เอเอฟพี – ธนาคารโลกพยากรณ์เมื่อวานนี้(31)ว่า ผลผลิตทางเศรษฐกิจและปริมาณการค้าของโลกปีนี้ จะทรุดตัวลงรุนแรงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และเตือนว่าเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาก็อาจชะลอตัวรุนแรงตามไปด้วย
รายงานการคาดการณ์เศรษฐกิจฉบับล่าสุดของธนาคารโลกชี้ว่า ปี 2009 นี้เศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 1.7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับเป็นอัตราเติบโตติดลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา
การพยากรณ์ครั้งนี้เป็นการปรับลดลงมาถึง 2.6 เปอร์เซ็นต์ จากการพยากรณ์เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 0.9 เปอร์เซ็นต์
คำพยากรณ์ที่นำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนก่อนถึงกำหนดการประชุมสุดยอด จี-20 เพียง 2 วันระบุด้วยว่า กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่ประเทศเหล่านั้นขาดแคลนทรัพยากรและเครื่องมือในการรองรับผลกระทบในเชิงลบที่เกิดขึ้น
ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า อัตราขยายตัวของ จีดีพี ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะชะลอตัวลงเหลือเพียง 2.1 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ จากที่เคยเติบโต 5.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีที่แล้ว
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า อัตราเติบโตของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในปี 2009 จะอยู่ที่ระดับ 4.4 เปอร์เซ็นต์
สำหรับกลุ่มประเทศในยุโรปและเอเชียกลาง ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าจะประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยค่อนข้างรุนแรง โดยอัตราเติบโตจะติดลบ 2.0 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ภูมิภาคละตินอเมริกาและแคริบเบียนจะมีอัตราการขยายตัวติดลบ 0.6 เปอร์เซ็นต์
“ปริมาณการค้าและจีดีพีของโลกในปี 2009 จะทรุดตัวลงรุนแรงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน” รายงานของธนาคารโลกระบุ
การปรับตัวเลขคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของธนาคารโลกครั้งนี้ “สะท้อนให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเงินที่เสื่อมทรามลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ในเชิงลบที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับระบบเศรษฐกิจที่อ่อนแอและมีระบบการเงินที่เปราะบาง ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อทุกประเทศทั่วโลกอย่างชัดเจนหลังวิกฤตการณ์ปะทุขึ้นเมื่อปลายปี 2008 ที่ผ่านมา”
ในส่วนของพวกเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว ตามการพยากรณ์ล่าสุดของธนาคารโลกนี้ระบุว่า จะหดตัวลง 2.9 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ว่าจะติดลบ 2.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
จัสติน ลิน หัวหน้าคณะนักเศรษฐศาสตร์และรองประธานอาวุโสของธนาคารโลกกล่าวว่า จีนและอินเดียจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการผลักดันการเติบโตของพวกเศรษฐกิจกำลังพัฒนาต่อไป ซึ่งหากไม่นับรวมการเติบโตของจีนและอินเดีย อัตราเติบโตของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะลดลงเหลือศูนย์เปอร์เซ็นต์ทันที
ลินตั้งข้อสังเกตว่า รายได้ที่แท้จริงของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในปีนี้ ไม่รวมจีนและอินเดีย จะติดลบประมาณ 1.5 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากจำนวนประชากรที่เพิ่มสูงขึ้น
เขากล่าวด้วยว่า ตลอดทั่วทั้งโลกกำลังพัฒนา สภาพเศรษฐกิจถดถอยกำลังส่งผลต่อประชาชนผู้มีฐานะยากจนที่สุด ทำให้พวกเขาอ่อนเปราะเสียยิ่งกว่าก่อนเกิดการทรุดตัวทางเศรษฐกิจอย่างฉับพลันเสียอีก นอกจากนั้นแล้ว เศรษฐกิจถดถอยยังกำลังลดทอนโอกาสสำหรับผู้คนเหล่านี้ และทำให้พวกเขาผิดหวังอย่างแรง
ในส่วนของการค้านั้น รายงานของธนาคารโลกคาดการณ์ว่า ปริมาณการค้าโลกปีนี้จะหดตัวลง 6.1 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2008 โดยส่วนใหญ่เป็นผลสืบเนื่องจากการลดต่ำลงอย่างรุนแรงของการค้าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และนับเป็นการหดตัวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 80 ปี นับตั้งแต่ยุคมหาเศรษฐกิจตกต่ำ (the Great Depression)
รายงานการคาดการณ์เศรษฐกิจฉบับล่าสุดของธนาคารโลกชี้ว่า ปี 2009 นี้เศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 1.7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับเป็นอัตราเติบโตติดลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา
การพยากรณ์ครั้งนี้เป็นการปรับลดลงมาถึง 2.6 เปอร์เซ็นต์ จากการพยากรณ์เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 0.9 เปอร์เซ็นต์
คำพยากรณ์ที่นำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนก่อนถึงกำหนดการประชุมสุดยอด จี-20 เพียง 2 วันระบุด้วยว่า กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่ประเทศเหล่านั้นขาดแคลนทรัพยากรและเครื่องมือในการรองรับผลกระทบในเชิงลบที่เกิดขึ้น
ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า อัตราขยายตัวของ จีดีพี ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะชะลอตัวลงเหลือเพียง 2.1 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ จากที่เคยเติบโต 5.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีที่แล้ว
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า อัตราเติบโตของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในปี 2009 จะอยู่ที่ระดับ 4.4 เปอร์เซ็นต์
สำหรับกลุ่มประเทศในยุโรปและเอเชียกลาง ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าจะประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยค่อนข้างรุนแรง โดยอัตราเติบโตจะติดลบ 2.0 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ภูมิภาคละตินอเมริกาและแคริบเบียนจะมีอัตราการขยายตัวติดลบ 0.6 เปอร์เซ็นต์
“ปริมาณการค้าและจีดีพีของโลกในปี 2009 จะทรุดตัวลงรุนแรงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน” รายงานของธนาคารโลกระบุ
การปรับตัวเลขคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของธนาคารโลกครั้งนี้ “สะท้อนให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเงินที่เสื่อมทรามลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ในเชิงลบที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับระบบเศรษฐกิจที่อ่อนแอและมีระบบการเงินที่เปราะบาง ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อทุกประเทศทั่วโลกอย่างชัดเจนหลังวิกฤตการณ์ปะทุขึ้นเมื่อปลายปี 2008 ที่ผ่านมา”
ในส่วนของพวกเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว ตามการพยากรณ์ล่าสุดของธนาคารโลกนี้ระบุว่า จะหดตัวลง 2.9 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ว่าจะติดลบ 2.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
จัสติน ลิน หัวหน้าคณะนักเศรษฐศาสตร์และรองประธานอาวุโสของธนาคารโลกกล่าวว่า จีนและอินเดียจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการผลักดันการเติบโตของพวกเศรษฐกิจกำลังพัฒนาต่อไป ซึ่งหากไม่นับรวมการเติบโตของจีนและอินเดีย อัตราเติบโตของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะลดลงเหลือศูนย์เปอร์เซ็นต์ทันที
ลินตั้งข้อสังเกตว่า รายได้ที่แท้จริงของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในปีนี้ ไม่รวมจีนและอินเดีย จะติดลบประมาณ 1.5 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากจำนวนประชากรที่เพิ่มสูงขึ้น
เขากล่าวด้วยว่า ตลอดทั่วทั้งโลกกำลังพัฒนา สภาพเศรษฐกิจถดถอยกำลังส่งผลต่อประชาชนผู้มีฐานะยากจนที่สุด ทำให้พวกเขาอ่อนเปราะเสียยิ่งกว่าก่อนเกิดการทรุดตัวทางเศรษฐกิจอย่างฉับพลันเสียอีก นอกจากนั้นแล้ว เศรษฐกิจถดถอยยังกำลังลดทอนโอกาสสำหรับผู้คนเหล่านี้ และทำให้พวกเขาผิดหวังอย่างแรง
ในส่วนของการค้านั้น รายงานของธนาคารโลกคาดการณ์ว่า ปริมาณการค้าโลกปีนี้จะหดตัวลง 6.1 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2008 โดยส่วนใหญ่เป็นผลสืบเนื่องจากการลดต่ำลงอย่างรุนแรงของการค้าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และนับเป็นการหดตัวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 80 ปี นับตั้งแต่ยุคมหาเศรษฐกิจตกต่ำ (the Great Depression)
