ศูนย์ข่าวภูเก็ต -บีโอไอสรุปลงทุนใต้ตอบบนไตรมาสแรกปีนี้แค่ 14 โครงการ เงินลงทุน 2 พันกว่าล้านบาทเท่านั้น คาดปีนี้ทั้งปีไม่เกิน 45 โครงการ เงินลงทุนลดจากปีที่แล้วอย่างแน่นอน จากพิษเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและการเมืองภายในประเทศที่ยังยุ่งเหยิง ทำนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติชะลอลงทุนใหม่ มีแต่ขยายกิจการเพิ่มที่ใช้เงินลงทุนไม่สูงมากนัก
นางวนิดา ใหม่กิจเหมา ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนเขต 6 (บีโอไอ)เปิดเผยถึงภาวการณ์ลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนในปี 2552 ว่า จากปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปัญหาการเมืองภายในประเทศของเราเองที่ยังไม่นิ่ง ทำให้มีผลกระทบต่อการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนเช่นกันโดยเฉพาะผลต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนโครงการใหม่ๆที่เกี่ยวเนื่องกับผลผลิตทางการเกษตรที่จะส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศนั้นได้รับผลกระทบในระดับหนึ่ง เนื่องจากนักลงทุนไม่กล้าตัดสินใจลงทุนในขณะนี้ เช่น การลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับยางพารา และผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆที่ได้รับผลกระทบด้านการส่งออก เป็นต้น
จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้คาดการณ์ว่าการลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนตลอดทั้งปี 2552 น่าที่จะชะลอตัวลงบ้าง โดยประมาณการว่าตลอดทั้งปีน่าที่จะมีโครงการที่ได้รับการสนับสนุนการลงทุนประมาณ 45 โครงการ จากปีที่แล้วที่สนับสนุนไปทั้งสิ้น 47 โครงการ ซึ่งจำนวนโครงการคิดว่าใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แต่ในส่วนของเงินลงทุนน่าที่จะลดลงบ้าง เพราะการขอส่งเสริมที่เกิดขึ้นเป็นการขยายการลงทุนมากกว่าการลงทุนใหม่ๆและโครงการที่ลงทุนก็เป็นโครงการที่ไม่ใหญ่มากนัก
อย่างไรก็ตาม จากศักยภาพของพื้นที่ภาคใต้ตอนบนที่มีสูงทั้งด้านการท่องเที่ยว และด้านอื่นๆ ทำให้ยังมีการเคลื่อนไหวของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนอยู่ตลอด แม้ว่าจะไม่คึกคักเหมือนช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตสูงๆ และการเมืองสงบ ทำให้การยื่นขอส่งเสริมการลงทุนเข้ามา ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่ขยายการลงทุนจากการลงทุนเดิมที่อยู่แล้วมากกว่าการลงทุนใหม่ๆ
สังเกตได้จากการสนับสนุนการลงทุนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 ตั้งแต่เดือนมกราคม- 31 มีนาคม 2552 นี้ มีโครงการที่ได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนไปทั้งสิ้น 14 โครงการ เงินลงทุน 2,163 ล้านบาท เป็นการขยายการลงทุนเพิ่มมากกว่าการลงทุนใหม่ และการลงทุนที่เกี่ยวกับผลผลิตทางการเกษตรที่จะต้องส่งออกไปต่างประเทศมีน้อย
พื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด คือ จังหวัดภูเก็ต มีจำนวน 4 โครงการ เงินลงทุนกว่า 900 ล้านบาท มีทั้งโรงแรมที่บริเวณอ่าวมะขาม โครงการนี้เป็นการลงทุนใหม่ ประมาณ 800 ล้านบาท การลงทุนด้านการสนับสนุนการค้าและการลงทุน การขยายการลงทุนเพิ่มของบริษัท ราดิฯ ที่ผลิตอุปกรณ์ห้ามเลือด เป็นต้น
รองลงมาเป็นจังหวัดกระบี่ 3 โครงการ ที่มีการลงทุนเกี่ยวกับการผลิตกระแสไฟฟ้าจากน้ำเสียของโรงงานปาล์ม การผลิตน้ำมันปาล์มดิบ
นอกจากนี้ ยังมีโครงการลงทุนท่าเทียบเรือขนส่งสินค้า ที่จังหวัดชุมพรอีก 300 กว่าล้านบาท เพื่อที่จะเชื่อมโยงกับท่าเรือขนถ่ายสินค้าที่จังหวัดระนอง การผลิตเนื้อปูบรรจุกระป๋องที่อำเภอสิชล จ.นครศรีธรรมราช การลงทุนผลิตไม้อัดที่จังหวัดระนอง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ที่นักลงทุนได้ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนที่เป็นการลงทุนใหม่และเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาเของบีโอไอเป็นการลงทุนเกี่ยวกับการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลม ที่อ.หัวไทรจ.นครศรีธรรมราช มีกำลังการผลิตปีละ 30 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 2,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้บีโอไออนุมัติอย่างแน่นอน เพราะเป็นโครงการที่มีประโยชน์มากในการนำพลังงานลมมาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าขายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
นางวนิดา ใหม่กิจเหมา ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนเขต 6 (บีโอไอ)เปิดเผยถึงภาวการณ์ลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนในปี 2552 ว่า จากปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปัญหาการเมืองภายในประเทศของเราเองที่ยังไม่นิ่ง ทำให้มีผลกระทบต่อการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนเช่นกันโดยเฉพาะผลต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนโครงการใหม่ๆที่เกี่ยวเนื่องกับผลผลิตทางการเกษตรที่จะส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศนั้นได้รับผลกระทบในระดับหนึ่ง เนื่องจากนักลงทุนไม่กล้าตัดสินใจลงทุนในขณะนี้ เช่น การลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับยางพารา และผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆที่ได้รับผลกระทบด้านการส่งออก เป็นต้น
จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้คาดการณ์ว่าการลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนตลอดทั้งปี 2552 น่าที่จะชะลอตัวลงบ้าง โดยประมาณการว่าตลอดทั้งปีน่าที่จะมีโครงการที่ได้รับการสนับสนุนการลงทุนประมาณ 45 โครงการ จากปีที่แล้วที่สนับสนุนไปทั้งสิ้น 47 โครงการ ซึ่งจำนวนโครงการคิดว่าใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แต่ในส่วนของเงินลงทุนน่าที่จะลดลงบ้าง เพราะการขอส่งเสริมที่เกิดขึ้นเป็นการขยายการลงทุนมากกว่าการลงทุนใหม่ๆและโครงการที่ลงทุนก็เป็นโครงการที่ไม่ใหญ่มากนัก
อย่างไรก็ตาม จากศักยภาพของพื้นที่ภาคใต้ตอนบนที่มีสูงทั้งด้านการท่องเที่ยว และด้านอื่นๆ ทำให้ยังมีการเคลื่อนไหวของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนอยู่ตลอด แม้ว่าจะไม่คึกคักเหมือนช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตสูงๆ และการเมืองสงบ ทำให้การยื่นขอส่งเสริมการลงทุนเข้ามา ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่ขยายการลงทุนจากการลงทุนเดิมที่อยู่แล้วมากกว่าการลงทุนใหม่ๆ
สังเกตได้จากการสนับสนุนการลงทุนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 ตั้งแต่เดือนมกราคม- 31 มีนาคม 2552 นี้ มีโครงการที่ได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนไปทั้งสิ้น 14 โครงการ เงินลงทุน 2,163 ล้านบาท เป็นการขยายการลงทุนเพิ่มมากกว่าการลงทุนใหม่ และการลงทุนที่เกี่ยวกับผลผลิตทางการเกษตรที่จะต้องส่งออกไปต่างประเทศมีน้อย
พื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด คือ จังหวัดภูเก็ต มีจำนวน 4 โครงการ เงินลงทุนกว่า 900 ล้านบาท มีทั้งโรงแรมที่บริเวณอ่าวมะขาม โครงการนี้เป็นการลงทุนใหม่ ประมาณ 800 ล้านบาท การลงทุนด้านการสนับสนุนการค้าและการลงทุน การขยายการลงทุนเพิ่มของบริษัท ราดิฯ ที่ผลิตอุปกรณ์ห้ามเลือด เป็นต้น
รองลงมาเป็นจังหวัดกระบี่ 3 โครงการ ที่มีการลงทุนเกี่ยวกับการผลิตกระแสไฟฟ้าจากน้ำเสียของโรงงานปาล์ม การผลิตน้ำมันปาล์มดิบ
นอกจากนี้ ยังมีโครงการลงทุนท่าเทียบเรือขนส่งสินค้า ที่จังหวัดชุมพรอีก 300 กว่าล้านบาท เพื่อที่จะเชื่อมโยงกับท่าเรือขนถ่ายสินค้าที่จังหวัดระนอง การผลิตเนื้อปูบรรจุกระป๋องที่อำเภอสิชล จ.นครศรีธรรมราช การลงทุนผลิตไม้อัดที่จังหวัดระนอง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ที่นักลงทุนได้ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนที่เป็นการลงทุนใหม่และเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาเของบีโอไอเป็นการลงทุนเกี่ยวกับการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลม ที่อ.หัวไทรจ.นครศรีธรรมราช มีกำลังการผลิตปีละ 30 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 2,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้บีโอไออนุมัติอย่างแน่นอน เพราะเป็นโครงการที่มีประโยชน์มากในการนำพลังงานลมมาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าขายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย