ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.00 น. วานนี้ (3 เม.ย.)เกิดเหตุปะทะกันระหว่างกองกำลังทหารไทยกับทหารกัมพูชา ขณะออกลาดตระเวนเจอกันที่ร่องตามาเลีย ลำห้วยเอนอ้า หรือผลาญอินทรีย์ ห่างจากปราสาทพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ไปทางด้านทิศตะวันตกประมาณ 3 ก.ม. ซึ่งเป็นจุดที่ จ.ส.อ.สุวัฒน์ ชนะบูรณ์ อายุ 46 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ปืนกล หมวดปืนเล็กที่ 2 พัน ร.162 ร้อย ร.1632 ค่ายบดินทร์เดชา จ.ยโสธร เหยียบกับระเบิดได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาซ้ายขาด ขณะออกเดินลาดตระเวนเมื่อเช้าวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมาเหตุปะทะกันดังกล่าวดำเนินไปประมาณ 5 นาทีจึงสงบลง จากการตรวจเช็คกำลังพลเบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
แหล่งข่าวในพื้นที่ระบุว่า เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ทหารไทยได้ออกลาดตระเวนตามปกติ แต่เมื่อเวลา 07.00 น.ชุดลาดตระเวนได้ลาดตระเวนไปเจอกับกองกำลังทหารของกัมพูชาเหมือนทุกวันที่ผ่านมา แต่น่าแปลกใจที่วันนี้อยู่ๆ ทหารกัมพูชา ก็ยิงเครื่องยิงลูกระเบิดชนิดอาร์พีจีเข้ามาใส่ชุดลาดตระเวนของไทยทันที โชคดีที่เป็นเครื่องยิงลูกระเบิด จึงสามารถหลบได้ทัน หากยิงปืนเล็กใส่ทหารไทย อาจได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จากนั้นต่างฝ่ายต่าง ก็วิ่งเข้าที่กำบังและยิงปะทะกันนานประมาณ 5 นาทีเหตุการณ์ก็สงบลง
ล่าสุดสถานการณ์ตอนนี้ยังอึมครึมอยู่ ต่างฝ่ายต่างตรึงกำลังไว้ในแนวเขตของตัวเองอย่างแน่นหนา รอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา โดยทหารพราน ของไทยมีความพร้อมเต็มที่ ไม่ได้ตกใจ หรือเสียขวัญและพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาทุกเมื่อ
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบกของไทย กล่าวว่าเหตุการปะทะกันเกิดขึ้นหลังจากที่ทหารกัมพูชาราว 20 นายข้ามชายแดนมายังจุดที่ทหารไทย เหยียบถูกกับระเบิดจนบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 2 เม.ย. โดยยืนยันว่าจุดดังกล่าวอยู่ในเขตแดนของไทย
ด้าน นายไพ ลีพัน โฆษกรัฐบาลกัมพูชา แถลงว่าเกิดการปะทะกันเล็กน้อยหลังจากทหารไทยหลายสิบนายล่วงล้ำเข้ามาในเขตแดนกัมพูชา
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวว่า การปะทะกันครั้งนี้เป็นการเข้าใจผิด ระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้โทรศัพท์พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แล้ว ไม่มีปัญหา
การแก้ไขปัญหาบริเวณเขาพระวิหาร ได้หารือกันในทุกระดับ ทั้งระดับรัฐบาล และระดับกองทัพ ซึ่งทั้ง 2 ฝ่าย เห็นตรงกัน และเข้าใจกันดีว่าจะอยู่ร่วมกันโดย ใช้การเจรจาไม่มีเจตนาจะใช้กำลัง และไม่มีเจตนาที่จะให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสะดวกขึ้น และอยู่ในบรรยากาศที่ดี จะหาหนทางพูดคุยกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้การวางกำลังของทั้ง 2 ฝ่ายยังเป็นปกติ ในช่วงที่ผ่านมาเคยมีความพยายามลดกำลังลง แต่ยังไม่มีการถอนกำลัง และกัมพูชาเองก็ไม่ได้นำอาวุธหนักเข้ามาในพื้นที่ตามที่เป็นข่าว
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.มหาดไทย ปฏิเสธว่าไม่ได้คุยกับสมเด็จฮุน เซ็น แต่ประสานงานกันเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้คุยกันแล้วซึ่งเป็น ความเข้าใจผิดของคนระดับล่าง เป็นเรื่องธรรมดาของกำลังที่ใกล้กัน ไม่ได้มีการพูดถึงใครยิงใครก่อน
กัมพูชาก็ไม่ได้ติดใจอะไร เป็นเรื่องที่จะต้องพูดคุยกันของทหารทั้ง 2 ฝ่าย ว่าใครจะอยู่ตรงไหน อย่างไร เพราะเป็นพื้นที่ป่า และไม่มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บ
พล.ต.ธวัชชัย สมุทรสาคร รองแม่ทัพภาคที่ 2 พร้อม พ.อ.วุฒิ แสงจักร รอง ผบ.กองกำลังสุรนารี และคณะ เดินทางมาถึงด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติ เขาพระวิหาร ช่วงบ่าย ก่อนจะไปที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ด้านทิศตะวันตกของ ปราสาทพระวิหารเพื่อเจรจากับ พล.ต.ซรัย ดึ๊ก รอง ผบ.กองพลสนับสนุนที่ 3 ของกัมพูชา ในการแก้ปัญหาทหารไทยปะทะกับกัมพูชายิงปะทะกัน ซึ่งใช้เวลาเจรจานานกว่า 1 ชั่วโมง
พล.ต.ธวัชชัย กล่าวว่า เป็นการหารือเพื่อแก้ปัญหาทหารสองฝ่ายปะทะกัน ซึ่ง พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 มีความห่วงใยอย่างมาก จึงกำชับให้มาดูแล และเจรจาหาข้อยุติกับฝ่ายกัมพูชา ซึ่งสามารถตกลงกันด้วยดี โดยทั้งสองฝ่ายจะควบคุมไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อมาเวลาประมาณ 14.30 น. วันเดียวกัน เกิดเหตุปะทะกันขึ้นอีกครั้ง ระหว่างกองกำลังทหารไทยกับกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ และบริเวณทางขึ้น ปราสาทพระวิหาร ผลจากการปะทะกันครั้งนี้เป็นผลให้ตลาดและชุมชนกัมพูชา ตรงทางขึ้นปราสาทพระวิหารถูกระเบิดถล่ม และเกิดเพลิงไหม้เสียหายเกือบทั้งหมด โดยการปะทะกันครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเหตุการณ์จึงสงบ เบื้องต้นได้มีทหาร ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่ยังไม่สามารถตรวจ สอบได้ว่า ได้รับบาดเจ็บอย่างไร เพราะอยู่ในช่วงชุลมุน
ขณะนี้ พล.ต.ธวัชชัย สมุทรสาคร รองแม่ทัพภาคที่ 2 กำลังเข้าเคลียร์พื้นที่ บริเวณจุดปะทะ และยังไม่เปิดเผยถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด
นายเขียว คัณหฤทธิ์ โฆษกรัฐบาลกัมพูชา เปิดเผยว่า มีทหารกัมพูชา 2 นาย เสียชีวิตในเหตุการณ์ยิงปะทะกับทหารไทย บริเวณพื้นที่พิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา โดยทหารทั้งสองฝ่ายต่างยิงตอบโต้กันอย่างหนักหน่วง และทหารกัมพูชาเสียชีวิตไป 2 นาย การยิงปะทะกันยังคงดำเนินต่อไปในพื้นที่อย่างน้อย 2 แห่ง ทางการไทยและกัมพูชา ได้ยืนยันเรื่องการยิงปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างทหารทั้งสองฝ่ายที่เกิดขึ้น เมื่อเวลา 14.00 น. ตามเวลาในไทย หลังมีการยิงปะทะกันสั้น ๆ ก่อนหน้านี้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าว ว่า ฝ่ายเราไม่ต้องการให้เกิด ความขัดแย้ง ขณะเดียวกันต้องไม่เสียสิทธิ โดยฝ่ายไทยได้ทำเต็มที่และหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความสูญเสีย ไม่ต้องการเห็นคนสองฝั่งปะทะกัน เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมองเป็นพื้นที่ตัวเอง จึงเป็นปัญหา แต่กระบวนการเจรจาก็ยังคงดำเนินอยู่ เกิดการเข้าใจผิดและอุบัติเหตุได้ ทุกระดับจึงต้องทำหน้าที่ประสานกันไป โดยครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกับสมเด็จฮุนเซ็น ก็เห็นพ้องกันว่าต้องแก้ปัญหาตามกรอบการตกลงทางเทคนิคร่วมกัน
นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศ เตรียมที่จะดำเนินการประท้วงทางการกัมพูชา กรณีเหตุปะทะกันระหว่างทหารตามแนวชายแดนของไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ใกล้กับเขาพระวิหาร โดยยืนยันว่าการปะทะดังกล่าวทางทหารกัมพูชาได้รุกล้ำเขามาในฝั่งไทยและเป็นฝ่ายเริ่มต้นยิงก่อน
ด้านนายเกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ตนได้สั่งให้ปิดอุทยานแห่งชาต ิเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ เป็นการชั่วคราวแล้วโดยไม่มีกำหนดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและมีความปลอดภัย รวมทั้งย้ายเจ้าหน้าที่ ให้ลงมาที่ทำการด้านล่างก่อน
แหล่งข่าวในพื้นที่ระบุว่า เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ทหารไทยได้ออกลาดตระเวนตามปกติ แต่เมื่อเวลา 07.00 น.ชุดลาดตระเวนได้ลาดตระเวนไปเจอกับกองกำลังทหารของกัมพูชาเหมือนทุกวันที่ผ่านมา แต่น่าแปลกใจที่วันนี้อยู่ๆ ทหารกัมพูชา ก็ยิงเครื่องยิงลูกระเบิดชนิดอาร์พีจีเข้ามาใส่ชุดลาดตระเวนของไทยทันที โชคดีที่เป็นเครื่องยิงลูกระเบิด จึงสามารถหลบได้ทัน หากยิงปืนเล็กใส่ทหารไทย อาจได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จากนั้นต่างฝ่ายต่าง ก็วิ่งเข้าที่กำบังและยิงปะทะกันนานประมาณ 5 นาทีเหตุการณ์ก็สงบลง
ล่าสุดสถานการณ์ตอนนี้ยังอึมครึมอยู่ ต่างฝ่ายต่างตรึงกำลังไว้ในแนวเขตของตัวเองอย่างแน่นหนา รอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา โดยทหารพราน ของไทยมีความพร้อมเต็มที่ ไม่ได้ตกใจ หรือเสียขวัญและพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาทุกเมื่อ
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบกของไทย กล่าวว่าเหตุการปะทะกันเกิดขึ้นหลังจากที่ทหารกัมพูชาราว 20 นายข้ามชายแดนมายังจุดที่ทหารไทย เหยียบถูกกับระเบิดจนบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 2 เม.ย. โดยยืนยันว่าจุดดังกล่าวอยู่ในเขตแดนของไทย
ด้าน นายไพ ลีพัน โฆษกรัฐบาลกัมพูชา แถลงว่าเกิดการปะทะกันเล็กน้อยหลังจากทหารไทยหลายสิบนายล่วงล้ำเข้ามาในเขตแดนกัมพูชา
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวว่า การปะทะกันครั้งนี้เป็นการเข้าใจผิด ระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้โทรศัพท์พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แล้ว ไม่มีปัญหา
การแก้ไขปัญหาบริเวณเขาพระวิหาร ได้หารือกันในทุกระดับ ทั้งระดับรัฐบาล และระดับกองทัพ ซึ่งทั้ง 2 ฝ่าย เห็นตรงกัน และเข้าใจกันดีว่าจะอยู่ร่วมกันโดย ใช้การเจรจาไม่มีเจตนาจะใช้กำลัง และไม่มีเจตนาที่จะให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสะดวกขึ้น และอยู่ในบรรยากาศที่ดี จะหาหนทางพูดคุยกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้การวางกำลังของทั้ง 2 ฝ่ายยังเป็นปกติ ในช่วงที่ผ่านมาเคยมีความพยายามลดกำลังลง แต่ยังไม่มีการถอนกำลัง และกัมพูชาเองก็ไม่ได้นำอาวุธหนักเข้ามาในพื้นที่ตามที่เป็นข่าว
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.มหาดไทย ปฏิเสธว่าไม่ได้คุยกับสมเด็จฮุน เซ็น แต่ประสานงานกันเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้คุยกันแล้วซึ่งเป็น ความเข้าใจผิดของคนระดับล่าง เป็นเรื่องธรรมดาของกำลังที่ใกล้กัน ไม่ได้มีการพูดถึงใครยิงใครก่อน
กัมพูชาก็ไม่ได้ติดใจอะไร เป็นเรื่องที่จะต้องพูดคุยกันของทหารทั้ง 2 ฝ่าย ว่าใครจะอยู่ตรงไหน อย่างไร เพราะเป็นพื้นที่ป่า และไม่มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บ
พล.ต.ธวัชชัย สมุทรสาคร รองแม่ทัพภาคที่ 2 พร้อม พ.อ.วุฒิ แสงจักร รอง ผบ.กองกำลังสุรนารี และคณะ เดินทางมาถึงด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติ เขาพระวิหาร ช่วงบ่าย ก่อนจะไปที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ด้านทิศตะวันตกของ ปราสาทพระวิหารเพื่อเจรจากับ พล.ต.ซรัย ดึ๊ก รอง ผบ.กองพลสนับสนุนที่ 3 ของกัมพูชา ในการแก้ปัญหาทหารไทยปะทะกับกัมพูชายิงปะทะกัน ซึ่งใช้เวลาเจรจานานกว่า 1 ชั่วโมง
พล.ต.ธวัชชัย กล่าวว่า เป็นการหารือเพื่อแก้ปัญหาทหารสองฝ่ายปะทะกัน ซึ่ง พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 มีความห่วงใยอย่างมาก จึงกำชับให้มาดูแล และเจรจาหาข้อยุติกับฝ่ายกัมพูชา ซึ่งสามารถตกลงกันด้วยดี โดยทั้งสองฝ่ายจะควบคุมไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อมาเวลาประมาณ 14.30 น. วันเดียวกัน เกิดเหตุปะทะกันขึ้นอีกครั้ง ระหว่างกองกำลังทหารไทยกับกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ และบริเวณทางขึ้น ปราสาทพระวิหาร ผลจากการปะทะกันครั้งนี้เป็นผลให้ตลาดและชุมชนกัมพูชา ตรงทางขึ้นปราสาทพระวิหารถูกระเบิดถล่ม และเกิดเพลิงไหม้เสียหายเกือบทั้งหมด โดยการปะทะกันครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเหตุการณ์จึงสงบ เบื้องต้นได้มีทหาร ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่ยังไม่สามารถตรวจ สอบได้ว่า ได้รับบาดเจ็บอย่างไร เพราะอยู่ในช่วงชุลมุน
ขณะนี้ พล.ต.ธวัชชัย สมุทรสาคร รองแม่ทัพภาคที่ 2 กำลังเข้าเคลียร์พื้นที่ บริเวณจุดปะทะ และยังไม่เปิดเผยถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด
นายเขียว คัณหฤทธิ์ โฆษกรัฐบาลกัมพูชา เปิดเผยว่า มีทหารกัมพูชา 2 นาย เสียชีวิตในเหตุการณ์ยิงปะทะกับทหารไทย บริเวณพื้นที่พิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา โดยทหารทั้งสองฝ่ายต่างยิงตอบโต้กันอย่างหนักหน่วง และทหารกัมพูชาเสียชีวิตไป 2 นาย การยิงปะทะกันยังคงดำเนินต่อไปในพื้นที่อย่างน้อย 2 แห่ง ทางการไทยและกัมพูชา ได้ยืนยันเรื่องการยิงปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างทหารทั้งสองฝ่ายที่เกิดขึ้น เมื่อเวลา 14.00 น. ตามเวลาในไทย หลังมีการยิงปะทะกันสั้น ๆ ก่อนหน้านี้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าว ว่า ฝ่ายเราไม่ต้องการให้เกิด ความขัดแย้ง ขณะเดียวกันต้องไม่เสียสิทธิ โดยฝ่ายไทยได้ทำเต็มที่และหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความสูญเสีย ไม่ต้องการเห็นคนสองฝั่งปะทะกัน เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมองเป็นพื้นที่ตัวเอง จึงเป็นปัญหา แต่กระบวนการเจรจาก็ยังคงดำเนินอยู่ เกิดการเข้าใจผิดและอุบัติเหตุได้ ทุกระดับจึงต้องทำหน้าที่ประสานกันไป โดยครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกับสมเด็จฮุนเซ็น ก็เห็นพ้องกันว่าต้องแก้ปัญหาตามกรอบการตกลงทางเทคนิคร่วมกัน
นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศ เตรียมที่จะดำเนินการประท้วงทางการกัมพูชา กรณีเหตุปะทะกันระหว่างทหารตามแนวชายแดนของไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ใกล้กับเขาพระวิหาร โดยยืนยันว่าการปะทะดังกล่าวทางทหารกัมพูชาได้รุกล้ำเขามาในฝั่งไทยและเป็นฝ่ายเริ่มต้นยิงก่อน
ด้านนายเกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ตนได้สั่งให้ปิดอุทยานแห่งชาต ิเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ เป็นการชั่วคราวแล้วโดยไม่มีกำหนดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและมีความปลอดภัย รวมทั้งย้ายเจ้าหน้าที่ ให้ลงมาที่ทำการด้านล่างก่อน
