ASTVผู้จัดการรายวัน- แอลจีเดินหน้าขนสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยมดันยอด ส่งเครื่องซักผ้าฝาหน้าถล่มอิเล็กโทรลักซ์ เบียดขึ้นบัลลังก์ด้วยมาร์เก็ตแชร์ 30% ในสิ้นปี มั่นใจสิ้นปีแอลจียังเติบโตที่ 15-20% หลังไตรมาสหนึ่งสอยรายได้กว่า3,500 ล้านบาท
นายเฮียนวู (ฮาเวิร์ด) ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส1 ที่ผ่านมา แอลจีทำได้ถึง 3,500 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันในปีก่อนราว 15% ซึ่งการเติบโตสวนภาวะเศรษฐกิจนี้ มาจากกลยุทธ์การเปิดตัวสินค้าในกลุ่มพรีเมี่ยม โดยในส่วนของเครื่องปรับอากาศเติบโตขึ้นถึง 30% ส่วนเครื่องซักผ้าและไมโครเวฟโต 20% หรือทั้งปียังคงมั่นใจว่าแอลจีจะยังมีการเติบโตขึ้นอีก 15-20% ตามแผนที่วางไว้
ทั้งนี้ในส่วนของเครื่องซักผ้า บริษัทจะยังเน้นเรื่องของการเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มพรีเมี่ยม ล่าสุดเปิดตัวเครื่องซักผ้าในรุ่นฝาหน้าระดับพรีเมี่ยมจำนวน 7รุ่น ขนาดตั้งแต่ 7-12กก. และเครื่องอบผ้าอีก 1รุ่น ภายใต้งบการตลาดอีก 150 ล้านบาท ที่จะใช้ส่งเสริมการขายและประชาสัมพันธ์การตลาดของกลุ่มเครื่องซักผ้าในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการทำตลาดที่เจาะลึกกับการแบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็น 4 กลุ่มหลัก การเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย การเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานให้สามารถจูงใจในการขายได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้บริษัทยังเพิ่มงบการลงทุนอีกราว 100-150 ล้านบาท ในการขยายกำลังการผลิตเครื่องซักผ้าฝาหน้าขนาด 7 กก. และ 8 กก. เพื่อรองรับการทำตลาดในประเทศไทยด้วย มั่นใจว่าในส่วนของเครื่องซักผ้าฝาหน้าจากเดิมที่มีส่วนแบ่งอยู่ที่ 14% สิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 30% หรือก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดโดยการกินส่วนแบ่งของเจ้าตลาดอย่างอิเล็กทรอลักซ์ ที่มีส่วนแบ่งถึง 42% ในปีที่ผ่านมา อันดับสองคือซีเมนส์ มีแชร์ 23% แอลจีอยู่ในอันดับสาม มีแชร์ 14% ซัมซุงอันดับสี่ มีส่วนแบ่ง 11% และอีก 10% มาจากแบรนด์อื่นๆรวมกัน
โดยตลาดเครื่องซักผ้าฝาหน้า ปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า1,000 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนที่ 50,000เครื่อง ขณะที่ตลาดรวมเครื่องซักผ้า ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 9,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5% โดยแอลจีเป็นผู้นำในตลาดรวมมีส่วนแบ่งที่ 25% ในปีที่ผ่านมา ปีนี้คาดว่าจะมีส่วนแบ่งเป็น 30% ส่วนใหญ่มาจากยอดขายจากกลุ่มเครื่องซักผ้าฝาหน้าเป็นหลัก
นายเฮียนวู (ฮาเวิร์ด) ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส1 ที่ผ่านมา แอลจีทำได้ถึง 3,500 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันในปีก่อนราว 15% ซึ่งการเติบโตสวนภาวะเศรษฐกิจนี้ มาจากกลยุทธ์การเปิดตัวสินค้าในกลุ่มพรีเมี่ยม โดยในส่วนของเครื่องปรับอากาศเติบโตขึ้นถึง 30% ส่วนเครื่องซักผ้าและไมโครเวฟโต 20% หรือทั้งปียังคงมั่นใจว่าแอลจีจะยังมีการเติบโตขึ้นอีก 15-20% ตามแผนที่วางไว้
ทั้งนี้ในส่วนของเครื่องซักผ้า บริษัทจะยังเน้นเรื่องของการเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มพรีเมี่ยม ล่าสุดเปิดตัวเครื่องซักผ้าในรุ่นฝาหน้าระดับพรีเมี่ยมจำนวน 7รุ่น ขนาดตั้งแต่ 7-12กก. และเครื่องอบผ้าอีก 1รุ่น ภายใต้งบการตลาดอีก 150 ล้านบาท ที่จะใช้ส่งเสริมการขายและประชาสัมพันธ์การตลาดของกลุ่มเครื่องซักผ้าในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการทำตลาดที่เจาะลึกกับการแบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็น 4 กลุ่มหลัก การเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย การเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานให้สามารถจูงใจในการขายได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้บริษัทยังเพิ่มงบการลงทุนอีกราว 100-150 ล้านบาท ในการขยายกำลังการผลิตเครื่องซักผ้าฝาหน้าขนาด 7 กก. และ 8 กก. เพื่อรองรับการทำตลาดในประเทศไทยด้วย มั่นใจว่าในส่วนของเครื่องซักผ้าฝาหน้าจากเดิมที่มีส่วนแบ่งอยู่ที่ 14% สิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 30% หรือก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดโดยการกินส่วนแบ่งของเจ้าตลาดอย่างอิเล็กทรอลักซ์ ที่มีส่วนแบ่งถึง 42% ในปีที่ผ่านมา อันดับสองคือซีเมนส์ มีแชร์ 23% แอลจีอยู่ในอันดับสาม มีแชร์ 14% ซัมซุงอันดับสี่ มีส่วนแบ่ง 11% และอีก 10% มาจากแบรนด์อื่นๆรวมกัน
โดยตลาดเครื่องซักผ้าฝาหน้า ปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า1,000 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนที่ 50,000เครื่อง ขณะที่ตลาดรวมเครื่องซักผ้า ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 9,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5% โดยแอลจีเป็นผู้นำในตลาดรวมมีส่วนแบ่งที่ 25% ในปีที่ผ่านมา ปีนี้คาดว่าจะมีส่วนแบ่งเป็น 30% ส่วนใหญ่มาจากยอดขายจากกลุ่มเครื่องซักผ้าฝาหน้าเป็นหลัก
