เอเอฟพี - เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายระลอกที่เมืองลากวีลา ทางตอนกลางของอิตาลีเมื่อวานนี้ (7) หลังแผ่นดินไหวรุนแรงในวันก่อนหน้า ขณะเดียวกันหน่วยกู้ภัยเร่งทำงานแข่งกับเวลาตลอดทั้งวัน เพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุธรณีพิบัติครั้งนี้ โดยตัวเลขเวลานี้ระบุมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 179 ราย และไร้ที่อยู่อาศัยอีกหลายหมื่น
เจ้าหน้าที่จากสถาบันธรณีวิทยาแห่งอิตาลีบอกกับเอเอฟพีว่า เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาหลายระลอก โดยครั้งที่แรงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 16.30 น.เวลาเมืองไทย) วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 4.7 ริกเตอร์
เมื่อวานนี้ กลุ่มนักสำรวจถ้ำมือผู้ชำนาญการ สามารถช่วยเหลือหญิงสาวผู้หนึ่งที่ติดอยู่ในซากปรักหักพัง ภายหลังเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงล่วงเลยมาถึง 23 ชั่วโมง โดยก่อนจะนำตัวเหยื่อสาวออกมาได้ เจ้าหน้าที่ต้องเคลื่อนย้ายแผ่นคอนกรีตขนาดใหญ่หลายแผ่นที่ทับถมร่างของหญิงวัย 24 ปี คนดังกล่าว ออกไปอย่างทุลักทุเล
ในที่สุดเมื่อถึงเวลา 02.00 น. ของเช้าวานนี้ (7) เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือมาร์ทา วาเลนเต เอาไว้ได้อย่างปลอดภัย นับเป็นข่าวดีแทบไม่กี่ชิ้นที่ปรากฏออกมา ขณะที่ความหวังว่าช่วยชีวิตผู้สูญหายอีกหลายสิบคนเริ่มเลือนรางอย่างรวดเร็ว
ผู้ประสบภัยจำนวนมากเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม ซึ่งตั้งขึ้นภายในเมืองดังกล่าว โดยมีตัวเลขระบุว่ามีผู้บาดเจ็บราว 1,500 คนจากเหตุแผ่นดินไหวในครั้งนี้ ซึ่งสร้างความเสียอย่างหนักให้กับเมืองลากวีลาและหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง
กลุ่มอาสาสมัครร่วมทีมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัย ซึ่งพยายามใช้สุนัขดมกลิ่นค้นหาเหยื่อที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ต่างทำงานอย่างหนักตลอดทั้งคืนและใช้เครื่องมือขุดเจาะไฟฟ้า โดยมีแสงสว่างจากสปอร์ตไลท์ขนาดใหญ่ เพื่อยกซากปรักหักพังแผ่นหนักที่สุดออกไป
นายกรัฐมนตรีซิลวิโอ แบร์ลุสโคนีแห่งอิตาลีประกาศภาวะฉุกเฉินและระงับการเดินทางเยือนรัสเซียเพื่อไปตรวจเยี่ยมพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่ในยุคกลาง และอยู่ห่างจากกรุงโรมไปทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือราว 100 กิโลเมตร
ขณะเดียวกันยังมีประชาชนอีก 17,000 คน ต้องสูญเสียที่พักอาศัย หน่วยกู้ภัยบอกวานนี้ (7) โดยทางการได้ตั้งหมู่บ้านเต็นท์เพื่อรองรับผู้ประสบภัยจำนวนสูงสุดระหว่าง 16,000 - 20,000 คน
โรแบร์ต มาโรนี รัฐมนตรีมหาดไทยอิตาลีประกาศตั้งกองทุนฉุกเฉินมูลค่า 130 ล้านยูโรสำหรับภารกิจกู้ภัย
"เราจะหาทรัพยากรทุกอย่าง ที่จำเป็นสำหรับเหตุฉุกเฉินระดับชาติในครั้งนี้" มาโรนีกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น
อย่างไรก็ตาม แรงกริ้วโกรธทางการกำลังคุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ โดยชาวบ้านบอกว่า สัญญาณเตือนภัยต่าง ๆ ไม่มีให้เห็นเลยในช่วงสัปดาห์หลัง ๆ มานี้
"สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องน่าอัปยศ" มาเรีย ฟรานเสซโก ชาวบ้านลากวีลากล่าว "เมื่อ 3 เดือนก่อน เกิดแรงสั่นสะเทือนมาตลอด และรุนแรงขึ้นรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ"
ผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ มี 39 รายอาศัยอยู่ที่เมืองออนนาซึ่งอยู่ใกล้เคียงลากวีนา โดยมีประชากรทั้งสิ้น 250 คน สำนักข่าวเอเอ็นเอสเอรายงาน
"สามีของฉันช่วยเจ้าหน้าที่กู้ภัย โดยเขาต้องใช้มือเปล่าดึงร่างผู้เสียชีวิตออกมาด้วย มันเป็นฝันร้ายมาก ๆ" ซิลวานา ชาวเมืองออนนาบอก พร้อมกับชี้ไปที่กองอิฐและปูน ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของโรงเรียนในหมู่บ้าน
ผู้ประสบภัยหลายสิบคนต้องพยายามข่มตานอนภายในรถยนต์ ทั้ง ๆ ที่อุณหภูมิลงมาใกล้กับจุดเยือกแข็ง
ขณะที่บ้านเรือนและกิจการร้านค้าต่าง ๆ จะถูกปล่อยทิ้งร้าง ก็มีรายงานการปล้นสะดม
รมต.มหาดไทยกล่าวว่า ตำรวจ 200 คน ถูกมอบหมายให้ลาดตระเวนเพื่อป้องกันการปล้นสะดม "โชคไม่ดี ที่เมื่อวานนี้ (6) เกิดเหตุลักขโมยอยู่บ้าง แต่วันนี้เราจะเพิ่มกำลังเพื่อป้องกันภัย"
สำหรับศูนย์กลางแผ่นดินไหวคราวนี้ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้าวันจันทร์ (6) อยู่ใต้เมืองลากวีลา โดยมีรายงานว่า เกิดความเสียหายกระจายไปทุกทิศทางเป็นระยะ 30 กิโลเมตร
เจ้าหน้าที่จากสถาบันธรณีวิทยาแห่งอิตาลีบอกกับเอเอฟพีว่า เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาหลายระลอก โดยครั้งที่แรงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 16.30 น.เวลาเมืองไทย) วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 4.7 ริกเตอร์
เมื่อวานนี้ กลุ่มนักสำรวจถ้ำมือผู้ชำนาญการ สามารถช่วยเหลือหญิงสาวผู้หนึ่งที่ติดอยู่ในซากปรักหักพัง ภายหลังเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงล่วงเลยมาถึง 23 ชั่วโมง โดยก่อนจะนำตัวเหยื่อสาวออกมาได้ เจ้าหน้าที่ต้องเคลื่อนย้ายแผ่นคอนกรีตขนาดใหญ่หลายแผ่นที่ทับถมร่างของหญิงวัย 24 ปี คนดังกล่าว ออกไปอย่างทุลักทุเล
ในที่สุดเมื่อถึงเวลา 02.00 น. ของเช้าวานนี้ (7) เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือมาร์ทา วาเลนเต เอาไว้ได้อย่างปลอดภัย นับเป็นข่าวดีแทบไม่กี่ชิ้นที่ปรากฏออกมา ขณะที่ความหวังว่าช่วยชีวิตผู้สูญหายอีกหลายสิบคนเริ่มเลือนรางอย่างรวดเร็ว
ผู้ประสบภัยจำนวนมากเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม ซึ่งตั้งขึ้นภายในเมืองดังกล่าว โดยมีตัวเลขระบุว่ามีผู้บาดเจ็บราว 1,500 คนจากเหตุแผ่นดินไหวในครั้งนี้ ซึ่งสร้างความเสียอย่างหนักให้กับเมืองลากวีลาและหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง
กลุ่มอาสาสมัครร่วมทีมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัย ซึ่งพยายามใช้สุนัขดมกลิ่นค้นหาเหยื่อที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ต่างทำงานอย่างหนักตลอดทั้งคืนและใช้เครื่องมือขุดเจาะไฟฟ้า โดยมีแสงสว่างจากสปอร์ตไลท์ขนาดใหญ่ เพื่อยกซากปรักหักพังแผ่นหนักที่สุดออกไป
นายกรัฐมนตรีซิลวิโอ แบร์ลุสโคนีแห่งอิตาลีประกาศภาวะฉุกเฉินและระงับการเดินทางเยือนรัสเซียเพื่อไปตรวจเยี่ยมพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่ในยุคกลาง และอยู่ห่างจากกรุงโรมไปทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือราว 100 กิโลเมตร
ขณะเดียวกันยังมีประชาชนอีก 17,000 คน ต้องสูญเสียที่พักอาศัย หน่วยกู้ภัยบอกวานนี้ (7) โดยทางการได้ตั้งหมู่บ้านเต็นท์เพื่อรองรับผู้ประสบภัยจำนวนสูงสุดระหว่าง 16,000 - 20,000 คน
โรแบร์ต มาโรนี รัฐมนตรีมหาดไทยอิตาลีประกาศตั้งกองทุนฉุกเฉินมูลค่า 130 ล้านยูโรสำหรับภารกิจกู้ภัย
"เราจะหาทรัพยากรทุกอย่าง ที่จำเป็นสำหรับเหตุฉุกเฉินระดับชาติในครั้งนี้" มาโรนีกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น
อย่างไรก็ตาม แรงกริ้วโกรธทางการกำลังคุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ โดยชาวบ้านบอกว่า สัญญาณเตือนภัยต่าง ๆ ไม่มีให้เห็นเลยในช่วงสัปดาห์หลัง ๆ มานี้
"สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องน่าอัปยศ" มาเรีย ฟรานเสซโก ชาวบ้านลากวีลากล่าว "เมื่อ 3 เดือนก่อน เกิดแรงสั่นสะเทือนมาตลอด และรุนแรงขึ้นรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ"
ผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ มี 39 รายอาศัยอยู่ที่เมืองออนนาซึ่งอยู่ใกล้เคียงลากวีนา โดยมีประชากรทั้งสิ้น 250 คน สำนักข่าวเอเอ็นเอสเอรายงาน
"สามีของฉันช่วยเจ้าหน้าที่กู้ภัย โดยเขาต้องใช้มือเปล่าดึงร่างผู้เสียชีวิตออกมาด้วย มันเป็นฝันร้ายมาก ๆ" ซิลวานา ชาวเมืองออนนาบอก พร้อมกับชี้ไปที่กองอิฐและปูน ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของโรงเรียนในหมู่บ้าน
ผู้ประสบภัยหลายสิบคนต้องพยายามข่มตานอนภายในรถยนต์ ทั้ง ๆ ที่อุณหภูมิลงมาใกล้กับจุดเยือกแข็ง
ขณะที่บ้านเรือนและกิจการร้านค้าต่าง ๆ จะถูกปล่อยทิ้งร้าง ก็มีรายงานการปล้นสะดม
รมต.มหาดไทยกล่าวว่า ตำรวจ 200 คน ถูกมอบหมายให้ลาดตระเวนเพื่อป้องกันการปล้นสะดม "โชคไม่ดี ที่เมื่อวานนี้ (6) เกิดเหตุลักขโมยอยู่บ้าง แต่วันนี้เราจะเพิ่มกำลังเพื่อป้องกันภัย"
สำหรับศูนย์กลางแผ่นดินไหวคราวนี้ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้าวันจันทร์ (6) อยู่ใต้เมืองลากวีลา โดยมีรายงานว่า เกิดความเสียหายกระจายไปทุกทิศทางเป็นระยะ 30 กิโลเมตร