึ้ม

นายชำนิ ศักดิเศรษฐ ประธานวอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้สรุปสถานการณ์การชุมนุมให้นายกรัฐมนตรี ว่าเป็นที่น่าสังเกตุว่าคนในตระกูลชินวัตร ได้เดินทางออกนอกประเทศทั้งหมด ซึ่งในทางการข่าวประเมินว่าการพูดบนเวที หรือให้ข่าวว่าแกนนำและเครือข่ายไม่ปลอดภัยจากการข่มขู่จากรัฐ แต่ในทางกลับกันถ้ากลุ่มคนเสื้อแดงจะดำเนินการใดๆ ต้องให้ตัวเองปลอดภัยก่อน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่หน่วยงานด้านความมั่นคงหลายฝ่ายแจ้งตรงกันว่าอาจจะมีการสร้างสถานการณ์ด้วยการเผา วางระเบิด หรือก่อความรุนแรงใดๆ ขึ้น ในช่วงคืนวันที่ที่ 8 เม.ย. เพราะตลอดทั้งวันไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเลย

แม้ววีดีโอลิงค์ปลุกม็อบให้มาเพิ่มขึ้น

ต่อมาเวลา 20.30 น. นช.ทักษิณ ชินวัตร ได้วิดิโอลิงค์ มายังม็อบเสื้อแดง โดยปลุกระดมกลุ่มคนเสื้องแดงไม่ให้กลับบ้านมือเปล่า ให้เอาประชาธิปไตย ตามแนวคิดของกลุ่มคนเสื้อแดงไปให้ได้ พร้อมอ้างว่าอยากเห็นสังคมมาตรฐานเดียวไม่ใช่ 2 มาตรฐาน

นักโทษชายที่หนีคดี อ้างว่า พวกเราเป็นคนรุ่นใหม่ต้องการประชาธิปไตย ที่แท้จริง อำมาตยาธิปไตยที่เราไม่ต้องการเพราะพวกนี้บิดเบือนความจริง แทรกแซง สร้าง 2 มาตรฐาน ข่มขู่ผู้ทำมาหากิน มันหมดยุคนั้นไปแล้ว
นช.ทักษิณ เรียกร้องให้กลุ่มคนเสื้อแดงอดทนชุมนุมอีก 3 วัน บอกพรรคพวกให้มาเติมกำลังให้คนเสื้อแดง บอกลูกหลานที่เรียนหนังสือ ให้มาชุมนุมเพราะมีสาระ หยุดเดินศูนย์การค้าให้มาที่นี่

“ผมไม่แคร์ผมจะได้กลับบ้านหรือไม่มันเรื่องเล็ก แต่ประเทศไทยไม่มีประชาธิปไตยที่แท้จริงเรื่องใหญ่กว่า และผมก็ยอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ ผมเต็มใจและพอใจที่เป็นเหยื่อคนสุดท้ายของอำมาตยธิปไตย ขอมีโอกาสสุดท้าย เรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง นั่นคือการเมืองของประชาชนเพื่อประชาชนโดยประชาชน เราสีแดงสู้วันนี้เป็นสีธงไตรรงค์ เราไม่ได้สู้เพื่อตัวเองหรือเพื่อทักษิณ”

บิ๊กทหารรับห่วงขนระเบิดจากเขมรป่วน

พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรแสข่าวมีการนำระเบิดจากกัมพูชาเตรียมเข้ามาก่อเหตุกับธนาคารพาณิชย์และสาธารณูปโภคของรัฐว่า ไม่ได้พูดคุยกันในรายะเอียดว่าใครนำเข้ามาและจะดำเนินการอย่างไร แต่พูดคุยเรื่องทั่วไปว่า ถึงเวลาแล้วเราจะทำอะไรได้แค่ไหนอย่างไร เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดำเนินการ และสั่งการลงมา คิดว่าคงไม่มีเหตุการณ์รุนแรง นายกรัฐมนตรีพูดแล้วว่าจะพยายาม ไม่ให้เกิดปัญหาหรือความรุนแรงขึ้น สิ่งนี้กองทัพก็ไม่อยากเห็นและไม่อยากให้เกิด ทั้งนี้ หากมีเหตุรุนแรงหรือกระทบกระทั่ง เรามีแผนรองรับอยู่แล้วว่าขั้นตอนที่ 1 ,2 หรือ 3 ทำอย่างไร ซึ่งทหารเตรียมเข้าไปเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ซึ่งตำรวจเป็นเจ้าหน้าที่หลักดูแล

เตือนม็อบเกิดเหตุรุนแรงแกนนำรอด

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองบทบาทนายเนวิน ชิดชอบที่ออกมาระบุให้ นช. ทักษิณ เลิกทำใน 2 เรื่องอย่างไร พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า นายเนวิน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนร่วม และประเทศชาติเป็นหลัก สิ่งที่นายเนวินพูดส่วนหนึ่งที่มองเป็นเรื่องจริง คือ การที่มีผู้ชุมนุมทุกครั้ง แกนนำไม่เคยได้รับบาดเจ็บหรือไม่เคยโดนอะไรเลย ไม่ว่า จากการปฏิบัติการของฝ่ายใด แต่ประชาชนรากหญ้าที่มาชุมนุมกับไดรับผลกระทบมากที่สุด

พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดว่าต้องแตกหักให้ได้ ตนไม่เห็นประโยชน์ใดที่จะเกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ความย่อยยับของประเทศชาติ ถามว่าเราได้อะไรจากเรื่องนี้ ขณะนี้กัมพูชาเขาก็นั่งมองอยู่ ตนเชื่อว่าเขากำลังหัวเราะด้วยซ้ำว่าบ้านเมืองเราเป็นอย่างนี้เมื่อไหร่จะไปสู้เขาได้
กำลังโหลดความคิดเห็น