xs
xsm
sm
md
lg

เอสซีจี พร้อมรุกตลาดกระดาษพิมพ์เขียนพรีเมียม ชูจุดแข็งนโยบาย 3 Green-มั่นใจตลาดโตอีกมาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โรงงานผลิตกระดาษพิมพ์เขียนชนิดไม่เคลือบผิวของเอสซีจี ที่ลงทุนไปร่วม7,300ล้านบาท
ศูนย์ข่าวขอนแก่น-เอสซีจีเปิดแล้วอย่างเป็นทางการโรงงานผลิตกระดาษพิมพ์เขียนชนิดไม่เคลือบผิว เชื่ออนาคตตลาดยังโตได้อีกมากแม้ขณะนี้อยู่ในภาวะขาลง ชูจุดแข็งนโยบาย 3 Green มุ่งตี ตลาดภายในเป็นหลัก เผยผลดีจากโรงงานแห่งใหม่ ช่วยลดนำเข้ากระดาษพิมพ์เขียน –ใช้วัตถุดิบเยื่อกระดาษจากฟินิคซฯครบวงจร

เมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา เอสซีจี เปเปอร์ ได้ทำพิธีเปิดโรงงานผลิตกระดาษพิมพ์เขียนชนิดไม่เคลือบผิว ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณโรงงานฟินิคซ พัลพ แอนด์ เพเพอร์ อำเภอน้ำพอง จ.ขอนแก่น อย่างเป็นทางการ หลังจากเริ่มเดินเครื่องการผลิตมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2551 โรงงานแห่งนี้ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 7,300 ล้านบาท กำลังการผลิต 200,000 ตัน/ปี

นายเชาวลิต เอกบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปเปอร์ หนึ่งในกลุ่มธุรกิจหลักของเครือซิเมนต์ไทย(SCG) กล่าวถึงอัตราการเติบโตในธุรกิจกระดาษพิมพ์เขียนชนิดไม่เคลือบผิว โดยเฉพาะกระดาษถ่ายเอกสารและกระดาษออฟเซตที่ผ่านมาถือว่ามีการขยายตัวในอัตราค่อนข้าง สูงอย่างต่อเนื่อง ราว 6-8 % ต่อปี อย่างไรก็ตาม แม้อัตราการเติบโตของความต้องการตลาดของกระดาษพิมพ์เขียนคุณภาพพรีเมียมในปัจจุบันจะชะลอตัวลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำก็ตาม แต่ทางเอสซีจี เปเปอร์มองว่า ตลาดจะกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต

นายเชาวลิตเปิดเผยว่า เอสซีจี เปเปอร์ มีนโยบายในการทำธุรกิจที่เรียกว่า 3 Green คือการกระตุ้นและเสนอทางเลือกให้ผู้บริโภคเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็น Green Product การส่งเสริมให้ลูกค้าและผู้บริโภคสนใจเลือกสินค้าที่ผลิตขึ้นด้วยกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือ Green Process และการสนับสนุนและเสริมสร้างให้ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ผู้บริโภค และชุมชนมีจิตใจรักสิ่งแวดล้อมหรือ Green Mind ได้มีโอกาสร่วมกันพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อให้คนและธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้เครื่องผลิตกระดาษในโรงงานแห่งนี้ จึงใช้นวัตกรรมที่ทำให้ลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิตจากปริมาณการใช้น้ำปกติถึง 30-50 % การลงทุนระบบบำบัดน้ำทิ้งจากโรงงานที่มีเทคโนโลยีทันสมัย ทำให้โรงงาน ชุมชนและสิ่งแวดล้อมรอบโรงงานสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่เป็นภาระหรือก่อปัญหาซึ่งกันและกัน

“เอสซีจี เปเปอร์ได้รับอนุมัติโครงการลงทุนจากคณะกรรมการและผู้ถือหุ้นเครือซิเมนต์ไทยในปี 2549 เป็นจำนวนเงินราว 7,300 ล้านบาท โดยจะผลิตกระดาษพิมพ์เขียนคุณภาพสูงเพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศเป็นหลัก และมีบางส่วนที่ส่งออกภายในภูมิภาค”นายเชาวลิตกล่าว

ด้านนายธีระศักดิ์ จามิกรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทฟินิคซ พัลพ แอนด์ เพเพอร์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่าในแต่ละปีไทยจะนำเข้ากระดาษพิมพ์เขียนชนิดไม่เคลือบผิวราว 15 % โดยนำเข้าจากอินโดนีเซีย และจีน เมื่อเอสซีจี ขยายการลงทุนสร้างโรงงานผลิตกระดาษพิมพ์เขียนชนิดไม่เคลือบผิวแห่งนี้ขึ้นมา จะช่วยลดการนำเข้าจากต่างประเทศได้มาก

ทั้งนี้วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตกระดาษ จะใช้เยื่อกระดาษที่ผลิตจากโรงงานผลิตเยื่อกระดาษฟินิคซฯโรงที่ 2 เป็นหลัก โดยวัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิต ได้แก่ เยื่อใยสั้นจากไม้ยูคาลิปตัส,ปูนขาวคุณภาพสูงและแป้งมันสำปะหลัง รวมแล้วประมาณ 85-90 % ที่วัตถุดิบส่วนผสมที่เหลืออีกราว 10-15 % นั้นเป็นเยื่อใยยาวที่ผลิตจากเยื่อไม้สนที่นำเข้าจากประเทศแคนาดาและนิวซีแลนด์

ผลดีจากการลงทุนตั้งโรงงานผลิตกระดาษพิมพ์เขียนดังกล่าว นอกจากลดการนำเข้ากระดาษพิมพ์เขียนได้แล้ว ยังทำให้ฟินิคซฯได้ใช้ทรัพยากรในองค์กรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการนำเยื่อกระดาษจากโรงงานผลิตเยื่อกระดาษ มาเป็นวัตถุดิบ ซึ่งปีแรกสามารถลดสัดส่วนส่งออกเยื่อกระดาษลงได้แล้วราวร้อยละ 15 จากเดิมที่เคยส่งออกร้อยละ 25

นายธีระศักดิ์ระบุอีกว่าสำหรับสถานการณ์ของอุตสาหกรรมเยื่อกระดาษปี 2552 นั้นโดยภาพรวมอุตสาหกรรมยังไม่ดีนัก คำสั่งซื้อเข้ามายังไม่แน่นอน ทำให้การเดินเครื่องจักรผลิต ณ ปัจจุบันไม่เต็มศักยภาพการผลิต เป้าหมายหลักในการผลิตเยื่อกระดาษและกระดาษพิมพ์เขียน ฟินิคซฯ จะเน้นผลิตเพื่อรองรับความต้องการใช้ในประเทศเป็นหลัก

อย่างไรก็ตามลู่ทางความต้องการใช้กระดาษ ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้อีกมาก แม้ว่าการเติบโตด้านไอที จะลดการใช้กระดาษลงบ้าง แต่กระดาษก็ยังมีความจำเป็นต่อการใช้งาน เช่น หนังสือเรียน หนังสือสำคัญทางราชการ กล่องบรรจุสินค้า ฯลฯ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและพัฒนาแล้ว มีความต้องการใช้กระดาษสูงมากตามระดับความเจริญของประเทศ ทั้งในลักษณะใช้หนังสือเพื่อการศึกษา อุตสาหกรรมโรงพิมพ์ การผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ

เอสซีจี เปเปอร์ เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจหลักของเครือซิเมนต์ไทย และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมกระดาษครบวงจร ดำเนินธุรกิจใน 5 กิจการหลัก ได้แก่ กิจการสวนป่า กิจการเยื่อกระดาษและกระดาษพิมพ์เขียน กิจการกระดาษอุตสาหกรรม กิจการกระดาษแข็งและกิจการบรรจุภัณฑ์ ปัจจุบันมีโรงงานผลิตกระดาษและบรรจุภัณฑ์กระจายอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศ และในภูมิภาคอาเซียน เช่น เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์และฟิลิปปินส์
กำลังโหลดความคิดเห็น