เอเอฟพี – เกิดเหตุแผ่นดินไหวความรุนแรงระดับ 6.3 ริกเตอร์ ที่เมืองลากวีลา ในแคว้นอาบรุซโซ บริเวณตอนกลางของอิตาลีในตอนเช้ามืดวานนี้ (6) ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 92 คน บ้านพักนับหมื่นหลัง นายกรัฐมนตรีซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี ต้องประกาศภาวะฉุกเฉินและระงับการเดินทางเยือนรัสเซียเพื่อไปตรวจเยี่ยมพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่ในยุคกลาง และอยู่ห่างจากกรุงโรมไปทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือราว 100 กิโลเมตร
สถาบันธรณีฟิสิกส์แห่งอิตาลีวัดระดับความรุนแรงได้ 5.8 ริกเตอร์ ทว่าสำนักงานสำรวจทางภูมิศาสตร์ของสหรัฐฯ ระบุว่าความรุนแรงอยู่ที่ระดับ 6.3 ริกเตอร์ สำหรับศูนย์กลางแผ่นดินไหวคราวนี้นั้น อยู่ตรงนอกเมืองลากวีลา และความเสียหายกระจายไปทุกทิศทางเป็นระยะ 30 กิโลเมตร
หลังเกิดเหตุเสียงไซเรนดังขึ้นทั่วเมืองลากวีลา ในขณะที่ทีมงานกู้ชีพพร้อมด้วยสุนัขได้เร่งออกหาผู้ที่ติดอยู่ตามซากปักหักพังต่างๆ ประชาชนหลายพันคนในเมืองที่มีประชากรราว 60,000 คนต่างวิ่งหนีออกมาอยู่บนท้องถนน และหลังจากนั้นยังเกิดแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหว หรืออาฟเตอร์ช็อกอีกกว่าสิบครั้ง
ผู้คนต่างอยู่ในสภาพช็อก บางคนสะอื้นไห้ระหว่างรออยู่นอกโรงพยาบาลของเมืองลากวีลา ส่วนแพทย์ต้องรักษาผู้บาดเจ็บกันตามพื้นที่เปิดโล่ง เนื่องจากมีห้องผ่าตัดที่ยังใช้การได้เพียงห้องเดียวเท่านั้น โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในเมืองนี้ ต้องประกาศเตือนว่าตัวอาคารอาจพังลงมา และมีการส่งตัวผู้บาดเจ็บสาหัสขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปรักษายังเมืองอื่นด้วย
รายงานผู้เสียชีวิตมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยสำนักข่าวของอิตาลีอ้างคำกล่าวของพกวเจ้าหน้ากู้ภัยกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตไป 92 รายแล้ว
ขณะที่รายงานในช่วงก่อนหน้านั้นบอกว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นชาวเมืองลากวีลา นอกนั้นเป็นชาวเมืองและหมู่บ้านโดยรอบ สำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะของอิตาลีคาดว่าคงมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก เพราะมีบ้านเรือนและอาคารอย่างน้อย 10,000 แห่งพังถล่มลงมา หลังคาบ้านเรือนตลอดจนก้อนหินจากบนภูเขาขวางบนถนนหลายสาย
แมทธิว พีค็อก และภรรยากับลูกซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองอุมไบรอันของแคว้นอะมีเลีย ใกล้กับบริเวณที่เกิดแผ่นดินไหว เล่าว่า “ผมรู้สึกเหมือนกับบ้านทั้งหลังถูกเขย่าตั้งแต่หลังคาลงมา เตียงนอนกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างหนักจนได้ยินเสียงดังลั่น”
“ผมรีบวิ่งไปที่ห้องของลูกชายอายุห้าขวบ แล้วดึงตัวเขาไปยืนหลบที่ใต้ประตูทางเข้า แผ่นดินไหวอยู่นานสัก 20 วินาทีหรือมากกว่านั้น ผมว่าผืนดินตอนนั้นเหมือนกับมีเยลลีอยู่ข้างใต้ พวกสุนัขข้างนอกส่งเสียงเห่าดังเอะอะไปหมด”
แบร์รี ราเวน ชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ในมอนเต ซาน มารีโน ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองลากวีลาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 100 กิโลเมตร บอกว่าบ้านของเขาสั่นสะเทือนอยู่ราว 30 วินาที “ตอนที่รู้สึกว่าแผ่นดินไหว คุณจะคิดว่านี่มันเพิ่งเริ่มต้นหรือกำลังจะหยุดกันแน่?”
เจ้าหน้าที่สำนักงานความปลอดภัยสาธารณะระบุว่าศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากลากวีลาไปทางใต้ราว 5 กิโลเมตร และอยู่ใต้พื้นผิวดินลงไปเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น โดยแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นยังรู้สึกได้ไกลถึงกรุงโรมด้วย
ประชาชนราว 15,000 คนได้รับความเดือดร้อนจากการขาดไฟฟ้าใช้และทางหลวงบางส่วนที่เชื่อมโยงระหว่างลากวีลากับโรมก็ถูกปิดด้วย
ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุครั้งนี้ราว 5 ชั่วโมงได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.6 ริกเตอร์ในแถบราเวนนาในเขตเอมิเลีย-โรมันญา ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน และรู้สึกได้ในพื้นที่บริเวณกว้าง
พื้นที่ของอิตาลีตั้งอยู่ตรงจุดตัดของแนวรอยเลื่อนสองแนว จึงเป็นบริเวณที่เสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป และมีประชาชนราว 20 ล้านคนตกอยู่ในภาวะเสี่ยง เหตุแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดเกิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 1980 ในเขตอีร์ปิโอนาทางตอนใต้ใกล้กับเมืองเนเปิล มีผู้เสียชีวิต 2,571 ราย บาดเจ็บ 8,850 ราย และอีกสามหมื่นไร้ที่อยู่อาศัย
สถาบันธรณีฟิสิกส์แห่งอิตาลีวัดระดับความรุนแรงได้ 5.8 ริกเตอร์ ทว่าสำนักงานสำรวจทางภูมิศาสตร์ของสหรัฐฯ ระบุว่าความรุนแรงอยู่ที่ระดับ 6.3 ริกเตอร์ สำหรับศูนย์กลางแผ่นดินไหวคราวนี้นั้น อยู่ตรงนอกเมืองลากวีลา และความเสียหายกระจายไปทุกทิศทางเป็นระยะ 30 กิโลเมตร
หลังเกิดเหตุเสียงไซเรนดังขึ้นทั่วเมืองลากวีลา ในขณะที่ทีมงานกู้ชีพพร้อมด้วยสุนัขได้เร่งออกหาผู้ที่ติดอยู่ตามซากปักหักพังต่างๆ ประชาชนหลายพันคนในเมืองที่มีประชากรราว 60,000 คนต่างวิ่งหนีออกมาอยู่บนท้องถนน และหลังจากนั้นยังเกิดแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหว หรืออาฟเตอร์ช็อกอีกกว่าสิบครั้ง
ผู้คนต่างอยู่ในสภาพช็อก บางคนสะอื้นไห้ระหว่างรออยู่นอกโรงพยาบาลของเมืองลากวีลา ส่วนแพทย์ต้องรักษาผู้บาดเจ็บกันตามพื้นที่เปิดโล่ง เนื่องจากมีห้องผ่าตัดที่ยังใช้การได้เพียงห้องเดียวเท่านั้น โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในเมืองนี้ ต้องประกาศเตือนว่าตัวอาคารอาจพังลงมา และมีการส่งตัวผู้บาดเจ็บสาหัสขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปรักษายังเมืองอื่นด้วย
รายงานผู้เสียชีวิตมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยสำนักข่าวของอิตาลีอ้างคำกล่าวของพกวเจ้าหน้ากู้ภัยกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตไป 92 รายแล้ว
ขณะที่รายงานในช่วงก่อนหน้านั้นบอกว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นชาวเมืองลากวีลา นอกนั้นเป็นชาวเมืองและหมู่บ้านโดยรอบ สำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะของอิตาลีคาดว่าคงมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก เพราะมีบ้านเรือนและอาคารอย่างน้อย 10,000 แห่งพังถล่มลงมา หลังคาบ้านเรือนตลอดจนก้อนหินจากบนภูเขาขวางบนถนนหลายสาย
แมทธิว พีค็อก และภรรยากับลูกซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองอุมไบรอันของแคว้นอะมีเลีย ใกล้กับบริเวณที่เกิดแผ่นดินไหว เล่าว่า “ผมรู้สึกเหมือนกับบ้านทั้งหลังถูกเขย่าตั้งแต่หลังคาลงมา เตียงนอนกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างหนักจนได้ยินเสียงดังลั่น”
“ผมรีบวิ่งไปที่ห้องของลูกชายอายุห้าขวบ แล้วดึงตัวเขาไปยืนหลบที่ใต้ประตูทางเข้า แผ่นดินไหวอยู่นานสัก 20 วินาทีหรือมากกว่านั้น ผมว่าผืนดินตอนนั้นเหมือนกับมีเยลลีอยู่ข้างใต้ พวกสุนัขข้างนอกส่งเสียงเห่าดังเอะอะไปหมด”
แบร์รี ราเวน ชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ในมอนเต ซาน มารีโน ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองลากวีลาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 100 กิโลเมตร บอกว่าบ้านของเขาสั่นสะเทือนอยู่ราว 30 วินาที “ตอนที่รู้สึกว่าแผ่นดินไหว คุณจะคิดว่านี่มันเพิ่งเริ่มต้นหรือกำลังจะหยุดกันแน่?”
เจ้าหน้าที่สำนักงานความปลอดภัยสาธารณะระบุว่าศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากลากวีลาไปทางใต้ราว 5 กิโลเมตร และอยู่ใต้พื้นผิวดินลงไปเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น โดยแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นยังรู้สึกได้ไกลถึงกรุงโรมด้วย
ประชาชนราว 15,000 คนได้รับความเดือดร้อนจากการขาดไฟฟ้าใช้และทางหลวงบางส่วนที่เชื่อมโยงระหว่างลากวีลากับโรมก็ถูกปิดด้วย
ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุครั้งนี้ราว 5 ชั่วโมงได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.6 ริกเตอร์ในแถบราเวนนาในเขตเอมิเลีย-โรมันญา ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน และรู้สึกได้ในพื้นที่บริเวณกว้าง
พื้นที่ของอิตาลีตั้งอยู่ตรงจุดตัดของแนวรอยเลื่อนสองแนว จึงเป็นบริเวณที่เสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป และมีประชาชนราว 20 ล้านคนตกอยู่ในภาวะเสี่ยง เหตุแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดเกิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 1980 ในเขตอีร์ปิโอนาทางตอนใต้ใกล้กับเมืองเนเปิล มีผู้เสียชีวิต 2,571 ราย บาดเจ็บ 8,850 ราย และอีกสามหมื่นไร้ที่อยู่อาศัย